ศูนย์ข่าวศรีราชา - บุกพิสูจน์ตู้คอนเทเนอร์ 1 ใน 8 เป้าหมาย ประจักษ์ต่อสายตา “หมอพรทิพย์” ทหาร ตำรวจ สื่อมวลชน ใกล้ความจริง รอวันยกขึ้นเปิดพิสูจน์ภายใน ลุ้นระทึก..ซากมนุษย์ หรือสารพิษ ประดาน้ำทัพเรือค้นหาหลักฐาน หมายเลข ชื่อ ระบุ บริษัท หาเจ้าของ เชื่อมโยงผู้เกี่ยวข้อง
จากกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ขานรับการร้องขอจากกลุ่มวีรชนพฤษภาทมิฬ ให้ดำเนินการพิสูจน์ตู้คอนเทนเนอร์ กลางทะเล ซึ่งอาจเป็นที่มาของสุสานกะโหลกใต้ทะเลอ่าวไทยตอนบน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี จึงได้ให้ แพทย์หญิงคุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ พร้อมหน่วยงานเกี่ยวข้องดำเนินการในเรื่องนี้อย่างเต็มความสามารถ เพื่อไม่ให้เรื่องนี้เป็นปริศนาให้กับประชาชนชาวไทยที่ให้ความสนใจในเรื่องนี้อย่างมาก เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจเปิดหูเปิดตาให้วีรชนพฤษภาทมิฬ ได้รับทราบข้อเท็จจริงตามที่ได้ตั้งข้อสงสัยเอาไว้ว่าถ้าภายในตู้คอเทเนอร์มีซากมนุษย์จริง ก็คงเป็นซากศพของประชาชน นิสิต นักศึกษา ที่หายตัวไปเมื่อเกิดปัญหาระหว่างวันที่ 17-22 พฤษภาคม 2535
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ ในวันนี้ (15 พ.ค.) คณะเดินทางของ แพทย์หญิงคุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ พร้อมคณะเพื่อไปทำการพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้ประจักษ์ต่อสายตาของทุกฝ่าย และสามารถยืนยันพิกัดในจุดแรกที่ลงไปดำน้ำตรวจสอบก็คือ พิกัดแลตติจูด 12 องศา 310.172 ลิปดาเหนือ ลองจืจูด 101 องศา 04.109 ลิปดาตะวันออก จึงได้ทำการผูกทุ่นเป็นสัญญาลักษณ์ในการดำน้ำ และการค้นหา เบื้องต้นชุดประดาน้ำของกรมสรรพาวุธทหารเรือ ได้พบอุปสรรคคลื่นลมจัด น้ำขุน ท้องฟ้ามืด มีฝนตกอย่างต่อเนื่อง นักดำได้ดำน้ำลงไปขูดเพรียงบริเวณรอบตู้คอนเทเนอร์ เพื่อต้องการหาหมายเลข ตัวอักษร และหลักฐานอื่นที่จะสามารถตรวจสอบที่มาของตู้คอนเทนเนอร์ได้
แพทย์หญิงคุณหญิง พรทิพย์ กล่าวว่า การดำน้ำของนักประดาน้ำกองทัพเรือ เป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะมีคลื่น ลม ฝนตก ท้องฟ้ามืด ต้องลงทั้งภาคเช้า และภาคบ่าย เพราะต้องเก็บหลักฐานโดยรอบตู้คอนเทเนอร์ วัตถุใกล้เคียง โดยเฉพาะดินทราย เพื่อนำไปพิสูจน์ให้แน่ชัดว่าบริเวณดังกล่าวมีสารพิษ หรือสารปนเปื้อนอันตรายหรือไม่ เพราะถ้ามีการประสานเรือเครนขนาดใหญ่ลงไปยกขึ้นจากทะเล จะได้ไม่เกิดอันตรายกับกำลังพลในการเก็บกู้ตู้ในทะเล ใกล้เวลาแล้วสำหรับการไขปริศนาในตู้คอนเทเนอร์ว่ามีอะไรคนที่รอคอยจะได้สบายใจ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ต้องยอมรับกัน การทำงานครั้งนี้เป็นเรื่องปกติธรรมดา สิ่งที่ต้องพบล้วนแล้วเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาทั้งหมด ซึ่งถือว่าเป็นบรรทัดฐานจะไม่สามารถนิ่งดูดายกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้อีกโดยเฉพาะการฆ่ากันแบบไร้เหตุผล ทุกชีวิตจะมีคุณค่าแน่นอน ถ้าผู้ที่ฆ่า หรือสั่งฆ่าถูกลงโทษอย่างสาสม