“กองทัพ” ยก “โครงการพระราชดำริ” เคาะสติ “ม็อบต้าน กม.หมิ่น” ฮึ่มจัดการขั้นเด็ดขาดหากพบหมิ่น “สถาบัน” เตือน “แกนนำ” ต้องรับผิดหากผู้ชุมนุมกระทำการเข้าข่าย เผย ปชช.มีทิศทางที่ดีขึ้นหลัง “ทหาร” ปูพรหมลงพื้นที่ทำความเข้าใจ ชี้ทางแก้ “เวปหมิ่น” ทุก “องค์กร” ต้องร่วมมือกัน
วานนี้ (22 ม.ค.) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งมีความพยายามที่จะเรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมาย มาตรา 112 ซึ่งระบุไว้ว่าผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาต มาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จ ราชการแทนพระองค์ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-5 ปี โดยกลุ่มผู้ชุมนุมชูป้ายที่มีข้อความระบุ “ม.112 กฎหมายเผด็จการ ล้าหลัง ทำลายเสรีภาพ” ว่า การเคลื่อนไหวของทุกกลุ่ม บรรดาแกนนำก็ควรดูแลการเคลื่อนไหวของกลุ่มนั้นๆ เพราะบางเรื่องอาจทราบ หรือบางเรื่องอาจไม่ทราบ ถ้าหากเข้าข่าย แกนนำก็ต้องรับผิดชอบ
ส่วนกรณีที่มีเว็บไซต์หมิ่นสถาบันกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเผยแพร่ไปสู่ต่างประเทศนั้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ถือเป็นหน้าที่ของทุกองค์กรที่จะต้องช่วยเหลือกัน โดยกองทัพบกเป็นเพียงแค่ 1 องค์กร และเราคงทำทุกเรื่องนี้เพียงลำพังไม่ได้ แต่ตนเชื่อมั่นว่า ทุกองค์กรมีความรู้สึกในเรื่องการถวายความจงรักภักดีในลักษณะเดียวกัน ทั้งนี้ ทหารทุกพื้นที่ได้ดำเนินการตรวจสอบ และชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจกับประชาชน โดยกองทัพบกมีเจตนารมณ์ และมีจุดยืนที่ชัดเจนในเรื่องการถวายความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะมีความสำคัญต่อความดำรงอยู่ของประเทศชาติบ้านเมือง เห็นได้จากโครงการพระราชดำริทุกโครงการเป็นโครงการ มุ่งประสงค์ให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ที่ดี เมื่องานพระองค์ท่านคือการทำให้พี่น้องมีความสุข กินดี อยู่ดี กองทัพก็พร้อมที่จะสนองงานของพระองค์ท่าน
“เห็นอยู่แล้วว่าพระองค์ท่านทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อประเทศชาติ ดังนั้น กองทัพบกมีเจตนาที่ชัดเจนในการถวายความจงรักภักดี และสนองงาน ซึ่งเราจะทำทุกอย่างเท่าที่จะสามารถทำได้ ฉะนั้นจะต้องดำเนินการจับกุมผู้ที่มีพฤติกรรมที่หมิ่นเหม่ จาบจ้วงสถาบัน ซึ่งเรื่องนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้กำชับไปทางผู้บังคับหน่วย และผู้บังคับกองพันก่อนช่วงปีใหม่ ให้เร่งดำเนินการซึ่งก็มีการตรวจสอบในพื้นที่ ซึ่งตรงไหนที่มีความเข้าใจที่คาดเคลื่อนของคนนำพื้นที่ ก็ให้เข้าไปชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจ ที่สำคัญ ทุกองค์กรต้องร่วมมือกันทำความเข้าใจ ทั้งนี้หลังจากลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชน พบว่ามีทิศทางที่ดีขึ้น” โฆษกกองทัพบก กล่าว
วานนี้ (22 ม.ค.) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งมีความพยายามที่จะเรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมาย มาตรา 112 ซึ่งระบุไว้ว่าผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาต มาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จ ราชการแทนพระองค์ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-5 ปี โดยกลุ่มผู้ชุมนุมชูป้ายที่มีข้อความระบุ “ม.112 กฎหมายเผด็จการ ล้าหลัง ทำลายเสรีภาพ” ว่า การเคลื่อนไหวของทุกกลุ่ม บรรดาแกนนำก็ควรดูแลการเคลื่อนไหวของกลุ่มนั้นๆ เพราะบางเรื่องอาจทราบ หรือบางเรื่องอาจไม่ทราบ ถ้าหากเข้าข่าย แกนนำก็ต้องรับผิดชอบ
ส่วนกรณีที่มีเว็บไซต์หมิ่นสถาบันกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเผยแพร่ไปสู่ต่างประเทศนั้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ถือเป็นหน้าที่ของทุกองค์กรที่จะต้องช่วยเหลือกัน โดยกองทัพบกเป็นเพียงแค่ 1 องค์กร และเราคงทำทุกเรื่องนี้เพียงลำพังไม่ได้ แต่ตนเชื่อมั่นว่า ทุกองค์กรมีความรู้สึกในเรื่องการถวายความจงรักภักดีในลักษณะเดียวกัน ทั้งนี้ ทหารทุกพื้นที่ได้ดำเนินการตรวจสอบ และชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจกับประชาชน โดยกองทัพบกมีเจตนารมณ์ และมีจุดยืนที่ชัดเจนในเรื่องการถวายความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะมีความสำคัญต่อความดำรงอยู่ของประเทศชาติบ้านเมือง เห็นได้จากโครงการพระราชดำริทุกโครงการเป็นโครงการ มุ่งประสงค์ให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ที่ดี เมื่องานพระองค์ท่านคือการทำให้พี่น้องมีความสุข กินดี อยู่ดี กองทัพก็พร้อมที่จะสนองงานของพระองค์ท่าน
“เห็นอยู่แล้วว่าพระองค์ท่านทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อประเทศชาติ ดังนั้น กองทัพบกมีเจตนาที่ชัดเจนในการถวายความจงรักภักดี และสนองงาน ซึ่งเราจะทำทุกอย่างเท่าที่จะสามารถทำได้ ฉะนั้นจะต้องดำเนินการจับกุมผู้ที่มีพฤติกรรมที่หมิ่นเหม่ จาบจ้วงสถาบัน ซึ่งเรื่องนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้กำชับไปทางผู้บังคับหน่วย และผู้บังคับกองพันก่อนช่วงปีใหม่ ให้เร่งดำเนินการซึ่งก็มีการตรวจสอบในพื้นที่ ซึ่งตรงไหนที่มีความเข้าใจที่คาดเคลื่อนของคนนำพื้นที่ ก็ให้เข้าไปชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจ ที่สำคัญ ทุกองค์กรต้องร่วมมือกันทำความเข้าใจ ทั้งนี้หลังจากลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชน พบว่ามีทิศทางที่ดีขึ้น” โฆษกกองทัพบก กล่าว
