xs
xsm
sm
md
lg

กอ.รมน.ภาค 4 ชี้แจงความจำเป็นใช้ กม.ความมั่นคงในพื้นที่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยะลา - กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจงความจำเป็นในการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

วันนี้ (11 มี.ค.) พ.อ.ปริญญา ฉายดิลก หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ และโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า ในห้วงที่ผ่านมาอาจมีความเข้าใจที่คาดเคลื่อนว่าการใช้กฎอัยการศึก และ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน หรือใช้อำนาจข่มขู่ และจับกุมคุมขังประชาชนผู้บริสุทธิ์

กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จึงขอชี้แจงทำความเข้าใจในเรื่องดังกล่าวว่า การใช้กฎหมายดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้อำนาจเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการติดตามจับกุมผู้กระทำความผิด ผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับการก่อความไม่สงบหรือก่อเหตุร้ายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้อย่างรวดเร็ว ทันเวลา ก่อนที่จะหลบหนีไป เพราะการก่ออาชญากรรม โดยอาศัยการก่อความไม่สงบนี้ เป็นการดำเนินการที่มีลักษณะเป็นขบวนการที่ปิดลับ มิใช่อาชญากรรมธรรมดา

แต่เป็นอาชญากรที่เกิดจากแนวความคิดที่ได้ถูกหล่อหลอมมา จึงไม่สามารถใช้กฎหมายปกติในการแก้ไขปัญหาได้ จากการใช้กฎหมายดังกล่าวทำให้เจ้าหน้าที่สามารถขยายผลนำไปสู่การติดตามจับกุมและยึดอาวุธยุทโธปกรณ์ วัตถุระเบิด ที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเตรียมการใช้ในการก่อเหตุได้เป็นจำนวนมาก

กฎอัยการศึกให้อำนาจเจ้าหน้าที่ทหาร ในการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยหรือผู้กระทำความผิดที่ถูกจับกุมได้ไม่เกิน 7 วันในการควบคุมตัวครั้งต่อไปต้องอาศัยอำนาจ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 โดยขออำนาจจากศาลในการควบคุมตัวต่อไปครั้งละ 7 วัน แต่ต้องไม่เกิน 30 วัน แต่ในทางปฏิบัติจะควบคุมตัวเท่าที่จำเป็น

โดยพิจารณาถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อผู้ต้องสงสัยและญาติพี่น้องรวมถึงประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นสำคัญ ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 มีนโยบายชัดเจนที่ต้องการให้ใช้กฎหมายดังกล่าว เพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา ประมาณ 1,900,000 คน

โดยมีตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน คือ ความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ อำเภอบันนังสตา และอำเภอยะหา ที่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก และการประกาศใช้มาตรการห้ามบุคคลออกนอกเคหะสถานอีกด้วย ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการให้คงมาตรการห้ามบุคคลออกนอกเคหสถานไว้ก่อน เนื่องจากเกิดผลดีมากกว่าผลเสีย เนื่องจากกฎอัยการศึกไม่ได้มีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวันมากนัก

แต่ที่สำคัญคือ เหตุการณ์ความไม่สงบลดลงมาก มีความปลอดภัยต่อชีวิต และทรัพย์สินมากขึ้น อีกทั้งยังมีการผ่อนปรนโดยดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ในกรณีจำเป็นเร่งด่วน เช่น การเดินทางไปรักษาพยาบาล การประกอบอาชีพ และการประกอบศาสนกิจ เป็นต้น โดยเฉพาะภาคประชาสังคมและผู้ปกครองเห็นพ้องในเรื่องข้อดีในการควบคุมเยาวชน บุตรหลาน จากปัญหายาเสพติด หรือมั่วสุม ที่ผู้ก่อความไม่สงบมักใช้เป็นกลอุบายในการชักนำไปสู่ขบวนการก่อการร้าย
กำลังโหลดความคิดเห็น