“ลิเดีย” ควงป้าบุกสถานีตำรวจภูธรภาค 1 ร้องเรียนกรณีบ้านของป้าที่อยู่แก่งคอยถูกขโมยขึ้นบ้านสองรอบสูญเงินนับล้าน เผยสุดห่วงความปลอดภัยของญาติจึงต้องเข้าร้องเรียน
ตกเป็นข่าวขึ้นโรงขึ้นศาลอีกแล้วสำหรับ “ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา” นักร้องค่ายอาร์เอส ก่อนนี้ก็ขึ้นศาลเพื่อดำเนินคดีหมอกฤษฎ์ ศุกกฤษฎ์ ปทุมศรีวิโรจน์ ล่าสุดเจ้าตัวพร้อมครอบครัวก็ควงคุณป้า “กรอนงค์ วรรนะชัยเกียรติ” บุกสถานีตำรวจภูธรภาค 1 ถนนวิภาวดี เพื่อเข้าร้องเรียนกับ “พล.ต.ต. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง” รองผบช.ภ.1 กรณีโดนมือดีเข้ามาขโมยของในบริษัท “บริษัท ท๊อป มารีน จำกัด” ที่ตั้งอยู่อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นบริษัทของคุณป้าลีเดีย โดยมีการเข้ามาขโมยของแล้วถึงสองครั้ง ซึ่งเจ้าตัวได้เปิดเผยถึงสาเหตุที่ต้องออกหน้าเองในครั้งนี้ว่าเป็นเพราะเป็นห่วงญาติพี่น้องกลัวว่าจะตกอยู่ในอันตราย
“คือป้าเขาจะมีบริษัทอยู่ที่แก่งคอยคือโดนขโมยขึ้นเป็นรอบที่สอง รอบที่แล้วเดือนที่แล้ว ก็มาวางยาเบื่อน้องหมาน้องแมวก็ตายไปหลายตัว เขาก็มาเอาทรัพย์สินเยอะก็เลยอยากขอความช่วยเหลือ กลัวจะมีรอบสาม ก็เลยรีบมาแจ้งความก่อน ซึ่งของที่ๆ ได้ไปก็เยอะเลย ดีเทลต้องถามกับคุณป้า แต่คือจริงๆ แล้วกลัวเรื่องความปลอดภัย เพราะลูกพี่ลูกน้องอยู่ที่นั่นด้วย เป็นผู้หญิงด้วย ก็ไม่รู้ว่าอันตรายหรือเปล่าแล้วเขาจะมาอีกรอบสามมั้ยเราก็กลัว คือข้าวของเงินทองเรายังหาใหม่ได้ แต่ถ้าเกิดอันตรายขึ้นกับคนที่เป็นญาติเราก็พยามป้องกันไว้ก่อน”
ด้านคุณป้าของนักร้องสาวเผย น่าจะเป็นพนักงานที่เคยทำงานแล้วลาออกไป ซึ่งค่าเสียหายที่เสียไปรวมแล้วเป็นล้าน
“น่าจะเป็นพนักงานที่ออกไป คือที่บริษัทจะมีพนักงานที่ขับรถสิบล้อเยอะมากก็เลยไม่รู้จะสงสัยใคร แต่ก็ไม่มั่นใจเพราะเราไม่มีหลักฐาน ของอย่างนี้มันต้องมีหลักฐาน แม้ว่าจะมีกล้องวงจรปิดเขาก็จะใส่ไอ้โหม่ง ถุงมือ ถุงเท้า มันก็อยากที่จะชี้ว่าเป็นใคร ถือว่าโชคร้ายก็แล้วกัน ซึ่งทรัพย์สินที่ได้ไปรอบแรกมีพระเหลี่ยมจีวร ก็เป็นล้านแล้ว รอบหลังมากวาดต่อ กลัวรอบสาม”
“ตอนนี้ก็ต้องช่วยตัวเองด้วยการป้องกันตัวเองด้วยการติดเหล็กดัดเพิ่ม คือออฟฟิศไม่ค่อยมีคนอยู่ มันก็ค่อนข้างที่จะดูแลลำบาก สรุปว่าไม่เกิดอีกรอบนึงก็โอเคแล้ว คือคนร้ายน่าจะรู้เพราะว่าปกติวันเสาร์จะกลับมากรุงเทพฯ แล้วเข้าทั้งสองครั้งก็คือวันเสาร์เหมือนกับว่าเขารู้รายละเอียด ซึ่งตอนแรกเราก็ๆ ได้มีการแจ้งความสน.ท้องที่นั้นไปแล้ว เขาก็ทำหน้าที่ของเขา แต่ว่าทางแถบนั้นปัจจุบันเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ก็คงจะมีคดีเยอะ แม้ว่าจะมีกล้องวงปิดก็ยังจับหาตัวไม่ได้”