xs
xsm
sm
md
lg

เปิดเบื้องหลังจับ “นางโจร” ฆ่าเผา พล.ต.ต.!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

น.ส.ภรณ์ภัสสรณ์ หรือบ๋อม ศิริวงศ์ อายุ 24 ปี ผู้ต้องหา
เสียงวิทยุสื่อสารดังลั่นโรงพักบางใหญ่ ราว 2 ทุ่มของวันที่ 2 ก.ค.2552 ร.ต.ท.สงคราม บัวพันธุ์ ร้อยเวรสอบสวนจับใจความได้ว่า “เหตุเพลิงไหม้บ้านเลขที่ 47/131 หมู่บ้านกฤษดานคร 10 ถนนตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ทราบนามเจ้าของบ้าน พล.ต.ต.ชูเกียรติ ภัยลี้ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7”

หลังรายงานเหตุให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้ว ร.ต.ท.สงคราม รุดไปที่เกิดเหตุ พร้อมรถดับเพลิงอีกหลายคัน เมื่อไปถึง พบว่าที่เกิดเหตุเป็นบ้านหรู 2 ชั้น ทรงยุโรป เนื้อที่ประมาณ 80 ตารางวา มีรั้วรอบขอบชิด พบเพลิงกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรงบนห้องนอนชั้นบน และลุกลามชั้นล่างของบ้าน ท่ามกลางกลุ่มควันหนาทึบพวยพุ่งอยู่ตลอดเวลา เจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้เวลาราว 40 นาที จึงควบคุมเพลิงไว้ได้อย่างสงบ

หลังเข้าเคลียร์พื้นที่ เจ้าหน้าที่ถึงกับตกตะลึง เมื่อบนห้องนอนพบร่าง พล.ต.ต.ชูเกียรติ เจ้าของบ้าน ถูกไฟเผาร่างดำเป็นตอตะโก เป็นที่น่าเวทนา! ทั้งตำรวจและญาติพี่น้องหลายคนต่างเชื่อว่า พล.ต.ต.ชูเกียรติ อาจสำลักควันไฟ และไม่สามารถหนีตายได้ทัน ด้วยมีอายุมากถึง 69 ปี แต่ทว่า “รองฯ แจ๊ส” พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รอง ผบช.ภ.1 ที่ไปร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วย ไม่ได้มองเช่นนั้น?

“หลังจากได้รับแจ้ง เราก็เดินทางไปดูที่เกิดเหตุ ซึ่งเมื่อไปถึงเราก็มองได้ 2 ประเด็น คืออุบัติเหตุไฟไหม้และถูกไฟคลอก ซึ่งอาจจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร แต่ลึกๆ แล้วเรายังไม่เชื่อว่าทำไมจึงเกิดไฟไหม้ และเหตุใดศพจึงอยู่บนห้องนอน ซึ่งมันผิดวิสัย เพราะถ้าคนที่ไม่ได้ถูกวางยานอนหลับหรืออะไรอย่างพี่ชูเกียรติ ประสบการณ์ท่านเยอะแยะทำไมท่านจะหนีออกมาไม่ได้ ถ้าไฟไหม้แบบนั้น และในการตัดสินใจช่วงนั้นพี่ชูเกียรติจะตัดสินใจแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้โดยไม่ถึงกับเสียชีวิต ถ้าท่านอยู่ในสภาพที่สติสัมปชัญญะปกติ จึงได้มีการสั่งให้รีบส่งศพไปชันสูตรที่นิติเวช เพื่อหาสาเหตุการตายอย่างละเอียด” พล.ต.ต.คำรณวิทย์ บอก

พฐ.ชี้ชัดฆาตกรรมอำพราง


วันรุ่งขึ้น ผลการตรวจชันสูจน์ศพระบุออกมาชัดเจนว่า พล.ต.ต.ชูเกียรติ ไม่ได้ถูกไฟคลอกตาย ทว่าถูกฆ่าตายก่อนจะถูกเพลิงเผาร่าง เพราะสภาพศพมีร่องรอยบาดแผลถูกทำร้ายด้วยอาวุธมีด และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ชี้ชัดว่า ผู้ตายเสียชีวิตก่อนที่จะเกิดเพลิงไหม้บ้าน เพราะไม่มีเขม่าควันไฟภายในปอด นั่นหมายความว่า คดีนี้กลายเป็นคดีฆาตกรรมอำพราง !?!

หลังทราบผลการชันสูตรศพ ทั้ง พล.ต.ต.คำรณวิทย์ พ.ต.อ.เพชรัตน์ แสงไชย รอง ผบก.ศสส.ภาค 1 พ.ต.อ.ชยานนท์ มีสติ ผกก.ศสส.ภาค 1 ร่วมกับชุดสืบสวน กก.2 บก.ป. นำโดย พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ผกก.2 บก.ป ปิดห้องประชุมเครียดถึงแนวทางในการคลี่คลายคดี

“จุดเริ่มต้นของการสืบสวนคดีนี้มันก็ต้องเริ่มจากที่เกิดเหตุ เมื่อตอนที่ พฐ.ไปตรวจคร่าวๆแล้วแต่เรายังให้คงสภาพไว้เหมือนเดิม พอเรารีบไปดูที่เกิดเหตุก็พบว่ามันมีการกินข้าวก่อน มีแก้วน้ำ 2 ใบ แล้วทำไมคนขึ้นไปตายอยู่ข้างบนห้องในสภาพถูกเผา และลักษณะของเพลิงไหม้ คือปกติมันจะต้องมีจุดต้นเพลิง แต่เหตุการณ์นี้มีจุดต้นเพลิงถึง 3 จุด เช่น ใต้บันได ซึ่งใต้บันไดบ้านถูกเพลิงไหม้ไม่เหลือเลย ซึ่งมันจะต้องมีจุดที่ไหม้ใต้บันไดอย่างเดียว และในห้องนอนซึ่งกว่าจะลุกลามไปแต่ในห้องก็มีจุดที่ไหม้หนักๆ อยู่ มันทำให้มีพิรุธเหมือนกันอันนี้คือจุดเริ่มต้นของการสืบสวน หลังจากนั้นเราก็มาไล่วงจรชีวิตของพี่ชูเกียรติว่าตั้งแต่เช้าท่านไปไหนทำอะไรมาบ้าง เริ่มตั้งแต่ตี 5 ท่านโทรศัพท์หาใครบ้าง 8 โมงออกมากดเงินไปหาคนรู้จักและออกมากดเงิน และหลังจากกดเงินแล้วเงินไปไหน เราก็ไปตามจนเจอว่าท่านกดเงินไปให้ใครและหลังจากนั้นท่านไปกินข้าวที่ไหน และกลับเข้ามาอีกที่กี่โมง จนเวลาเกิดเหตุท่านสั่งอาหารมาที่บ้าน เช่นท่านสั่งมาตอนบ่ายโมงกว่าอาหารมาบ่าย 2 โมง ตอนเช้าที่ท่านไปร้านอาหารเราก็ไปมาแล้ว ร้านญีญวนเราไปมาแล้ว ก็ไปตรวจสอบพบว่าท่านนั่งทานอะไรบ้าง จ่ายเงินไปเท่าไหร่ นั่งทานอยู่ 2 คน จนออกจากร้านมากี่โมงออกจากร้านมาแล้วทำไมเมื่อกลับมาถึงบ้านยังโทรไปสั่งอาหารที่ร้านตามสั่งมาอีก 3 อย่าง แล้วใครเป็นคนเอาอาหารมาส่ง เราก็คุยกับคนที่ส่งอาหารว่าอาหารที่มาส่งมีอะไรบ้าง มาส่งกี่โมง แล้วท่านจ่ายเงินไป 115 บาทมันก็ทำให้เรารู้ว่า จากการที่อาหารมาส่ง มีแก้ว 2 ใบ มีจาน 2 ใบเราก็มองว่าต้องมีการนั่งกินกันก่อน แต่เมื่อมีการกินมันก็ต้องว่ากันไปถึงบ่าย 2 โมงที่เขาส่งมาหาจนเวลาบ่าย 3 โมงครึ่งคนเริ่มได้กลิ่นควันไฟเราก็คำนวณว่าช่วงเวลาเกิดเหตุน่าจะอยู่ที่ 1 ชั่วโมงหรือ 1 ชั่วโมงครึ่ง ช่วงเวลาตั้งแต่บ่าย 2โมงถึงบ่าย 3 โมงครึ่งมันเป็นเวลาปริศนาที่เราต้องสืบหา” พล.ต.ต.คำรณวิทย์กล่าว พร้อมทั้งยอมรับว่า อาหารที่ พล.ต.ต.ชูเกียรติ สั่งมารับประทานนั้นมีเครื่องดื่มแอลกอออล์ด้วย

วงจรปิดปรากฏร่างหญิงสาว!

คดีเริ่มเป็นรูปธรรมมมากขึ้น เมื่อชุดสืบสวนได้ภาพจากกล้องวงจรปิดของธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบางลำพู ที่คนร้ายไปกดบัตรเอทีเอ็มของผู้ตาย ปรากฏว่าเป็นหญิงสาว!

เมื่อได้ข้อมูลดังกล่าวมา ชุดคลี่คลายคดีจึงตัดประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องออก และบีบประเด็นให้แคบลง โดยพุ่งเป้าหมายไปยังคนใกล้ชิดและสนิทสนมกับ พล.ต.ต.ชูเกียรติ เป็นพิเศษ เพราะสามารถเข้าไปก่อเหตุในระยะประชิดตัวได้ ที่สำคัญยังรู้รหัสบัตรเอทีเอ็มของผู้ตายด้วย แต่ทั้งนี้ ภาพที่ได้มาจากกล้องวงจรปิด ยังไม่ค่อยชัดเจน จึงต้องใช้เทคนิคทำให้ภาพคมชัดมากขึ้น และเมื่อตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์มือถือต้องสงสัยรายหนึ่ง ซึ่งโทร.เข้ามือถือผู้ตายหลายครั้ง โดยก่อนเกิดเหตุไม่นานโทร.มาหาผู้ตายถึง 2 ครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน เมื่อเจ้าหน้าที่ทดลองติดต่อกลับไปยังหมายเลขที่โทร.มาหาผู้ตาย ปรากฏว่าเกือบทั้งหมดมีผู้รับสาย มีเพียงหมายเลขต้องสงสัยหมายเลขเดียวนี้เท่านั้นที่ไม่สามารถติดต่อได้อีก จึงเชื่อว่าเจ้าของหมายเลขน่าจะเกี่ยวข้องกับคดี

“เราไม่ได้มองแค่เหตุเพลิงไหม้ คิดไปว่าใครที่มันวางแผนอยู่ในขบวนการและเป็นคนฆ่าท่านอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเบอร์โทรศัพท์ของผู้ต้องหามีเบอร์โทรแกหาท่าน โทรติดต่อแล้ว เราเช็คการใช้ปรากฏว่าไม่มีการโทรไปหาคนอื่น เราก็มองว่าทำไม 2 อาทิตย์ เบอร์นี้ไม่โทรหาใครเลยมันผิดวิสัย ผมประชุมทีมงานทุกวัน มองไปได้เลยว่ามีการวางแผนที่จะฆ่าท่าน โดยเปิดโทรศัพท์เบอร์นี้ไว้ เหมือนเบอร์เฉพาะกิจโดยตรง” พล.ต.ต.คำรณวิทย์ เล่าถึงการแกะรอยคนร้าย

7 วันจับคนร้ายรับทำคนเดียว

หลังจากเกิดเหตุได้ครบ 7 วัน ชุดสืบสวนก็สามารถติดตามจับกุม นางสาวภรณ์ภัสสรณ์ หรือบ๋อม ศิริวงศ์ อายุ 24 ปี ได้พร้อมของกลาง มีดพับ 1 เล่ม สร้อยคอทองคำหนัก 10 บาท 1 เส้น 5 บาท 1 เส้น และสร้อยคออีก 4 เส้น นาฬิกาข้อมือยี่ห้อโรเล็กซ์ฝังเพชร 1 เรือน พระสมเด็จพร้อมตลับทอง 1 รายการ เหรียญสมเด็จโตพร้อมตลับทอง 1 องค์ แหวนเพชร 3 วง เงินสด 2 แสนบาท กระเป๋าสตางค์ กล้องดิจิตอล โทรศัพท์มือถือ เสื้อยืดสีขาวคาดเขียว ที่ผู้ต้องหาใส่ไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม โดยสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่ จ.เพชรบูรณ์

“หลังจากจับกุมได้และนำตัวมาสอบ ผู้ต้องหาให้การว่าเบอร์นี้ท่านเป็นคนซื้อให้เอง โดยบอกว่าเอาไว้ใช้ติดต่อกับท่านคนเดียว มันก็มีความเป็นไปได้ โจทย์ที่เราตั้งไว้ว่าไม่ทำคนเดียว มีรถมารับไปยังไง เอาทรัพย์สินไปยังไง กระจายแบ่งทรัพย์สินกันยังไง เราตั้งโจทย์ไว้เยอะเลยในชั้นการสืบสวน และก็ให้ลูกน้องไปทำการบ้านมาให้แต่ละชุดแต่ละคนไปสืบหาข้อนี้มา ซึ่งสิ่งที่ได้กลับมามันก็สอดคล้องกับคำให้การของผู้ต้องหา” รองฯ แจ๊สบอก

นางสาวภรณ์ภัสสรณ์ หรือบ๋อม ยอมรับสารภาพว่า เป็นพนักงานที่ร้านอาหารโคขุน ย่านบางบัวทอง รู้จักกับผู้ตายมาหลายปี เพิ่งจะเคยไปบ้านผู้ตายเป็นครั้งแรกในวันที่ก่อเหตุ โดยโทรศัพท์ไปขอยืมเงินก่อน และผู้ตายนัดไปพบที่ร้านอาหารใกล้กับที่ทำงานเก่า ก่อนจะพามาที่บ้านของผู้ตาย

โหดมีดพกแทงคอปลิดชีพ

“เมื่อมาถึงก็รับประทานอาหารกัน จากนั้นผู้ตายขอตัวขึ้นไปบนห้อง ฉันเห็นว่านานผิดปกติจึงตามขึ้นไปดูเห็นผู้ตายหลับอยู่ ประกอบกับเห็นทรัพย์สินของผู้ตายจำนวนมากเลยอาศัยจังหวะที่ผู้ตายหลับอยู่ใช้มีดพกที่พกติดตัวมา แทงเข้าที่คอและบริเวณอื่นอีกหลายแผล ส่วนที่แทงหลายแผลนั้นไม่ได้มีความแค้น แต่เพื่อให้แน่ใจว่าเสียชีวิตแล้ว จากนั้นก็รื้อค้นทรัพย์สินของผู้ตายไปหมด ส่วนที่เผาบ้านก็เพื่ออำพรางคดีไม่ให้ถูกจับได้ โดยใช้ไฟแซ้กในลิ้นชักของผู้ตาย จากนั้นก็วทิ่งหนีออกมาขึ้นรถแท็กซี่ ไปกดเงินย่านบางลำพู ที่ทำลงไป เพราะต้องการนำเงินไปใช้หนี้ ซึ่งตนเป็นหนี้บัตรเครดิตและหนี้นอกระบบประมาณ 2 แสนบาท คิดว่าถ้าหากยืมเงินผู้ตายคงไม่ให้ เลยวางแผนฆ่าเพื่อชิงทรัพย์ ก่อนหน้านี้ฉันไม่ทราบว่าผู้ตายเป็นนายตำรวจใหญ่ แต่มารู้ภายหลัง เนื่องจากก่อนหน้านี้ผู้ตายมักจะพูดกับตนว่าเป็นดาบตำรวจ” นางสาวภรณ์ภัสสรให้การ

เหยื่อชอบโอ้อวดทรัพย์สินราคาแพง

พล.ต.ต.คำรณวิทย์ สำทับว่า ตอนที่เราไปตรวจค้นจับกุมนั้นเราไม่เจอใคร เราเน้นในเรื่องของจุดเกิดเหตุเขาทำจริงหรือไม่ ทำคนเดียวหรือเปล่า จากการรับสารภาพของเขามันตรงกันกับที่เกิดเหตุทั้งหมด แล้วความเป็นไปได้เราดูจากผลแพทย์ ผลออกมาพบว่า หลอดคอถูกตัด หลอดลมถูกตัด หลังจากที่พูดคุยขอยืมเงิน ผู้ต้องหาบอกว่าท่านขอตัวขึ้นไปบนห้องแล้วบอกว่า เดี๋ยวๆ คอยเดี๋ยว เขาคิดว่าท่านขึ้นไปเอาตังค์มาให้ตามที่ขอยืม ก็คอยอยู่นานประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ขึ้นไปดู เมื่อขึ้นไปก็เห็นท่าน แต่ขณะที่หลับเนี่ยคนมันต้องการตังค์ และขณะที่คบกับท่านคุยกันตลอด ท่านก็ชอบใส่ทอง 2 เส้น เส้นละ 10 บาท 5 บาท แล้วท่านก็ชอบคุยว่า พระสมเด็จองค์นี้ราคาหลายล้านบาท ชอบใส่แหวน 3 วง ใส่นาฬิกาโรเล็กซ์ฝังเพชร ท่านก็บอกนาฬิกาเรือนนี้เป็นล้าน แหวนราคาเป็นล้าน ทำให้คนมันเกิดความโลภ ยิ่งเป็นหนี้อยู่ 2 แสน แล้วผู้ต้องหาก็เป็นคนที่ไม่มีฐานะ เมื่อขึ้นไปบนห้องเห็นทรัพย์สินวางอยู่บนเตียงคงจะตัดสินใจนาทีนั้น เขาก็บอกว่าเขาตัดสินใจนาทีนั้นเลย เขาไม่มีทางออกส่วนมีดผู้ต้องหารายนี้เป็นคนที่พกมีดประจำ ที่บ้านก็มีอีก 3-4 เล่ม ลักษณะเป็นมีดพับเขาเจอมีดแปลกๆ เขาก็ซื้อ แต่มีดสปริงมันก็คม ใบมีดยาวเกือบคืบ และจากการที่เขาชอบสะสมมีดการแทงของเขา เขาเอามือกดหน้าและแทงเข้าที่คอเลย จ้วงแทงคอเลย เข้าไปมิดเลือดกระฉูด ด้วยสัญชาตญาณพี่ชูเกียรติเมื่อรู้ว่าถูกแทงก็สะดุ้งเฮือก ในทันทีทันใดนั้น แกก็กัดนิ้วที่ปิดหน้าอยู่ แล้วก็เอามือปัดๆก็เกิดยื้อกัน ทำให้ผู้ต้องหามีบาดแผลที่นิ้วไปเย็บมา 5 เข็ม แต่ขณะนั้นเมื่อหลอดคอถูกตัด ซึ่งเมื่อคุยกับแพทย์อย่างละเอียด แพทย์บอกว่า คนเราเมื่อถูกแทงที่หลอดคอมันเป็นเพียงแค่ชั่วอึดใจ ก็ดิ้นและต่อสู้ในช่วงแค่อึดใจ แต่ในนาทีนั้นพอขาดอากาศหายใจ เฮือกสะดุดขึ้นมาแรงก็เริ่มแผ่ว พอแผ่วในจังหวะนั้น ถ้ามีเลือดเข้าไปในหลอดลมด้วย ยิ่งหมดแรงเลย พอหลอดคอถูกตัดท่านก็ดิ้นๆแล้วแย่งมีดกัน จนท่านตกไปที่เตียงพอตกจากเตียงปุ๊บ ผู้ต้องหาก็จ้วงแทงใหญ่เลย และแทงหลายครั้งที่คอ ซึ่งมันก็ตรงกับบาดแผลทั้งหมด

“จากการตรวจพิสูจน์ในที่เกิดเหตุเรารู้ว่าจุดต้นเพลิงน่าจะมีประมาณ 3 จุด เพราะมันมีจุดที่ไหม้หนักๆ อยู่ เช่น ในห้องนอน นอกห้องนอน และใต้บันได แล้วมันก็ลุกลามไป ซึ่งก็ตรงกับที่ผู้ต้องหาบอกว่าใช้ไฟแช็คจุดกับที่นอนในห้องนอน เผากองผ้าพวกปลอกหมอนผ้าปูที่นอนที่กองไว้นอกห้อง และใต้บันไดที่ไหม้เยอะที่สุด ซึ่งเราถามจากคนดูแลบ้านเขาบอกว่าเก็บหนังสือพิมพ์เก่าๆเอาไว้ พอผู้ต้องหาลงบันไดมาเห็นกองหนังสือพิมพ์ก็จุดไฟเผาที่ใต้บันไดอีกที ทุกอย่างันตรงกับผลตรวจหมดเราเลยมั่นใจว่าเขาทำคนเดียว ไม่มีเบื้องหลัง แล้วยิ่งผลหมอออกมาแบบนี้ด้วย ต่อให้แข็งแรงยังไงก็ตามถูกแทงคอไปก็ไม่รอด ผมถามเขาว่าทำไมต้องแทงคอ เขาบอกว่าคนเราจะฆ่าตัวตายก็ต้องผูกคอตาย จะฆ่าคนก็รัดคอบีบคอตาย เพราะฉะนั้นคิดว่าคอเป็นจุดอ่อน ผู้ต้องหาเขาย่องเข้าไปในห้องอ้อมไปหัวเตียง เอามือกดหน้าแล้วจ้วงแทงคอเลย ไม่ลังเล ไม่ใช่กดหน้าจนท่านดิ้นแล้วค่อยแทงๆทำให้โอกาสต่อสู้ในนาทีนั้นมันไม่มี แต่มันโดนมีดไปแล้วถึงได้รู้สึกตัว” รอง ผบช.ภ.1 แสดงความมั่นใจว่าผู้ต้องหารายนี้ เป็นคนก่อเหตุเพียงคนเดียวจริง

การแกะรอยคนร้ายไปตามจับกุมถึง จ.เพชรบูรณ์นั้น พล.ต.ต.คำรณวิทย์ บอกว่า คงต้องขอปิดเทคนิคบางส่วนไว้ “นอกจากหลักฐานในที่เกิดเหตุ หลักฐานจากแพทย์ จาก พฐ. จากกล้องวงจรปิด เรายังมีหลักฐานทางเทคนิคด้วย เราสามารถเอามาประมวลกันแล้วก็สามารถนำพาไปสู่จุดหมายที่เพชรบูรณ์ได้ แต่ทั้งนี้ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าคืออะไร”

ฆ่าเผาอำพรางดูจากหนัง

รองฯ แจ๊ส ไขปริศนาคาใจของผู้คนส่วนใหญ่ที่ว่า หากคนร้ายรู้ว่าผู้ตายเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ไฉนจึงกล้าลงมือ

“เขาไม่คิดว่าท่านเป็นนายตำรวจใหญ่ เขาบอกว่าเขาก็ไม่รู้ เพราะท่านชูเกียรติชอบพูดเสมอว่า “นี่ดาบชูนะ นี่จ่าชูนะ” ผู้ต้องหาเขาก็คิดว่าเป็นนายดาบ พอตอนหลังมารู้ว่าเป็นนายตำรวจใหญ่แต่เกษียณแล้วคงไม่มีอะไร”

ส่วนสาเหตุที่ผู้ตายกับผู้ต้องหานั่งรับประทานอาหารกันอยู่ในบ้าน แต่เมื่อผู้ตายขึ้นไปบนห้องและเผลอหลับไปนั้น พล.ต.ต.นคำรณวิทย์ ไขปริศนาว่า “ก่อนหน้านี้ท่านก็ให้ทิปให้ตังค์ใช้ แต่คราวนี้ผู้ต้องหายืมเงินถึง 2 แสน เราก็ไม่รู้ว่านาทีนั้นท่านจะให้ยืมหรือไม่ให้ ถึงมีการนั่งกินข้าว กินเหล้าตั้งแต่ 11 โมง ที่ท่านกินเหล้าจากร้านอาหารแล้วกลับมากินต่อที่บ้านตั้งแต่บ่ายโมงจนถึงบ่าย 2 โมงกว่าๆ ก่อนที่อาหารมาส่ง ท่านกินข้าวแล้วเลยสั่งอาหารมาให้ผู้ต้องหากิน ท่านดื่มเหล้าไปต้องมีอาการเมาบ้าง เราคิดว่าท่านคงดื่มไปเรื่อยๆ เพราะในที่เกิดเหตุเห็นว่าเหล้าจะหมดแล้วเหลืออยู่นิดหน่อย ระหว่างนั้นท่านก็ขึ้นไปโดยเปิดประตูแง้มไว้ อาจจะขึ้นไปเอาตังค์มาให้ผู้ต้องหาหรือเปล่า แต่เกิดเผลอหลับไปด้วยความเมาเพราะอายุท่านก็ 69 ปีแล้ว ผู้ต้องหาเห็นนานจึงย่องขึ้นไป เห็นว่าหลับ นี่คือคำรับสารภาพของเขา ผมถามเขาว่าท่านมีพฤติกรรมอะไรที่จะลวนลามไหม เขาก็บอกว่าไม่มี แต่ท่านก็พูดไปว่าเดี๋ยวจะหาทางช่วย ทำให้ผู้ต้องหาเกิดความหวัง แต่เมื่อเห็นว่าไม่น่าจะได้ จึงก่อเหตุเพราะถูกเร่งรัดเรื่องหนี้สิน ส่วนที่เผาบ้านก็บอกว่าดูมาจากหนัง”

คดีนี้ตำรวจใช้เวลาเพียง 1 สัปดาห์ในการปิดคดีได้อย่างสมบูรณ์ แม้จะมีความลึกลับซับซ้อนบ้าง แต่ก็ใช่เกินความสามารถ จึงได้แต่หวังว่า ในคดีอื่นๆ ที่เกิดขึ้นกับประชาชนทั่วไป ตำรวจจะเอาใจใส่และเร่งคลี่คลายคดีให้อย่างเต็มความสามารถเช่นกัน

ทรัพย์สินของ พล.ต.ต.ชูเกียรติ ภัยลี้ อดีต รอง ผบช.ภ.7 ที่ยึดได้ขณะที่จับกุมตัวผู้ต้องหา
ตำรวจคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
จุดที่ น.ส.ภรณ์ภัสสรณ์ ใช้มีดแทง พล.ต.ต.ชูเกีรยติ จนเสียชีวิต
แทงซ้ำหลายแผลจนแน่ใจว่าตาย
ผู้ต้องหาปีนรั้วหลบหนีหลังจากที่ก่อเหตุ
จุดที่มากดเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม
อีกจุดหนึ่งที่ผู้ต้องหาคนเงินสดจากบัตรเอทีเอ็มของผู้ตาย
กำลังโหลดความคิดเห็น