พล.อ. อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนาย ใจ อึ้งภากรณ์ ออกแถลงการณ์สยามแดงหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ว่า หน่วยงานไอซีที ของเหล่าทัพและสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมมีหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบจะร่วมกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ในการตรวจค้นเพิ่ม และจัดทำข้อมูลในลักษณะผังข้อมูลในการดูแลทำความเข้าใจประชาชนผ่านเว็บไซด์
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะยังแก้ปัญหาหมิ่นสถาบันไม่ได้ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ต้องทุ่มเทให้มากขึ้น การหมิ่นสถาบันเราไม่อยากให้เกิดขึ้น นอกจากการร้องขอความร่วมมือและทำความเข้าใจประชาชนกันแล้ว ต้องพยายาม ปกป้องทุกวิถีทาง โดยพยายามทำความเข้าใจว่า เรามีกฎหมายอาญา เรื่องการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มีบทลงโทษ บางคนมองว่า เป็นการลงโทษที่รุนแรงเกินไปหรือยังเป็นกฎหมายที่ล้าหลัง ซึ่งประเทศอื่นไม่มี แต่ที่จริงประเทศอังกฤษก็มีกฎหมายการนี้ แต่ไม่ได้นำมาใช้ ส่วนประเทศญี่ปุ่น ได้ถูกยกเลิกกฎหมายหมิ่นสถาบันสมัยนายพลดักกลาส แมคอาร์เธอร์ เข้ายึดครองประเทศญี่ปุ่น
ผมเชื่อว่าไทยเป็นประเทศที่ยกย่องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ในบทลงโทษที่มีอยู่ยังน้อยไปด้วยซ้ำ บทลงโทษที่มีใครจะมองว่าล้าสมัย แต่กองทัพยืนยันจะต้องมีบทลงโทษแบบนี้ เมื่อท่านเข้ามาสู่ประเทศไทยถ้าเราให้ความจงรักภักดีต่อสถาบัน เป็นสิ่งที่บุคคลเข้ามาในประเทศไทยต้องให้ความจงรักภักดีสถาบันเราด้วย
พล.อ.อภิชาต ยอมรับว่ารู้สึกอัดอัดที่มีเรื่องหมิ่นสถาบันในช่วงนี้ และเชื่อว่าทุกคนก็อึดอัดใจเวลาเราได้พูดได้คุยเรื่องนี้เราพยายามหาทางออกตลอดว่า เราจะหาทางปกป้องทำความเข้าใจอย่างไรให้ดีที่สุด ไม่ให้ปัญหาการหมิ่นสถาบันเกิดขึ้น เราเป็นคนป้องกันเมื่อเขาพยายามที่จะหมิ่นฯ เราจึงพยายามจะแก้ไขปัญหาทำความเข้าใจกับประชาชนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
อยากขอความกรุณาและความร่วมมือคนที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ พระองค์ท่านทำอะไรให้กับประเทศชาติยิ่งใหญ่มหาศาล แต่เราไม่ค่อยได้ระลึกถึง เราอาจไม่ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ว่า พระองค์ท่านทำอะไรให้กับประเทศไทยบ้าง สถาบันกษัตริย์เป็นสถาบันหลัก ถ้าไม่มีสถาบันกษัตริย์ เชื่อว่าไม่รู้ตอนนี้เรามีที่ยืนในประเทศไทยหรือไม่ เราจำเป็นต้องมีสถาบันนี้อยู่ ไม่ควรมีการหมิ่นฯเกิดขึ้น ไม่ว่าจะด้วยความเข้าใจผิดหรืออะไรก็แล้วแต่ขอให้ช่วยกันทำความเข้าใจช่วยกันดูแลให้สถาบันนี้อยู่คู่กับประเทศไทยตลอดไป ช่วยกันยกย่องเชิดชูสถาบันหรือพระองค์ท่านให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีของนายใจ อึ๊งภากร อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนีคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไปต่างประเทศโดยอ้างว่ากลับไม่ได้รับความเป็นธรรมว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งได้ย้ำไว้ก็คือว่า ต้องบังคับใช้กฎหมายโดยไม่ให้เกิดปัญหาว่ามีการกลั่นแกล้งหรือมีการละเว้น กรณีของนายใจก็ใช้แนวทางนี้และอยากจะให้ความมั่นใจเช่นเดียวกันว่ากระบวนการยุติธรรมต้องให้ความเป็นธรรมทุกคน
ส่วนจะมีการวางเกมอย่างไรเพื่อให้มีเส้นแบ่งที่ชัดเจนระหว่างเสรีภาพ ทางวิชาการกับการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้มีความซับซ้อนมาก อาจจะไม่ถึงกับง่าย แต่คิดว่าดูจากเจตนาและดูจากพฤติกรรม ยกตัวอย่างเช่นการจะเขียนบทความทางวิชาการ วิเคราะห์ในเชิงโครงสร้างทางการเมือง ในเชิงสถาบันเป็นความเห็นทางวิชาการก็คงทำได้ แต่ว่าการไประบุในข้อเท็จจริง ซึ่งก็คลาดเคลื่อนแล้วก็สร้างความเสียหายกับสถาบันอย่างนี้ไม่ได้จะต้องพิจารณาไปว่า ข้อเขียนนี้เป็นลักษณะไหน
ผู้สื่อข่าวถามว่าเนื้อหาของแถลงการณ์แดงสยามมีการปลุกคนเสื้อแดงขึ้นมา นายอภิสิทธิ์ กล่าว่า เพิ่งเป็นการกระทำใหม่ ส่วนที่พูดถึงคดีเข้าใจว่า เป็นเรื่องของ ข้อความบทความหรือหนังสือที่เขียนไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อถามว่าแต่ตัวแถลงการณ์ใหม่ นี้จะส่งผลกระทบต่อสังคมไทยหรือไม่เพราะมีการปลุกคนเสื้อแดงให้มาร่วมขบวนการ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่ามีการส่งต่อกันอยู่ในทางอินเตอร์เน็ตเป็นหลักและก็คนที่อ่านก็ต้องรู้และต้องใช้วิจารณญาณเอาเองว่าเป็นอย่างไร ส่วนที่มีการกระทำที่ผิดกฎหมายทางเจ้าหน้าที่ก็ดำเนินการไป
ต่อข้อถามว่ากระทรวงไอซีทีต้องมีความเข้มงวดมากกว่านี้หรือไม่ เพราะแถลงการณ์ที่ออกมาสัปห์ดากว่าๆ แล้วค่อยมีการดำเนินการณ์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เข้าใจว่ามันเป็นข้อความที่ส่งต่อๆ กันมากกว่า ส่วนจะดูแลอย่างไรนั้นถ้าผิดกฎหมาย ก็ให้ดำเนินไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่าห่วงหรือไม่ ที่ประเด็นนี้จะทำให้คนเสื้อแดงยิ่งรวมกลุ่มกันขึ้นมา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราอยู่บนความพอดีและได้ให้นโยบายไปแล้วว่าให้รักษากฎหมายอย่าไปทำให้เกิดสถานการณ์ที่ทำให้ปัญหาลุกลามบานปลาย เพราะฉะนั้นก็ต้องดูตรงนี้ และก็ยังติงอยู่เลยว่าบางทีเราไปพูดถึงว่ามีการปิดเว็บไซต์เป็นหลายพันเว็บไซด์ ทำให้ดูน่ากลัวมาก ข้อเท็จจริงไม่ใช่ 4,000 เว็บไซต์อยู่แล้ว มัน 4,000 ยูอาร์แอล เว็บไซต์เดียวกันแต่ว่านับซ้ำเข้าไป 20-30 หน แต่เวลาตัวเลขออกมา ก็ตกใจกันแม้กระทั้งเมื่อวานนี้สื่อต่างประเทศมาสัมภาษณ์ตน บอกตนว่าปิดไปตั้ง 4,000 เว็บไซต์ ตนก็ได้ชี้แจงไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะยังแก้ปัญหาหมิ่นสถาบันไม่ได้ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ต้องทุ่มเทให้มากขึ้น การหมิ่นสถาบันเราไม่อยากให้เกิดขึ้น นอกจากการร้องขอความร่วมมือและทำความเข้าใจประชาชนกันแล้ว ต้องพยายาม ปกป้องทุกวิถีทาง โดยพยายามทำความเข้าใจว่า เรามีกฎหมายอาญา เรื่องการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มีบทลงโทษ บางคนมองว่า เป็นการลงโทษที่รุนแรงเกินไปหรือยังเป็นกฎหมายที่ล้าหลัง ซึ่งประเทศอื่นไม่มี แต่ที่จริงประเทศอังกฤษก็มีกฎหมายการนี้ แต่ไม่ได้นำมาใช้ ส่วนประเทศญี่ปุ่น ได้ถูกยกเลิกกฎหมายหมิ่นสถาบันสมัยนายพลดักกลาส แมคอาร์เธอร์ เข้ายึดครองประเทศญี่ปุ่น
ผมเชื่อว่าไทยเป็นประเทศที่ยกย่องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ในบทลงโทษที่มีอยู่ยังน้อยไปด้วยซ้ำ บทลงโทษที่มีใครจะมองว่าล้าสมัย แต่กองทัพยืนยันจะต้องมีบทลงโทษแบบนี้ เมื่อท่านเข้ามาสู่ประเทศไทยถ้าเราให้ความจงรักภักดีต่อสถาบัน เป็นสิ่งที่บุคคลเข้ามาในประเทศไทยต้องให้ความจงรักภักดีสถาบันเราด้วย
พล.อ.อภิชาต ยอมรับว่ารู้สึกอัดอัดที่มีเรื่องหมิ่นสถาบันในช่วงนี้ และเชื่อว่าทุกคนก็อึดอัดใจเวลาเราได้พูดได้คุยเรื่องนี้เราพยายามหาทางออกตลอดว่า เราจะหาทางปกป้องทำความเข้าใจอย่างไรให้ดีที่สุด ไม่ให้ปัญหาการหมิ่นสถาบันเกิดขึ้น เราเป็นคนป้องกันเมื่อเขาพยายามที่จะหมิ่นฯ เราจึงพยายามจะแก้ไขปัญหาทำความเข้าใจกับประชาชนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
อยากขอความกรุณาและความร่วมมือคนที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ พระองค์ท่านทำอะไรให้กับประเทศชาติยิ่งใหญ่มหาศาล แต่เราไม่ค่อยได้ระลึกถึง เราอาจไม่ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ว่า พระองค์ท่านทำอะไรให้กับประเทศไทยบ้าง สถาบันกษัตริย์เป็นสถาบันหลัก ถ้าไม่มีสถาบันกษัตริย์ เชื่อว่าไม่รู้ตอนนี้เรามีที่ยืนในประเทศไทยหรือไม่ เราจำเป็นต้องมีสถาบันนี้อยู่ ไม่ควรมีการหมิ่นฯเกิดขึ้น ไม่ว่าจะด้วยความเข้าใจผิดหรืออะไรก็แล้วแต่ขอให้ช่วยกันทำความเข้าใจช่วยกันดูแลให้สถาบันนี้อยู่คู่กับประเทศไทยตลอดไป ช่วยกันยกย่องเชิดชูสถาบันหรือพระองค์ท่านให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีของนายใจ อึ๊งภากร อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนีคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไปต่างประเทศโดยอ้างว่ากลับไม่ได้รับความเป็นธรรมว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งได้ย้ำไว้ก็คือว่า ต้องบังคับใช้กฎหมายโดยไม่ให้เกิดปัญหาว่ามีการกลั่นแกล้งหรือมีการละเว้น กรณีของนายใจก็ใช้แนวทางนี้และอยากจะให้ความมั่นใจเช่นเดียวกันว่ากระบวนการยุติธรรมต้องให้ความเป็นธรรมทุกคน
ส่วนจะมีการวางเกมอย่างไรเพื่อให้มีเส้นแบ่งที่ชัดเจนระหว่างเสรีภาพ ทางวิชาการกับการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้มีความซับซ้อนมาก อาจจะไม่ถึงกับง่าย แต่คิดว่าดูจากเจตนาและดูจากพฤติกรรม ยกตัวอย่างเช่นการจะเขียนบทความทางวิชาการ วิเคราะห์ในเชิงโครงสร้างทางการเมือง ในเชิงสถาบันเป็นความเห็นทางวิชาการก็คงทำได้ แต่ว่าการไประบุในข้อเท็จจริง ซึ่งก็คลาดเคลื่อนแล้วก็สร้างความเสียหายกับสถาบันอย่างนี้ไม่ได้จะต้องพิจารณาไปว่า ข้อเขียนนี้เป็นลักษณะไหน
ผู้สื่อข่าวถามว่าเนื้อหาของแถลงการณ์แดงสยามมีการปลุกคนเสื้อแดงขึ้นมา นายอภิสิทธิ์ กล่าว่า เพิ่งเป็นการกระทำใหม่ ส่วนที่พูดถึงคดีเข้าใจว่า เป็นเรื่องของ ข้อความบทความหรือหนังสือที่เขียนไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อถามว่าแต่ตัวแถลงการณ์ใหม่ นี้จะส่งผลกระทบต่อสังคมไทยหรือไม่เพราะมีการปลุกคนเสื้อแดงให้มาร่วมขบวนการ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่ามีการส่งต่อกันอยู่ในทางอินเตอร์เน็ตเป็นหลักและก็คนที่อ่านก็ต้องรู้และต้องใช้วิจารณญาณเอาเองว่าเป็นอย่างไร ส่วนที่มีการกระทำที่ผิดกฎหมายทางเจ้าหน้าที่ก็ดำเนินการไป
ต่อข้อถามว่ากระทรวงไอซีทีต้องมีความเข้มงวดมากกว่านี้หรือไม่ เพราะแถลงการณ์ที่ออกมาสัปห์ดากว่าๆ แล้วค่อยมีการดำเนินการณ์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เข้าใจว่ามันเป็นข้อความที่ส่งต่อๆ กันมากกว่า ส่วนจะดูแลอย่างไรนั้นถ้าผิดกฎหมาย ก็ให้ดำเนินไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่าห่วงหรือไม่ ที่ประเด็นนี้จะทำให้คนเสื้อแดงยิ่งรวมกลุ่มกันขึ้นมา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราอยู่บนความพอดีและได้ให้นโยบายไปแล้วว่าให้รักษากฎหมายอย่าไปทำให้เกิดสถานการณ์ที่ทำให้ปัญหาลุกลามบานปลาย เพราะฉะนั้นก็ต้องดูตรงนี้ และก็ยังติงอยู่เลยว่าบางทีเราไปพูดถึงว่ามีการปิดเว็บไซต์เป็นหลายพันเว็บไซด์ ทำให้ดูน่ากลัวมาก ข้อเท็จจริงไม่ใช่ 4,000 เว็บไซต์อยู่แล้ว มัน 4,000 ยูอาร์แอล เว็บไซต์เดียวกันแต่ว่านับซ้ำเข้าไป 20-30 หน แต่เวลาตัวเลขออกมา ก็ตกใจกันแม้กระทั้งเมื่อวานนี้สื่อต่างประเทศมาสัมภาษณ์ตน บอกตนว่าปิดไปตั้ง 4,000 เว็บไซต์ ตนก็ได้ชี้แจงไป
