ผบ.ทร.ไม่ปักใจเชื่อมีศพพฤษภาทมิฬในตู้คอนเทนเนอร์

“พล.ร.อ.กำธร” ย้ำต้องประเมินว่ากู้ตู้คอนเทนเนอร์คุ้มค่าหรือไม่ เหตุกู้ขึ้นมายาก ทั้งเสี่ยงต่อนักประดาน้ำถูกสารพิษ แต่หากคุ้มค่าต่อจิตใจของคนก็ต้องทำ ไม่ปักใจมี “ศพพฤษภาทมิฬ” เชื่อพบกะโหลกมนุษย์เรื่องปกติ เหตุจากเรือประมงล่มเจอพายุ

วันนี้ (19 พ.ค.) ที่วัดราชบพิตร พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ เปิดเผยถึงการตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ใต้ทะเลที่ต้องสงสัยบรรจุศพผู้สูญหายจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬว่า วันนี้ (19 พ.ค.) ทางกระทรวงยุติธรรมจะเป็นเจ้าภาพเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือ ศึกษาแนวทางความเป็นไปได้ในการตรวจพิสูจน์ โดยต้องดูความคุ้มค่า ในส่วนของกองทัพเรือก็ต้องเตรียมการและสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะกองทัพเรือมีเรือวางทุ่นระเบิด หรือเรือลากทำลายทุ่นระเบิด และนักประดาน้ำ ซึ่งหากมีแผนดำเนินการก็จะนำออกมาสนับสนุน ที่ผ่านมาก็ได้มีการปรับแผนปกติของเรือลาดตระเวนในการดูแลแล้วด้วย

“จากข่าวพบว่ามีการพบตู้คอนเทนเนอร์ที่มีเพรียง ปะการัง เราไม่ทราบว่าข้างในเป็นอะไร แต่ไม่ทิ้งประเด็นอื่นๆ อาจเป็นสารพิษก็ได้ ซึ่งต้องคำนึงว่าถ้าเปิดใต้ทะเลจะมีปัญหาอะไร และ นักประดาน้ำซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาก็อาจเกิดอันตราย ก็ต้องให้รอบคอบ หากต้องให้คลายความสงสัยของประชาชนก็ต้องทำอย่างมีหลักการ และใช้วิชาการ ต้องปลอดภัยที่สุด เรายังไม่ทราบว่าวิธีการคืออย่างไร ซึ่งจากการตรวจสอบกองเรือภาคที่ 1 และการข่าวในพื้นที่ โดย สอบถามจากชาวบ้านพบว่ามี 5 จุด เราก็ดูแล้วจุดที่ตรวจสอบอยู่ห่างจากจุดจอดเรือที่เขตฐานทัพ 18 ไมล์ทะเล หรือประมาณ 30 กม. ถือว่าไกลพอสมควร ส่วน 3-4 จุดที่ห่างออกมา 25 ไมล์ทะเล ประมาณ 50-100 กม.เราคิดต่อไปว่า ถ้ามีการนำมาทิ้งจริง แต่ไม่ได้มีแค่นี้ อาจจะเป็น 10 จุด หรือ 12 จุด ต้องคิดว่าจะไปสำรวจหมดทุกจุดหรือไม่”

พล.ร.อ.กำธร กล่าวว่า กองทัพเรือพร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่เพื่อคลายความวิตกกังวล และให้เกิดความสบายใจ ซึ่งหากมีแผนงานรัฐบาลก็ต้องให้เงินมา ซึ่งเราไม่ทราบว่าใช้งบฯ เท่าไหร่ ยังประมาณการไม่ได้ และเมื่อลงไปในทะเลลึกเรายังไม่ทราบว่าขีดความสามารถเรื่องเครื่องมือ หรือสารพิษ เรามีขีดความสามารถแค่ไหน ตอนนี้ยังให้คำตอบไม่ได้ว่ามันจะเป็นอย่างไร แต่ทุกหน่วยงานเช่น กรมศุลากร นิติวิทยาศาสตร์ กรมประมง ก็ต้องช่วยกันคิดว่าจะได้คุ้มเสียหรือไม่ เพราะตรงตู้คอนเทนเนอร์เป็นปะการัง ซึ่งวัตถุใดถ้านำวางกับพื้นน้ำ เราสามารถเอาบอลลูนเป่าลม และชะลอขึ้นมาได้และเขี่ยออก แต่ถ้าอะไรที่จมไปครึ่งทางแล้วก็ต้องไปเป่าทราย เอาบอลลูนติดขึ้นมาก็ไม่เคยทำ และแม้จะเคยทำก็เป็นการกู้ซากเรือโบราณ ต้องใช้เวลาและแรงงานค่อนข้างมาก ลงไปยิ่งลึกก็ยิ่งมืด ที่สำคัญเราไม่รู้ว่าเป็นสารพิษหรือไม่ ถ้าเป็นสารพิษก็จะอันตราย

เมื่อถามว่ามีการมองว่ามีการนำสารพิษมาทิ้ง พล.ร.อ.กำธร กล่าวว่า จากประสบการณ์ของตนไม่ทราบว่ามีการทิ้ง เพราะทะเล 214,000 ตารางกิโลเมตร เป็นเรื่องลำบากที่จะรู้ เวลานำไปทิ้งเวลากลางคืนก็ไม่มีใครรู้ และในจุดที่ตรวจพบก็ห่างจากเส้นทางเดินเรือหลักประมาณ 4 ไมล์ทะเล ห่างจากฝั่ง 30 กม. ใครก็ได้สามารถเดินเรือได้อย่างเสรีตามกฎหมายระหว่างประเทศ ส่วนจะกลายเป็นประเด็นทางการเมืองโดยโยงกับเหตุการณ์พฤษภาทมิฬหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบว่าจะเป็นเรื่องการเมืองอย่างไร แต่ว่าศพในทะเล เวลาเกิดพายุเกย์ หรือพายุลินดา ลูกเรือประมงหายไป 400-500 คน ศพหาไม่เจอ เป็นกะโหลกแบบนี้ก็เป็นไปได้ มันเป็นไปได้หลายอย่าง เราไม่สามารถฟันธงได้ว่าเป็นยังไง เมื่อถามว่าคิดว่าไม่น่าจะใช่ศพพฤษภาทมิฬหรือไม่ พล.ร.อ.กำธร กล่าวว่า “ผมว่าไม่น่าจะใช่”

เมื่อถามว่า มองว่าเป็นความพยายามหาเหตุหรือไม่เพราะสังคมไทยไม่ไว้วางใจกัน พล.รอ.กำธร กล่าวว่า ไปพูดอย่างนี้ไม่ดี เราก็พยายามค้นหาว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ทำให้ทุกคนสบายใจก็ดีที่สุด แต่ว่าอย่าไปตั้งแง่ ทุกคนมีสิทธิ์จะคิด ส่วนจะคุ้มหรือไม่ มาถามตนคนเดียวไม่ได้ ต้องมาดูว่าเราจะทำอะไรบ้าง แผนงานเป็นอย่างไร ใช้งบประมาณเท่าไหร่ถึงจะบอกได้ว่าคุ้มค่าหรือไม่ เพราะบางครั้งความคุ้มค่าทางด้านเงิน มันก็มาจากความคุ้มค่าทางจิตใจเหมือนกัน เราก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายดีที่สุด