ปัตตานี – ภายหลังจากเกิดเหตุลมมรสุมทำเรือประมงปัตตานีอับปางระหว่างขนถ่ายสินค้ากลางทะเลอับปาง ล่าสุด 13 ลูกเรือประมงรวมเจ้าของเรือที่รอดตายลับถึงฝั่งในสภาพอิดโรย ต้องรีบส่งโรงพยาบาล จังหวัดแจ้งทหารเรือค้นหาลูกเรืออีก 13 ชีวิตไม่ทราบชะตากรรม
จากกรณี"เรือพรพิษณุ 91(ศิริโชคชัย2) ปัตตานี" มี นางสมบุญ ลิ่มสมุทรชัยกุล เป็นเจ้าของและลูกเรือทั้งหมด 26 คนกำลังเดินทางเพื่อไปรับปลาจากเรือประมงอีกลำที่จอดเทียบอยู่กลางทะเล เขตน่านน้ำประเทศมาเลเซีย ถูกกระแสลมมรสุมและคลื่นสูงได้พัดอย่างรุนแรงทำให้เรือดังกล่าวอับปางลง บริเวณละติจูดที่ 6 ลองติจูดที่ 103 หน้าน่านน้ำประเทศมาเลเซีย ทำให้ลูกเรือประมงกำลังลอยคออยู่ในทะเล และได้มีเรือประมงไทยประดิษฐ์ 111 ที่หาปลาบริเวณใกล้กันเข้าช่วยเหลือลูกเรือได้เพียง 13 คน ขณะนี้ได้รับการช่วยเหลือปลอดภัย แล้ว
วันนี้ (3 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รายงานข่าวคืบหน้าเรื่องนี้ว่า นางสมบุญ ลิ่มสมุทรชัยกุล เจ้าของเรือได้ติดต่อทางโทรศัพท์และวิทยุเรือกับเรือไทยประดิษฐ์ 111 ที่ช่วยชีวิตลูกเรือได้ 13 คนนั้นตลอดเวลา และได้รับการประสานว่าจะมาขึ้นเทียบท่าที่ท่าเทียบเรือองค์การสะพานปลาปัตตานี ม.8 ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานีในเวลา 10.00 น. นางสมบุญ เจ้าของเรือ พร้อมด้วย นายประมุข ลมุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นายภูเบศน์ จันทนิมิ นายกสมาคมประมงจังหวัดปัตตานี, นายวสันต์ ศรีวัฒนธ ประมงจังหวัดพร้อมด้วยชาวประมงและชาวบ้านนับร้อยคนมาคอยต้อนรับที่ท่าเทียบเรือดังกล่าว
จนกระทั่งถึงเวลานัดหมาย เรือไทยประดิษฐ์ 111 ซึ่งเป็นเรือประมงขนาดใหญ่ ทำประมงนอกน่านน้ำไทยได้แล่นเรือเข้ามาทางปากน้ำแม่น้ำปัตตานี และเข้ามาจอดบริเวณล็อคที่ 15 ท่าเทียบเรือองค์การสะพานปลาปัตตานี ทุกคนต่างปรบมือให้การต้อนรับผู้รอดชีวิตกลับมา
ลูกเรือทั้ง 13 คนได้ทยอยลงมาจากเรือ โดยคนสุดท้าย คือนายอนุพงศ์ ศรีพลอย อายุ 54 ปี สามีของเจ้าของเรือ โดยอยู่ในสภาพที่อิดโรย บางคนต้องมีคนช่วยพยุง ตามลำตัวส่วนใหญ่มีบาดแผลรอยถลอกจากเรือล่ม และรอยปลาตอดขณะที่ลอยลำอยู่กลางทะเล นาน 18 ชั่วโมง จากนั้นได้นำลูกเรือทั้งหมดเป็นชาวประมงต่างด้าวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลปัตตานี ส่วนนายอนุพงศ์ ศรีพลอย นั้นมีอาการบาดเจ็บมากกว่าคนอื่น ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหาดใหญ่
นายอนุพงศ์ เปิดเผยว่า นับว่าเป็นบุญวาสนาที่ได้รอดชีวิตกลับมา นึกว่าตนเองไม่รอดกลับมาแล้ว ก่อนเกิดเหตุได้รับแจ้งทางวิทยุเรือว่าไต้ก๋งเรือของตนเองอีกลำหนึ่งป่วยไม่สบายหนัก อยู่กลางทะเล ตนจึงออกไปกับเรือทัวร์ ซึ่งเป็นเรือไปรับปลา และเป็นเรือเหล็กขนาดใหญ่ยาวประมาณ 43 เมตร เพื่อจะเปลี่ยนตัว โดยเรือออกจากท่าเมื่อวันที่ 29 ก.ย. มีลูกเรือ 26 คน ในจำนวนนี้เป็นคนไทย 4 คน ที่เหลือเป็นลูกเรือต่างด้าว
ขณะเรือกำลังลอยลำอยู่กลางทะเลน่านน้ำสากล บริเวณหน้าน่านน้ำมาเลเซีย ในวันที่ 1 ต.ค. เวลาประมาณเกือบ 21.00 น. เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก โดยตอนแรกมีเม็ดฝนตกลงมา และลมพายุแรงเข้ามา จากนั้นตามด้วยคลื่นลมทะเลสูงประมาณ 3-5 เมตร คลื่นทะเลได้โถมเข้ามาลำเรือเป็นระยะๆ คนขับเรือพยายามบังคับเรือแต่ทานคลื่นที่สูงไม่ไหวจึงพลิกคว่ำ ช่วงนั้นต่างคนต่างก็กระโดดคนละทิ้งคนละทางเพื่อชีวิตรอด ส่วนเรือได้จมก้นทะเล พวกเราก็ต่างพยายามเกาะถังแก๊สบ้าง เกาะไม้บ้างเพื่อพยุงตัว ลอยลำอยู่กลางทะเลท่ามกลางลมและคลื่นแรงพยายามพยุงตัวโต้คลื่น บางคนทนไม่ไหวก็หลุดจากที่เกาะหายไปทีละคนๆ ตั้งแต่เวลา 21.00 น.
“จนกระทั่งเวลา 15.00 น. ของอีกวันหนึ่ง รวม 18 ชั่วโมงที่ไม่ได้กินหรือดื่มอะไรเลย ต่อมาได้มีเรือประมงไทยประดิษฐ์ 111 ผ่านมาประสบเหตุ จึงได้ช่วยชีวิตพวกเราซึ่งเหลือเพียง 13 คน ขึ้นมาบนเรือ ส่วนที่เหลืออีก 13 คนก็ไม่ทราบชะตากรรม” นายอนุพงศ์กล่าว
จากนั้นเรือไทยประดิษฐ์ 111 ได้มาส่งที่ท่าเทียบเรือปัตตานีเหมือนชีวิตเกิดใหม่ ส่วนลูกเรือที่หายไปที่เป็นคนไทยคือนายสรรเพชร ตุ๋มเพชร ไต้ก๋งเรือ และหัวหน้าช่างเรือกับผู้ช่วยช่างเรือ ช่วงเกิดเหตุกำลังซ่อมเรือใต้ท้องเรือ ส่วนอีก 10 คนเป็นลูกเรือประมงต่างด้าว ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นหรือตายอย่างไร
ด้านนายประมุข ลมุน รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ได้ประสานไปยังโรงพยาบาลให้การดูแลลูกเรือทั้งไทยและต่างด้าวที่รอดชีวิตที่ได้รับบาดเจ็บแล้ว ส่วนลูกเรือประมงที่หายไปอีก 13 คนขณะนี้ยังไม่พบ ซึ่งทางสมาคมประมงได้ประสานทางทหารเรือเพื่อค้นหาแต่ต้องรอข่าวแจ้งมาอีก 2-3 วันว่ารอดชีวิตหรือสูญหาย ในส่วนการดูแลลูกเรือที่เป็นคนไทยนั้น ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบจะดูแลเยี่ยวยาครอบครัวและบุตรตามขั้นตอน
ส่วนการเตือนภัยแก่เรือประมงนั้นทางผู้ว่าราชการจังหวัดได้ประสานไปยังป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและศูนย์วิทยุชายฝังแจ้งเตือนภัยตลอดเวลา จึงขอให้ชาวเรือประมงอย่าได้ประมาทในระยะนี้ถึงแม้ว่าลมมรสุมจะเบาบางลงก็ตาม ชาวเรือควรไม่ประมาท