“สุเทพ” ใช้ไม้อ่อนยึดอกรับคำวิจารณ์ ลั่นพร้อมแก้ไข ปัดเป็นเสือโหย ชี้โฟนอิน “ทักษิณ” กระทบรัฐบาล ทำคุมเกมใน-นอกสภาลำบาก คาดโทษถ้าบ้านเมืองวุ่นวายต้องรับผิดชอบ ไม่หวั่นจะกลับมาเป็น “นายกฯ” อีกครั้ง ปูด “ทักษิณ”เคยพูดจะกลับมาเป็นประธานาธิบดีด้วยซ้ำ พร้อมปิดประตูเจรจา
วันนี้(3 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ให้ฉายา “รัฐบาลเสือโหย” ว่า ใครจะตั้งฉายารัฐบาลอย่างไรเป็นสิทธิของท่าน รัฐบาลก็ฟังเสียงคนทุกคน แม้แต่พ.ต.ท.ทักษิณ พูดอะไรมาก็ฟัง ก็ต้องเรียนตามข้อเท็จจริงว่า รัฐบาลนี้ไม่มีเสือหิว เสือโหยอย่างที่ท่านพูด เราก็ทำหน้าที่ของเราไปตามปกติ และพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แก้ปัญหาบ้านเมืองให้ดีที่สุด ส่วนถ้ามีอะไรที่จะบกพร่องเราก็แก้ไขไป เรายึดประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชนเป็นที่ตั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า การโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ ครั้งนี้ดูค่อนข้างจะแรง นายสุเทพ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณก็พูดแรงทุกครั้ง มีผลต่อความรู้สึกของประชาชน ทุกครั้งก็เป็นเรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณที่จะต้องรับผิดชอบไป เมื่อถามต่อว่า คนใกล้ชิดพ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาระบุว่า การที่นายกฯหรือนายสุเทพ เรียกร้องให้พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางกลับมาดำเนินคดีในไทย เป็นเพียงการแสดงทางการเมืองเท่านั้น นายสุเทพ กล่าวว่า การแสดงความคิดเห็นของพ.ต.ท.ทักษิณ หลายครั้งก็ไม่เหมือนกัน เช่น ครั้งแรกบอกว่า อยากจะกลับมาประเทศไทย แต่พอมาตอนนี้กลับอ้างว่า กลัวไม่ได้รับความยุติธรรม แต่ความจริงระบบของสังคมไทย กระบวนการยุติธรรมทั้งหลายมีการปฏิบัติต่อทุกคนเท่าเทียมกัน พ.ต.ท.ทักษิณก็ต้องทำให้ตัวเองอยู่ภายใต้กฎกติกา และกฎหมายไทย ถ้าพ.ต.ท.ทักษิณไม่ยอมรับกฎเกณฑ์กติกาก็จะเกิดความรู้สึกอย่างนี้เสมอ
ต่อข้อถามถึงกรณีที่คนใกล้ชิดพ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาเรียกร้องให้ยกเลิกประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคงไม่แสดงความเห็นในเรื่องนี้ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ที่ศาลพิพากษาลงโทษ พ.ต.ท.ทักษิณก็ต้องสู้คดี ถ้าไม่มาก็ถือว่าสละโอกาสนั้นไป วันนี้ก็ต้องกลับมารับโทษ ส่วนวันข้างหน้าจะทำกันอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อถามว่า มีข้อเสนอว่าหากยกเลิก คปค.ฉบับที่ 30 ก็จะทำให้นายเนวิน ชิดชอบ ที่มีคดีกล้ายาง และข้าราชการที่ถูกดำเนินคดีเหล่านี้ได้อานิสงค์ไปด้วย นายสุเทพ กล่าวว่า เราคงไม่เขียนกฎหมาย ยกเลิกกฎหมายเพื่อผลประโยชน์ของใครคนใดคนหนึ่งกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพราะกฎหมายต้องใช้บังคับกับคนทั้งประเทศ
เมื่อถามว่า จนถึงขณะนี้ได้มีการประสานกับพ.ต.ท.ทักษิณแล้วหรือยัง เพราะนายวิชิต ปลั่งศรีสกุล อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ออกมาระบุว่า ยังไม่เคยมีการประสานจากใครในรัฐบาล นายสุเทพ กล่าวว่า คนที่ตนไปประสานเป็นคนที่ใกล้ชิดกับพ.ต.ท.ทักษิณ ในเมื่อบอกว่ายังไม่มีการประสาน ตนก็จะไม่พยายามต่อ เมื่อถามต่อว่า แสดงว่าความพยายามในการประสานกับพ.ต.ท.ทักษิณกับรัฐบาลจะไม่เกิดขึ้นแล้วใช่ไหม นายสุเทพ กล่าวว่า เอาเป็นว่าขณะนี้การติดต่อก็หยุดลง ซึ่งก็ไม่คิดว่าสถานการณ์ทางการเมืองคงจะไม่รุนแรง ส่วนที่พ.ต.ท.ทักษิณประกาศว่าจะต่อสู้ทางการเมืองนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ความจริงไม่ใช่การต่อสู้กันทางการเมือง เพราะถ้าเกิดการต่อสู้กันทางการเมือง ต้องเป็นการต่อสู้ระหว่างพรรคการเมืองด้วยกัน แต่ขณะนี้อีกฝ่ายหนึ่งมีพรรคเพื่อไทย และยังมีสถานีโทรทัศน์ดีทีวี และยังมีกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งถือเป็นกระบวนการเดียวกัน บริหารงานโดยคนกลุ่มเดียว สั่งการโดยคนกลุ่มเดียวกัน
“โดยมีเป้าหมายเดียวกันคือ ล้มรัฐบาล ด้วยการพยายามสร้างความวุ่นวาย ซึ่งรัฐบาลก็ต้องแก้ปัญหาไป ส่วนตัวผมไม่ได้รู้สึกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นศัตรู แต่เมื่อเรามีหน้าที่ดูแลบ้านเมืองให้สงบเรียบร้อยก็แก้ปัญหาไป และผมก็จะแก้ปัญหาในกรอบของกฎหมาย ซึ่งการปฏิบัติกับกลุ่มเสื้อแดงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลเผชิญหน้ากับการชุมนุมที่ใหญ่มาก รัฐบาลก็ปฏิบัติอย่างดี อยู่ในกรอบของกฎหมายทุกอย่าง” นายสุเทพ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การปล่อยให้พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินบ่อยๆ จะกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เราต้องยอมรับ ถ้าโฟนอินแล้วทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย เราก็ต้องชี้แจงว่า สิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณพูดนั้นไม่ถูกต้องอย่างไร เมื่อถามต่อว่า วิเคราะห์คำพูดของพ.ต.ท.ทักษิณอย่างไรบ้างที่บอกว่า จะกลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ต้องวิเคราะห์หรอก เพราะเขาพูดชัดเจนว่า ไม่ยอมแพ้ และพยายามพูดไปเรื่อย
“ท่านบอกเองว่า ท่านจะกลับมาเป็นประธานาธิบดี เราก็ไม่ต้องวิเคราะห์อะไร เพราะไม่ใช่เรื่องที่คุณทักษิณพูดเอง แล้วจะเกิดขึ้นเอง แต่มันอยู่ที่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศ เขายอมรับหรือไม่เท่านั้น ส่วนที่เขามั่นใจว่าประชาชนยอมรับนั้นก็ขอให้รอดูกันต่อไป ขอให้ประชาชนคนไทยอย่าอยู่ด้วยความหวาดวิตก รัฐบาลจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด” นายสุเทพ กล่าว
เมื่อถามว่า ท่าทีอย่างนี้จะทำให้รัฐบาลทำงานหนักขึ้นหรือไม่ เพราะจะต้องมีการเดินเกมการเมืองทั้งในและนอกสภา มีนายสุเทพ กล่าวว่า ลำบากอยู่แล้ว ตนยอมรับว่า มันมีสถานการณ์ที่ยากลำบากสำหรับรัฐบาลนี้ เราก็ต้องแก้ไขต่อไป เมื่อถามต่อว่า ฝ่ายความมั่นคงมองอย่างไรกับการปลุกกระแสการเมืองในหลายพื้นที่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ได้ใช้กลไกของฝ่ายความมั่นคงมาเป็นเงื่อนไขสำคัญในการทำงานทางการเมือง เพราะความมั่นคงมันน่าจะเกี่ยวข้องกับการรักษา ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มากกว่า แต่เรื่องของกระแสประชาชนเป็นเรื่องปกติ เราก็ชี้แจงไป นานไปประชาชนก็เบื่อหน่ายไปเอง