ศูนย์ข่าวภูเก็ต- 26 ประเทศในกลุ่มอาเซียนและแปซิฟิก ส่งปลัดกระทรวงกลโหม ถกปัญหาด้านความมั่นคงในการร่วมกันเผชิญกับภัยคุมคามรูปแบบใหม่และการป้องกันความมั่นคงของภูมิภาคภายใต้สภาวะเศรษฐกิจ เสนอที่ประชุมต่อที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสกระทรวงต่างประเทศของ ARF พรุ่งนี้ ซึ่งคาดว่าจะหารือถึงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ภูเก็ตในเดือนมิ.ย.นี้
วันนี้ (19 พ.ค.) ที่โรงแรมเมอเวนพิค รีสอร์ท แอนด์ สปา หาดกะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต พลเอกอภิชาติ เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับนโยบายด้านความมั่นคงของ ARF ( ARF Security Policy Conference:ASPC) โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับปลัดกระทรวงกลาโหมหรือเทียบเท่าของกลุ่มประเทศอาเซียน 10 ประเทศ ประเทศนอกอาเซียน-แฟซิฟิก 16 ประเทศ รวมทั้งสหภาพยุโรปและสำนักงานเลขาธิการอาเซียน แลเมื่อวานนี้ (18 พ.ค.) ได้มีการประชุมระดับเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารของ ARF (ARF Defence Officials Dialogue:ASPC) ซึ่งมีพลเอกวิทวัส รชตะนันทน์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกลาโหม เป็นประธานเพื่อเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างฝ่ายทหารของประเทศสมาชิก ARF รวมทั้งส่งเสริมความเข้าใจและความโปร่งใสระหว่างกองทัพของประเทศต่างๆ ซึ่งจะช่วยลดโอกาสการใช้กำลังหรือมาตรการทางทหารระหว่างกัน
พลเอกอภิชาติ เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังสิ้นสุดการประชุมว่า ที่ประชุมได้หารือใน 2 หัวข้อหลักๆ คือ ความพยายามร่วมกันของหน่วยงานด้านความมั่นคงของภูมิภาคในการเผชิญกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ (Regional Efforts among Security Establishments to address Non-Traditional Security Threats) และงานด้านการป้องกันของหน่วยงานด้านความมั่นคงของภูมิภาคภายใต้ภาวะเศรษฐกิจ (Regional Defence and Security implications of the Global Economic Crisis)
โดยภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่ประชุมได้พูดในหลายรูปแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นปัญหายาเสพติด ปัญหาโจรสลัดที่บริเวณช่องแคบมะละกา การลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของภาวะโลกร้อนที่มีผลต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าภัยรูปแบบใหม่มักเป็นปัญหาในลักษณะข้ามชาติ ที่หลายประเทศต้องประสบร่วมกัน และมีความสลับซับซ้อนมากกว่าภัยรูปแบบเดิม ดังนั้น ประเทศใดประเทศหนึ่งจะไม่สามารถเผชิญกับภัยคุกคามได้โดยลำพัง จะต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย เช่น ที่เห็นเป็นรูปธรรมคือความร่วมือของไทย มาเลฯ สิงคโปร์และอินโดนีเซียในการลาดตระเวนบริเวณช่องแคบมะละกาทำให้ปัญหาโจรสลัดลดลงกว่า 70%
รวมทั้งที่ประชุมได้มีการบรรยายสรุปการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ครั้งที่ 3 ที่พัทยา ซึ่งกระทรวงกลาโหมของไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาให้ที่ประชุม ASPC ได้รับทราบด้วย เนื่องจากการประชุม ARF เป็นกลไกลการหารือทางด้านการเมืองและความมั่นคงซึ่งถือว่าเป็นกลไกลที่มีจุดกำเนินมาจากความร่วมมือในกรอบอาเซียน ดังนั้นประเทศ ARF จึงให้ความสนใจและติดตามความก้าวหน้าของความร่วมมือระหว่างอาเซียนกลาโหมด้วย
ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวต่อว่า ผลการประชุม ARFC ในวันนี้ จะนำเสนอการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสของ ARF ( ARF SOM) ในวันพรุ่งนี้ (20 พ.ค.) ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศเป็นเจ้าภาพ โดยจะมีปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ARF เข้าร่วม 26 ประเทศ พร้อมทั้งตัวแทนจากสหภาพยุโรปและตัวแทนจากสำนักงานเลขาธิการอาเซียน ณ โรงแรมเมอเวนพิค ฯ
ส่วนปัญหาการลักลอบเข้าเมืองของกลุ่มโรฮิงญานั้น ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ปัญหาการอพยพทางเรือของกลุ่มโรฮิงญานั้นเป็นความร่วมมือในระดับภูมิภาคทั้งเอเชียและแปซิฟิก
พลเอกอภิชาติ ยังกล่าวถึงความมั่นใจด้านความปลอดภัยหากมีความจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ภูเก็ต ว่า ฝ่ายความมั่นคงยืนยันได้ถึงความปลอดภัยในการจัดประชุมฯ โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าหากระทรวงการต่างประเทศเลือกจังหวัดภูเก็ตเป็นสถานที่จัดการประชุมไม่จำเป็นต้องใช้กำลังทหารด้วยซ้ำ ซึ่งจากการที่ได้หารือร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ทางผู้ว่าฯยืนยันถึงความปลอดภัยโดยใช้พลังมวลชนในการดูแลความปลอดภัยของจังหวัดภูเก็ตได้
ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ในการประชุม ARF SOM ในวันพรุ่งนี้ กระทรวงการต่างประเทศของไทยจะมีการนำเสนอการจัดการประชุมอาเซียนซัมมิตที่จังหวัดภูเก็ต ในเดือนมิ.ย.นี้ โดยจะเชิญผู้นำประเทศมาประชุมโดยใช้เวลาเพียง 1 วันเท่านั้น และในการประชุมครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 8 ได้ทำหน้าที่ในการดูแลความปลอดภัยของการประชุมทั้งหมด ซึ่งเท่ากับเป็นการซ้อมในเบื้องต้นหากมีการประชุมอาเซียนซัมมิตเกิดขึ้นที่จังหวัดภูเก็ต