นครศรีธรรมราช - สาวใหญ่คลอดลูกแฝด 1 คนรอด อีกคนไร้ศีรษะ-แขน ชาวบ้านนับพันแห่ดูศพขอหวย ด้านแพทย์ยืนยันปรากฏการณ์ธรรมชาติ “ครรภ์ไม่สมบูรณ์”
วันนี้ (14 ต.ค.) เมื่อเวลา 17.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีชาวบ้านแตกตื่นแห่เดินทางไปที่วัดน้อมนาวาส หรือวัดบ้านกลอง ท้องที่หมู่ที่ 5 ต.ควนพัง อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อไปดูศพของเด็กทารกแรกเกิดที่ผิดปกติ ไม่มีหัว ไม่มีแขน ที่ญาติๆ ได้นำมาใส่ในกล่องพลาสติก (ตู้เลี้ยงปลา) จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบประชาชนจำนวนนับพันคนเดินทางมาดูศพทารก จนทำให้วัดที่กว้างขวางคับแคบลงไปถนัดตา
หลังจากที่ผู้สื่อข่าวเข้าตรวจสอบ พบศพทารกที่บรรจุอยู่ในกล่องพลาสติกสำหรับเลี้ยงปลาขนาดยาว 50 ซ.ม. กว้าง 20 ซ.ม. เป็นศพทารกเพศหญิงอยู่ในลักษณะท่านั่ง ที่แปลกกว่าเด็กปกติทั่วไปคือศพทารกไม่มีศีรษะ ไม่มีแขนทั้งสองข้าง มีเฉพาะส่วนลำตัวและขาทั้งสองข้างเท่านั้น ในขณะที่นิ้วเท้าแต่ละข้างมีเพียง 3 นิ้ว มีสะดือ และอวัยวะเพศชัดเจน
ผู้สื่อข่าวกล่าวต่อถึงสภาพศพทารกน้อยว่า บริเวณส่วนบนแม้ไม่มีศีรษะ แต่ยังมีเนื้อเหลือออกมาเล็กน้อย รวมทั้งมีเส้นผมออกมาจำนวนหนึ่ง เมื่อนำมาช่างน้ำหนักดูพบว่าศพทารกน้ำหนัก 1.3 กิโลกรัม ถูกบรรจุในกล่องไม่ได้ปิดฝา มีการนำขวดนม ผ้าอ้อมและอุปกรณ์สำหรับเลี้ยงเด็กมารกมาใส่รวมไว้ด้วย พร้อมทั้งจุดธูปเทียนบูชา อีกทั้งเงินสดเป็นธนบัตรฉบับละ 20, 50 และฉบับละ 100 บาท ที่ชาวบ้านใส่ไว้เพื่อยังใส่จนเกือบเต็ม พร้อมยกมือไหว้ท่วมหัวบนบานขอให้มีโชคลาภ รวมทั้งตีเป็นเลขเด็ดต่างๆ นานา
นางปัญญา สังข์ศรี อายุ 47 ปี ย่าของทารกรายนี้ เปิดเผยว่า ทารกดังกล่าวเป็นบุตรของนายสุพัฒน์ สังข์ศิริ อายุ 32 ปี และนางสายใจ ศรีรักษา อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40/1หมู่ 5 ต.ควนพัง อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้งสองมีบุตรมาแล้ว 2 คน คนแรกเป็นผู้หญิงอายุ 13 ปี คนที่สองเป็นผู้ชาย อายุ 7 ขวบ ส่วนทารกรายนี้เป็นหนึ่งในในลูกแฝดที่นางสายใจได้คลอดเมื่อเวลา 09.00 น. ที่โรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ ซึ่งคนแรกที่คลอดเป็นผู้หญิงน้ำหนักประมาณ 1.8 กิโลกรัม และหลังจากคลอดคนแรกประมาณ 5 นาทีจึงคลอดคนที่สองและออกมามีลักษณะอย่างที่เห็น
ถึงแม้ว่าแพทย์จะระบุว่าเด็กเสียชีวิตมาตั้งแต่ในครรภ์มารดา แต่ตนได้ตรวจสอบดูเบื้องต้นพบว่าเนื้อหนังของเด็กยังสด ๆ เป็นปกติเหมือนเด็กทารกแรกเกิดที่ยังมีชีวิต โดยมีลักษณะเหมือนยังหายใจ และมีเลือดสดๆ ไหลจากสายสะดือและรูทวาร ตนจึงแจ้งขอนำศพหลานกลับมาเพื่อตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดน้อมนาวาส หรือวัดบ้านกลอง ชาวบ้านทราบข่าวแห่มาดูจนข่าวแพร่กรายออกไปอย่างรวดเร็ว นางปัญญากล่าว
การตั้งครรภ์ของนางสายใจ แม่ของเด็กนั้นได้ฝากครรภ์กับทาง รพ.ร่อนพิบูลย์ และไปพบแพทย์อยู่อย่างต่อเนื่อง โดยแพทย์ระบุกำหนดคลอดจริงในปลายเดือน พ.ย. 2552 ซึ่งนางสายใจไปอัลตราซาวที่ รพ.ร่อนพิบูลย์ ถึง 5 ครั้งก็ไม่พบอะไรผิดปกติ และแพทย์ก็ไม่ได้ระบุว่านางสายใจตั้งครรภ์ลูกแฝด และเป็นปกติเหมือนเด็กทารกในครรภ์ทั่ว ๆ ไป
จนในตอนเช้าที่นางสายใจเกิดปวดท้องคลอดบุตรอย่างรุนแรง จึงโทรศัพท์ให้นำรถ รพ. มารับตัวไปคลอดที่ รพ. ร่อนพิบูลย์ แต่หลังจากคลอดเด็กคนแรกแพทย์พบว่ายังมีก้อนแข็งๆ อยู่ในท้องของนางสายใจ แพทย์จึงให้นางสายใจเบ่งอีกครั้ง ปรากฏว่าทารกประหลาดออกมาจากท้องของนางสายใจในลักษณะท่านั่ง เป็นเรื่องที่แปลกมากจนไม่ทราบว่ามันเกิดขึ้นเพราะสาเหตุใดกันแน่
อย่างไรก็ตาม นางปัญญาได้เล่าย้อนถึงปรากฏการณ์ประหลาดในช่วงเทศกาลออกพรรษาที่ผ่านมา ถึงยายของนางสายใจและเป็นทวดของเด็กประหลาดที่ได้เสียชีวิตลง ระหว่างการตั้งบำเพ็ญกุศลศพที่บ้านซึ่งอยู่ริมถนนในหมู่บ้าน ชาวบ้านได้ลากเรือพระผ่านบ้านและเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น พระปรานที่โต๊ะหมู่บูชาในงานศพเกิดพลัดตกลงมาจนเศียรขาด แขนพระขาด ซึ่งตนเชื่อว่าอาจจะเป็นอาถรรพ์บางอย่างทำให้นางสายใจคลอดลูกแฝดและมีรูปร่างประหลาดก็เป็นได้
ขณะที่ นพ.นพพร ชื่นกลิ่น นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ชี้แจงถึงลักษณะทางกายภาพของทารกเคราะห์ร้ายรายนี้ว่า ในทางวิชาการถือว่าเป็นลักษณะของแฝดที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่งไม่สามารถแยกได้ว่าเป็นไข่ใบเดียวหรือสองใบ ดังนั้น ด้วยความไม่สมบูรณ์ของการเจริญในครรภ์จึงทำให้บ่อยครั้งที่เมื่อคลอดแฝดออกมาแฝดจะตัวเล็กกว่าการตั้งครรภ์เดี่ยว
“ลักษณะแบบนี้เป็นเรื่องที่แปลก แต่ไม่ได้ถึงขั้นพิสดาร เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติ การมีสัญญาณชีพในครรภ์เกิดจากการดำรงอยู่ของมารดาผ่านทางสายสะดือทั้งอาหารและออกซิเจน ในกรณีนี้ที่เด็กไม่มีช่องหายใจจึงไม่สามารถอยู่รอดได้” นพ.นพพรกล่าว
สำหรับการบำเพ็ญกุศลศพของทารกประหลาดนั้น ทางญาติตั้งใจที่จะตั้งบำเพ็ญเป็นจำนวน
5 คืน แต่ถ้าหากสภาพศพไม่เน่า ทางญาติก็ตัดสินใจที่จะเก็บไว้ แต่หากศพเน่าก็จะทำการฝังต่อไป
วันนี้ (14 ต.ค.) เมื่อเวลา 17.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีชาวบ้านแตกตื่นแห่เดินทางไปที่วัดน้อมนาวาส หรือวัดบ้านกลอง ท้องที่หมู่ที่ 5 ต.ควนพัง อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อไปดูศพของเด็กทารกแรกเกิดที่ผิดปกติ ไม่มีหัว ไม่มีแขน ที่ญาติๆ ได้นำมาใส่ในกล่องพลาสติก (ตู้เลี้ยงปลา) จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบประชาชนจำนวนนับพันคนเดินทางมาดูศพทารก จนทำให้วัดที่กว้างขวางคับแคบลงไปถนัดตา
หลังจากที่ผู้สื่อข่าวเข้าตรวจสอบ พบศพทารกที่บรรจุอยู่ในกล่องพลาสติกสำหรับเลี้ยงปลาขนาดยาว 50 ซ.ม. กว้าง 20 ซ.ม. เป็นศพทารกเพศหญิงอยู่ในลักษณะท่านั่ง ที่แปลกกว่าเด็กปกติทั่วไปคือศพทารกไม่มีศีรษะ ไม่มีแขนทั้งสองข้าง มีเฉพาะส่วนลำตัวและขาทั้งสองข้างเท่านั้น ในขณะที่นิ้วเท้าแต่ละข้างมีเพียง 3 นิ้ว มีสะดือ และอวัยวะเพศชัดเจน
ผู้สื่อข่าวกล่าวต่อถึงสภาพศพทารกน้อยว่า บริเวณส่วนบนแม้ไม่มีศีรษะ แต่ยังมีเนื้อเหลือออกมาเล็กน้อย รวมทั้งมีเส้นผมออกมาจำนวนหนึ่ง เมื่อนำมาช่างน้ำหนักดูพบว่าศพทารกน้ำหนัก 1.3 กิโลกรัม ถูกบรรจุในกล่องไม่ได้ปิดฝา มีการนำขวดนม ผ้าอ้อมและอุปกรณ์สำหรับเลี้ยงเด็กมารกมาใส่รวมไว้ด้วย พร้อมทั้งจุดธูปเทียนบูชา อีกทั้งเงินสดเป็นธนบัตรฉบับละ 20, 50 และฉบับละ 100 บาท ที่ชาวบ้านใส่ไว้เพื่อยังใส่จนเกือบเต็ม พร้อมยกมือไหว้ท่วมหัวบนบานขอให้มีโชคลาภ รวมทั้งตีเป็นเลขเด็ดต่างๆ นานา
นางปัญญา สังข์ศรี อายุ 47 ปี ย่าของทารกรายนี้ เปิดเผยว่า ทารกดังกล่าวเป็นบุตรของนายสุพัฒน์ สังข์ศิริ อายุ 32 ปี และนางสายใจ ศรีรักษา อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40/1หมู่ 5 ต.ควนพัง อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้งสองมีบุตรมาแล้ว 2 คน คนแรกเป็นผู้หญิงอายุ 13 ปี คนที่สองเป็นผู้ชาย อายุ 7 ขวบ ส่วนทารกรายนี้เป็นหนึ่งในในลูกแฝดที่นางสายใจได้คลอดเมื่อเวลา 09.00 น. ที่โรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ ซึ่งคนแรกที่คลอดเป็นผู้หญิงน้ำหนักประมาณ 1.8 กิโลกรัม และหลังจากคลอดคนแรกประมาณ 5 นาทีจึงคลอดคนที่สองและออกมามีลักษณะอย่างที่เห็น
ถึงแม้ว่าแพทย์จะระบุว่าเด็กเสียชีวิตมาตั้งแต่ในครรภ์มารดา แต่ตนได้ตรวจสอบดูเบื้องต้นพบว่าเนื้อหนังของเด็กยังสด ๆ เป็นปกติเหมือนเด็กทารกแรกเกิดที่ยังมีชีวิต โดยมีลักษณะเหมือนยังหายใจ และมีเลือดสดๆ ไหลจากสายสะดือและรูทวาร ตนจึงแจ้งขอนำศพหลานกลับมาเพื่อตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดน้อมนาวาส หรือวัดบ้านกลอง ชาวบ้านทราบข่าวแห่มาดูจนข่าวแพร่กรายออกไปอย่างรวดเร็ว นางปัญญากล่าว
การตั้งครรภ์ของนางสายใจ แม่ของเด็กนั้นได้ฝากครรภ์กับทาง รพ.ร่อนพิบูลย์ และไปพบแพทย์อยู่อย่างต่อเนื่อง โดยแพทย์ระบุกำหนดคลอดจริงในปลายเดือน พ.ย. 2552 ซึ่งนางสายใจไปอัลตราซาวที่ รพ.ร่อนพิบูลย์ ถึง 5 ครั้งก็ไม่พบอะไรผิดปกติ และแพทย์ก็ไม่ได้ระบุว่านางสายใจตั้งครรภ์ลูกแฝด และเป็นปกติเหมือนเด็กทารกในครรภ์ทั่ว ๆ ไป
จนในตอนเช้าที่นางสายใจเกิดปวดท้องคลอดบุตรอย่างรุนแรง จึงโทรศัพท์ให้นำรถ รพ. มารับตัวไปคลอดที่ รพ. ร่อนพิบูลย์ แต่หลังจากคลอดเด็กคนแรกแพทย์พบว่ายังมีก้อนแข็งๆ อยู่ในท้องของนางสายใจ แพทย์จึงให้นางสายใจเบ่งอีกครั้ง ปรากฏว่าทารกประหลาดออกมาจากท้องของนางสายใจในลักษณะท่านั่ง เป็นเรื่องที่แปลกมากจนไม่ทราบว่ามันเกิดขึ้นเพราะสาเหตุใดกันแน่
อย่างไรก็ตาม นางปัญญาได้เล่าย้อนถึงปรากฏการณ์ประหลาดในช่วงเทศกาลออกพรรษาที่ผ่านมา ถึงยายของนางสายใจและเป็นทวดของเด็กประหลาดที่ได้เสียชีวิตลง ระหว่างการตั้งบำเพ็ญกุศลศพที่บ้านซึ่งอยู่ริมถนนในหมู่บ้าน ชาวบ้านได้ลากเรือพระผ่านบ้านและเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น พระปรานที่โต๊ะหมู่บูชาในงานศพเกิดพลัดตกลงมาจนเศียรขาด แขนพระขาด ซึ่งตนเชื่อว่าอาจจะเป็นอาถรรพ์บางอย่างทำให้นางสายใจคลอดลูกแฝดและมีรูปร่างประหลาดก็เป็นได้
ขณะที่ นพ.นพพร ชื่นกลิ่น นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ชี้แจงถึงลักษณะทางกายภาพของทารกเคราะห์ร้ายรายนี้ว่า ในทางวิชาการถือว่าเป็นลักษณะของแฝดที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่งไม่สามารถแยกได้ว่าเป็นไข่ใบเดียวหรือสองใบ ดังนั้น ด้วยความไม่สมบูรณ์ของการเจริญในครรภ์จึงทำให้บ่อยครั้งที่เมื่อคลอดแฝดออกมาแฝดจะตัวเล็กกว่าการตั้งครรภ์เดี่ยว
“ลักษณะแบบนี้เป็นเรื่องที่แปลก แต่ไม่ได้ถึงขั้นพิสดาร เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติ การมีสัญญาณชีพในครรภ์เกิดจากการดำรงอยู่ของมารดาผ่านทางสายสะดือทั้งอาหารและออกซิเจน ในกรณีนี้ที่เด็กไม่มีช่องหายใจจึงไม่สามารถอยู่รอดได้” นพ.นพพรกล่าว
สำหรับการบำเพ็ญกุศลศพของทารกประหลาดนั้น ทางญาติตั้งใจที่จะตั้งบำเพ็ญเป็นจำนวน
5 คืน แต่ถ้าหากสภาพศพไม่เน่า ทางญาติก็ตัดสินใจที่จะเก็บไว้ แต่หากศพเน่าก็จะทำการฝังต่อไป
