ชุมพร -ททท.สำนักงานชุมพร นำเที่ยวดูเหยี่ยวอพยพ และพลับพลึงธาร 2 ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ อ่าวไทย-อันดามัน
วันนี้ (23 ต.ค.) นายอุทัย วรมาศกุล ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานชุมพร กล่าวว่า เดือนตุลาคม-ธันวาคมของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงสู่ปลายฤดูฝน จ.ชุมพร และระนอง ได้มีปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาก คือ การดูเหยี่ยวอพยพที่ จ.ชุมพร และการล่องเรือชมดอกพลับพลึงธารที่ จ.ระนอง
การดูเหยี่ยวอพยพสามารถดูหลายหลายจุด ตลอดฝั่งอ่าวไทย แต่สถานที่ดูเหยี่ยวที่ได้รับการยอมรับจากนักดูนกทั่วโลกว่าเป็นสถานที่ดูเหยี่ยวอพยพได้ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชียคือ ที่ บ้านอู่ตะเภาหมู่ที่ 6 ต.ท่ายาง อ.เมือง จ.ชุมพร โดยสถานที่ดังกล่าวเทศบาลตำบลท่ายางได้จัดสถานทที่ให้นักดูเหยี่ยวได้ชมเหยี่ยวอพยพ ตลอดช่วงฤดูกาล
เหยี่ยวอพยพถือเป็นปรากฎการณ์ตามธรรมชาติของสัตว์ประเภทนกล่าเหยื่อ เมื่อฤดูหนาวเริ่มมาเยือน อากาศทางตอนบนของทวีปเอเชียจะหนาวเย็น ทำให้นกล่าเหยื่อ (Raptor) ที่มีถิ่นอาศัยตามแนวชายฝั่งตั้งแต่ มองโกเลีย เกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ จีน ญี่ปุ่น เดินทางลงใต้เพื่อหนีหนาว และในช่วงเดือน ก.ย.-พ.ย. ของทุกปี เหยี่ยวนานาชนิดก็จะเดินทางเรียบชายฝั่งทะเลผ่านจังหวัดภาคใต้ของไทย โดยเฉพาะจังหวัดชายฝั่งอ่าวไทย แถบ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ตลอดไปจนถึง จ.นราธิวาส
ส่วนพลับพลึงธาร ถือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ปีหนึ่งมีครั้งเดียว และที่สำคัญ พลับพลึงธารที่ยังคงความสมบูรณ์เต็มลำคลอง ซึ่งมีเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย คือที่ คลองนาคา ต.นาคา อ.สุขสำราญ จ.ระนอง ในช่วงเดือนนี้ จะออกดอกชูช่อสีขาวบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมไปทั่วท้องน้ำ พลับพลึงธาร หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "หญ้าช้อง" พืชน้ำที่พบเฉพาะถิ่นในประเทศไทยที่ จ.ระนอง และพังงา พื้นที่ที่พลับพลึงธารจะขึ้นก็ต้องมีลักษณะเฉพาะพิเศษ คือต้องเป็นลำธารใสสะอาด แสงแดดส่องถึงพื้นใต้น้ำต้องเป็นดินปนทราย มีกรวดหินเพื่อไม่ให้ดินบริเวณที่รากเกาะยึดถูกน้ำพัดพา
“ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติทั้งสองแหล่ง ถือเป็นความโชคดีของ จ.ชุมพร และ จ.ระนอง เป็นความโดดเด่นที่ธรรมชาติสรรสร้าง เฉพาะพื้นที่ ซึ่ง ททท.สำนักงานชุมพร ได้กำหนดเป็นโปรแกรมนำเที่ยวสองฝั่งทะเลช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค.ของทุกปี” นายอุทัยกล่าว
วันนี้ (23 ต.ค.) นายอุทัย วรมาศกุล ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานชุมพร กล่าวว่า เดือนตุลาคม-ธันวาคมของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงสู่ปลายฤดูฝน จ.ชุมพร และระนอง ได้มีปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาก คือ การดูเหยี่ยวอพยพที่ จ.ชุมพร และการล่องเรือชมดอกพลับพลึงธารที่ จ.ระนอง
การดูเหยี่ยวอพยพสามารถดูหลายหลายจุด ตลอดฝั่งอ่าวไทย แต่สถานที่ดูเหยี่ยวที่ได้รับการยอมรับจากนักดูนกทั่วโลกว่าเป็นสถานที่ดูเหยี่ยวอพยพได้ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชียคือ ที่ บ้านอู่ตะเภาหมู่ที่ 6 ต.ท่ายาง อ.เมือง จ.ชุมพร โดยสถานที่ดังกล่าวเทศบาลตำบลท่ายางได้จัดสถานทที่ให้นักดูเหยี่ยวได้ชมเหยี่ยวอพยพ ตลอดช่วงฤดูกาล
เหยี่ยวอพยพถือเป็นปรากฎการณ์ตามธรรมชาติของสัตว์ประเภทนกล่าเหยื่อ เมื่อฤดูหนาวเริ่มมาเยือน อากาศทางตอนบนของทวีปเอเชียจะหนาวเย็น ทำให้นกล่าเหยื่อ (Raptor) ที่มีถิ่นอาศัยตามแนวชายฝั่งตั้งแต่ มองโกเลีย เกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ จีน ญี่ปุ่น เดินทางลงใต้เพื่อหนีหนาว และในช่วงเดือน ก.ย.-พ.ย. ของทุกปี เหยี่ยวนานาชนิดก็จะเดินทางเรียบชายฝั่งทะเลผ่านจังหวัดภาคใต้ของไทย โดยเฉพาะจังหวัดชายฝั่งอ่าวไทย แถบ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ตลอดไปจนถึง จ.นราธิวาส
ส่วนพลับพลึงธาร ถือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ปีหนึ่งมีครั้งเดียว และที่สำคัญ พลับพลึงธารที่ยังคงความสมบูรณ์เต็มลำคลอง ซึ่งมีเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย คือที่ คลองนาคา ต.นาคา อ.สุขสำราญ จ.ระนอง ในช่วงเดือนนี้ จะออกดอกชูช่อสีขาวบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมไปทั่วท้องน้ำ พลับพลึงธาร หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "หญ้าช้อง" พืชน้ำที่พบเฉพาะถิ่นในประเทศไทยที่ จ.ระนอง และพังงา พื้นที่ที่พลับพลึงธารจะขึ้นก็ต้องมีลักษณะเฉพาะพิเศษ คือต้องเป็นลำธารใสสะอาด แสงแดดส่องถึงพื้นใต้น้ำต้องเป็นดินปนทราย มีกรวดหินเพื่อไม่ให้ดินบริเวณที่รากเกาะยึดถูกน้ำพัดพา
“ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติทั้งสองแหล่ง ถือเป็นความโชคดีของ จ.ชุมพร และ จ.ระนอง เป็นความโดดเด่นที่ธรรมชาติสรรสร้าง เฉพาะพื้นที่ ซึ่ง ททท.สำนักงานชุมพร ได้กำหนดเป็นโปรแกรมนำเที่ยวสองฝั่งทะเลช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค.ของทุกปี” นายอุทัยกล่าว