กระบี่ - ผบ.ทร.ยอมรับกองทัพถูกตัดงบประมาณในปี 53 ย่อมมีผลกระทบแต่ก็สามารถบริหารจัดการไม่ส่งผลกระทบต่อการฝึกและลาดตระเวนของกำลังพลเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติ และพร้อมเดินหน้าพิสูจน์ตู้คอนเทนเนอร์จนกว่าจะกระจ่างเพื่อให้ประชาชนสบายใจ
วันนี้ (22 พ.ค.) พลเรือเอก กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมกำลังพลและมอบนโยบายแก่ทหารเรือปฏิบัติหน้าที่ ณ ศูนย์ประสานงานประมงชายแดนทางทะเลไทย-พม่า จังหวัดระนอง
จากนั้นได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงการที่รัฐบาลตัดงบประมาณปี 2553 ของกองทัพ ว่า เป็นเรื่องปกติต้องมีผลกระทบ แต่ในส่วนของกองทัพเรือก็แก้ปัญหาได้ การพัฒนาต่างๆ ที่ไม่จำเป็นก็ต้องชะลอออกไป งบประมาณที่ต้องใช้ในภารกิจประจำ การรักษาผลประโยชน์ของชาติ ก็ต้องนำงบส่วนนี้มาใช้ไม่ให้กระทบกระเทือน
ส่วนการพัฒนาก็ต้องมาจัดความเร่งด่วน อันไหนที่ผูกพันไปแล้วก็ต้องทำต่อไป โครงการใหม่ก็ไม่เริ่ม ชะลอไปก่อน มีงบน้อยก็ใช้น้อย ใช้เท่าที่จำเป็น โดยเฉพาะเรื่องความประหยัดต่าง ๆ ได้สั่งการให้หน่วยต่างๆ ช่วยพิจารณาดูว่าอะไรช่วยประหยัดงบประมาณของชาติได้ก็ให้ช่วยกันประหยัดทั้งในเรื่องของการใช้น้ำมัน การเดินทางไปประชุมสัมมนาต่างประเทศก็ต้องลดลง ซึ่งก็ไม่ส่งผลกระทบต่อขวัญและกำลังใจของกำลังพลโดยเฉพาะในด้านการฝึกการลาดตระเวนต่างๆ ต้องให้คงเดิมให้มากที่สุด
ผบ.ทร.กล่าวถึงการตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ ที่อ่าวแสมสาร ในอ่าวไทย ด้วยว่า ทางกองทัพเรือพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่จนกว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจทั้งเรือและนักประดาน้ำ ซึ่งคณะกรรมการแต่ละฝ่ายกำลังดำเนินการหาข้อมูลอยู่ แต่ข้อมูลต่างๆ ยังเป็นเรื่องใหม่ต่อเรื่องนี้การจะส่งคนลงไปตรวจสอบต้องดูก่อนว่ามีสารพิษอะไรหรือเปล่าที่จะเป็นอันตรายต่อกำลังพลก็มีหน่วยงานด้านนิติวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านประมงกำลังดูว่าปะการังอายุเท่าไหร่ มันจะเชื่อมโยงเหตุการณ์อะไรได้หรือเปล่า ถ้าทำให้กระจ่างได้ประชาชนจะอิ่มใจสบายใจ แต่ทุกอย่างต้องดำเนินการไปด้วยความรอบคอบ
ผบ.ทร.กล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาทางทะเลด้านฝั่งอันดามันเป็นเรื่องเดิม ๆคือปัญหาเกี่ยวกับการประมง ซึ่งพยายามสร้างความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านให้ดี ถ้ามีเหตุการณ์อะไรแทนที่จะใช้ความรุนแรงก็ใช้วิธีการเจรจากัน ส่วนแรงงานต่างด้าวก็ช่วยกันดูแลร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่
