สตูล - สมาชิก กบข.จ.สตูล ติดตามความเคลื่อนไหวของ กบข. หลังจากที่มีกระแสข่าวความไม่โปร่งใส โดยมีการลงทุนที่ล้มเหลว ห่วงชีวิตหลังเกษียณมีเงินไม่เพียงพอ เผยพร้อมจะร่วมชุมนุมหนุนให้มีการออกกฎหมายยกเลิกบังคับการเป็นสมาชิก และเรียกร้องเอาเงินคืน
วันนี้ (18 มี.ค.) กระแสข่าวการขาดทุนของกองทุน กบข.ที่ได้ลงทุนทำธุรกรรมในตลาดหลักทรัพย์ไม่สร้างกำไร ทั้งยังเป็นวิธีการที่มีความเสี่ยงสูงนั้น ทำให้บรรดาสมาชิก กบข.ใน จ.สตูล เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มสมาชิกส่วนหนึ่งที่รวมตัวกันประท้วงหน้าทำเนียบรัฐบาลเรียกร้องให้มีการคืนเงินสะสม และยกเลิกกฎหมายโดยให้สมาชิกสามารถลาออกจากการเป็นสมาชิก กบข.ได้
นายสุทิน แต้มแก้ว ครูโรงเรียนอนุบาลสตูล เปิดเผยว่า เห็นด้วยอย่างยิ่งและสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงหน้าทำเนียบรัฐบาล เรียกร้องให้มีการแก้กฎหมายโดยสามารถให้สมาชิก กบข. สามารถยื่นเจตจำนงด้วยการลาออกจากการเป็นสมาชิกได้ พร้อมขอให้ กบข. คืนเงินสะสมของสมาชิกให้ด้วย เพราะจากการเฝ้าติดตามข่าวมาโดยตลอดพบว่ายิ่งคืนเงินปันผลน้อยลงและมีความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น เพราะเงินที่หักจากสมาชิกร้อยละ 3 ของฐานเงินเดือนนั้นค่อนข้างเป็นจำนวนที่มาก แต่เงินที่จะคืนหลังเกษียณอายุยิ่งได้น้อย
นายสุทินกล่าวต่อว่า ตนเริ่มเป็นสมาชิก กบข.เมื่อปี 2537 โดยขณะนั้นเงื่อนไขของ กบข. สวยหรูมีแต่ได้กับได้ ไม่มีบอกถึงการนำเงินนี้ไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แต่อย่างใด และต่อมาข้าราชการรุ่นหลัง ปี 2540 ก็มีการบังคับให้ทุกคนต้องเป็นสมาชิกและห้ามลาออก ทำให้ยิ่งพบว่าเป็นเงื่อนไขที่มีนัยยะแอบแฝง ประกอบกับมีข่าวในช่วงนี้ออกมาถึงความไม่โปร่งใสและการขาดทุน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วย่อมส่งผลกระทบต่อสมาชิก กบข.อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปก็พร้อมจะขึ้นไปชุมนุมเพื่อสมทบในการเคลื่อนไหวคืนเงินสะสมของตัวเองคืนกลับมา
ด้าน นายอดุลย มะมิง ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลเมืองสตูล เปิดเผยว่า หลังเกิดปัญหาการขาดทุนของ กบข. ขึ้นทำให้มองว่าการบริหารงานของ กบข. ไม่โปร่งใส และมีการหมกเม็ด เพราะการแจ้งยอดให้สมาชิกได้รับทราบ โดยมีการนำหลายยอดมารวมกันและชี้ให้เห็นว่ามีการขาดทุนน้อยที่สุด
“กบข.ควรมีการทบทวนการทำงานของตนเอง และควรเปิดโอกาสให้สมาชิกที่ไม่สมัครใจลาออกได้ เพราะเม็ดเงินที่สูญหายไปที่หลายคนหวังจะนำไปใช้หลังเกษียณอายุหดหายทำให้เกิดความไม่มั่นใจ”
สำหรับข้าราชการครูที่เป็นสมาชิก กบข.ใน จ.สตูล มีประมาณ 2,150 คน ไม่รวมข้าราชการพลเรือนในสังกัดอื่น