ศูนย์ข่าวศรีราชา - “คุณหญิงหมอพรทิพย์” นำทีมออกทะเลแสมสารงมตู้คอนเทนเนอร์ปริศนาหลังแล่นเรือนำทัพสื่อออกไปกว่า 1 ชม. พบเพียง 1 ตู้คอนเทนเนอร์ ที่ไม่สามารถเปิดออกได้เพราะจมอยู่ใต้ดินกว่าค่อนใบ คาดต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการงัดซากขึ้นมาบนฝั่ง ส่วนหัวกะโหลก สรุปแล้วมีเพียง 1 หัวที่เหลือให้ตรวจสอบ
วันนี้(15พ.ค.) พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์หลังนำคณะสื่อมวลชน ทหารเรือ ตำรวจ ขึ้นเรือรบหลวงภูเก็ต ออกลุยทะเลสัตหีบจากท่าเทียบเรือแหลมเทียน จ.ชลบุรี ไปนานกว่า 1 ชั่วโมง ท่ามกลางกระแสลมและฝนที่ตกเป็นระลอกเพื่อไปยังจุดพบซากตู้คอนเทนเนอร์ตามที่มีกระแสข่าวลือว่าเป็นตูคอนเทนเนอร์บรรจุศพว่า สรุปแล้วจากปฏิบัติการส่งนักประดาน้ำของกรมสรรพาวุธทหารเรือ พร้อมสื่อมวลชนลงไปเก็บภาพตู้คอนเทนเนอร์ปริศนาใต้ทะเลในความลึก 24 เมตรนั้นพบตู้คอนเทนเนอร์เพียงตู้เดียวเท่านั้น ไม่ได้มีถึง 7-8 ตู้ตามที่ชาวบ้านแจ้งให้ทราบ
ทั้งนี้ ตู้ใบดังกล่าวมีขนาด 3 x 6 เมตร อยู่ในสภาพปักดินจมอยู่ค่อนตู้ โดยส่วนหน้าของตู้จมดินจนไม่สามารถตรวจสอบรายละเอียดหน้าตู้ได้ว่ามาจากที่ใด นอกจากนี้ยังพบหอยเพรียงเกาะตัวอยู่โดยรอบตู้จนกินเนื้อเหล็ก และยังมีปะการังอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก การงัดซากออกมาบนฝั่งจึงเป็นเรื่องลำบากเพราะตู้มีน้ำหนักมาก ซึ่งต้องประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินการซึ่งต้องมีการรายงานความคืบหน้ากับทางรัฐบาล ที่จะมีการสั่งการหรือไม่ เนื่องจากการเก็บกู้นั้นจำเป็นต้องใช้งบประมาณที่สูงมาก และคงต้องว่าจ้างภาคเอกชน เนื่องจากทางรัฐบาลเองคงไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัยมายกตู้ขึ้นมาตรวจพิสูจน์ได้ ส่วนความคืบหน้าการสำรวจจุดที่มีกระแสว่าพบตู้คอนเทนเนอร์อีก 7-8 ตู้นั้นก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะมีคำสั่งต่อไป
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ ระบุด้วยว่า ปฏิบัติการขั้นต้นได้ยุติแล้ว และจะนำตัวอย่างน้ำ หอยเพรียง ปะการัง บริเวณดังกล่าวส่งไปตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้งว่ามีอายุมาอาศัยยาวนานเท่าไรเพื่อเทียบเคียงสมมุติฐานเชิงวิทยาศาสตร์ แต่จากการประเมินเบื้องต้นพบว่าน่าจะมีอายุประมาณ 20 ปี ส่วนเรื่องที่หวั่นกันว่าภายในตู้จะมีสารพิษหรือไม่นั่น จากสมดุลทางชีววิทยาใต้ทะเลบริเวณที่พบตู้ยังพบว่ายังเป็นไปตามปกติ มีสัตว์ทะเลอาศัยอยู่จึงแสดงให้เห็นว่าไม่มีการดูดซึมของสารพิษออกมาแต่อย่างใด
ในส่วนของการเปิดตู้นั้น พญ.คุณหญิงพรทิพย์ ยืนยันว่าจะไม่มีการเปิดตู้ใต้ทะเล ซึ่งหลังจากนี้จะได้ประสานไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อตรวจหาสิ่งอันตรายภายใน ส่วนการสำรวจหาตู่ที่เหลือนั้นต้องประสานไปยังหน่วยเรือลาดตระเวนตรวจทุ่นระเบิดเพื่อตรวจสอบบริเวณที่พบชิ้นส่วนของโลหะ ซึ่งต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ตรงจุดนี้ก็จะส่งข้อมูลรายงานให้รัฐบาลรับทราบเช่นกัน ส่วนการตรวจสอบอายุหอยเพรียงหรือขั้นตอนต่อไปนั้นต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวอีกว่า ถึงตรงนี้คงจะยืนยันได้ว่าที่มีกระแสว่าพบตู้จำนวน 7-8 ใบนั้น เบื้องต้นจากการตรวจสอบด้วยระบบโซนาร์ของเรือพบว่ามีเพียง 1 ใบที่นำคณะมาตรวจสอบ และตู้ก็ยังไม่ได้มีการเปิดออก ที่สำคัญในบริเวณข้างเคียงก็ไม่ได้โครงกระดูกหรือกระโหลกมนุษย์แต่อย่างใด
ขณะที่กระแสว่าพบกระโหลกนับ 100 นั้น จากการตรวจสอบดูก็พบว่ายังเหลือเพียง 1 กระโหลกเท่านั้น เมื่อตรวจสอบไปยังสุสานของมูลนิธิโรจนธรรมสถานสัตหีบ ก็พบว่าส่วนใหญ่จะเป็นศพนิรนามที่เสียชีวิตเพราะป่วยมากกว่า ส่วนที่ส่งไปยังสถาบันนิติเวชนั้นก็เป็นศพที่เสียชีวิตไม่นานและเป็นศพไร้ญาติ ส่วนกระโหลกที่ชาวบ้านกล่าวอ้างจากการตรวจสอบที่วัดก็พบว่ามีเพียงปีละ 5-6 กระโหลก และทางวัดก็ได้เผาทำพิธีทางศาสนาไปหมดแล้ว
อย่างไรก็ตามจะให้พูดยืนยันว่าในตู้จะเป็นศพของวีรชนจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬหรือไม่ คงตอบไม่ได้ จึงอยากให้มีการนำขึ้นมาตรวจสอบเช่นกัน ซึ่งก็จะได้นำเรื่องเสนอต่อรัฐบาลเพื่อดำเนินการต่อไป