เส้นทางหนี และแหล่งกบดานของน.ช.ทักษิณ ชินวัตร ยามนี้ ถูกตั้งคำถามทั้งจากหน่วยไล่ล่าที่มีหน้าที่โดยตรง อย่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ-สำนักงานอัยการสูงสุด-กระทรวงการต่างประเทศ ตลอดจนรัฐบาลประชาธิปัตย์ และสังคม ไม่เว้นแม้กระทั่งส.ส.เพื่อไทยร้อยกว่าคน ต่างก็อยากรู้ว่า
Thaksin where are you?
เล่ากันวงในจากตึกอาคารที่ทำการพรรคเพื่อไทยว่า มีคนที่รู้แหล่งกบดานและความเคลื่อนไหวของทักษิณ ชินวัตรในยามนี้ และรู้ว่าทักษิณคิดการใด จะทำอะไรต่อไปในอนาคต
มีไม่ถึง 10 คนเท่านั้น
เบอร์โทรศัพท์ของทักษิณ ที่ส.ส.เพื่อไทย ติดต่อโทรศัพท์ไป ก็ไม่ได้ต่อสายได้ถึงทักษิณ โดยตรงเหมือนก่อนหน้านี้ เพราะแม้จะโทรติดแต่ก็มีระบบการตรวจเช็คอย่างละเอียด
แม้ว่า Receive call ในเครื่องทักษิณจะบ่งบอกว่าผู้โทรคือส.ส.หรือแกนนำเพื่อไทย แต่ก็ไม่ใช่อยู่ดี ๆ ทักษิณจะรับง่ายๆเหมือนเดิม จะต้องผ่านระบบการตรวจเช็ครอบแรกก่อนว่า
ผู้โทรมาคือส.ส.เพื่อไทยในเบอร์ของที่โทรเข้ายังเครื่องทักษิณจริงหรือไม่ โทรมาเพื่อวัตถุประสงค์ใด เพราะอย่าลืมว่าทักษิณคือ “อดีตเจ้าพ่อโทรคมนาคม” และตอนนี้ก็ยังมีเครือข่าย ลูกน้องเก่าอยู่ในบริษัททำกิจการด้านโทรคมนาคมอยู่จำนวนมาก
เสียงลือเสียงเล่าอ้างที่ว่า ทักษิณ เกรงจะมีการดักฟังโทรศัพท์ที่โทรจากเมืองไทย เพื่อต้องการรู้ความเคลื่อนไหวของทักษิณ แม้จะเป็นเรื่องที่หน่วยข่าวทุกหน่วยของเมืองไทยต้องปฏิเสธและไม่ยอมรับ เพราะเข้าข่ายผิดกฎหมายความมั่นคงและการโทรคมนาคม
แต่ของอย่างนี้ ในสภาวการณ์แบบนี้ ทักษิณและทีมงาน ย่อมต้องป้องกันทุกวิถีทาง
การพูดคุยระหว่างส.ส.เพื่อไทยกับทักษิณ จึงปรากฏข่าวว่า ระยะหลังไม่หนาแน่นหรือมีการโทรไปให้กำลังใจ ปรับสารทุกข์สุขดิบกันคับคั่งเหมือนก่อนหน้านี้ และเนื้อหาการพูดคุย ทักษิณก็ไม่เปิดเผยรายละเอียดใดๆมากนัก โดยเฉพาะ
ความคิดทางการเมือง-การต่อสู้เพื่อกลับไทย-แหล่งกบดาน
เห็นได้จากที่ทักษิณ เปรยให้ส.ส.เพื่อไทยฟังหลายครั้งในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ว่า
“ผมรู้ในพรรคเวลานี้มีนกสองหัว รับสองทาง”
ทำให้ทักษิณก็ต้องระวังตัวเป็นธรรมดา เพราะไม่รู้ว่าคนที่โทรมาจะเป็น
“นกสองหัว”
สอบถามแหล่งกบดาน ความเคลื่อนไหวเพื่อไปรายงานใครบางคนแถวๆ ถนนศรีอยุธยาหรือไม่?
จึงทำให้หลายคน คาดการณ์แหล่งพำนักพักอาศัยของทักษิณกันไปต่างๆ บนการสันนิษฐานว่าน่าจะอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับแผ่นดินสยาม ซึ่งดูแล้ว
“เกาะกง-กัมพูชา”
ประเทศที่ทักษิณ มีสายสัมพันธ์ทั้งทางการเมืองและธุรกิจอันแนบแน่นกับฮุนเซน และเป็นแหล่งพำนักซึ่งมีข่าวยืนยันหลายครั้งว่า ทักษิณใช้สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งนัดพบคนใกล้ชิดเพื่อวางแผนสร้างความปั่นป่วนในประเทศไทย โดยเฉพาะหากต้องการจะโฟนอินเข้าไปยังรายการต่างๆ ก็มักจะโทรจากเกาะกงเข้าไปร่วมรายการหลายครั้ง
แต่ก็ยังไม่ทิ้งแหล่งอื่นอย่าง “ฮ่องกง” ที่ทักษิณ อาจจะหลบซ่อนอยู่ในซอกหนึ่งซอกใดของที่นั่น หรืออาจจะใช้แหล่งพำนักอยู่ในเรือเดินทะเล ที่ลอยลำอยู่ใกล้เขตทะเลหลวงในทะเลย่านนี้ หากมีการติดตามไล่ล่าก็สามารถหลบออกทะเลหลวง ซึ่งเป็นเขตที่ไม่อยู่ในอำนาจอธิปไตยของประเทศใด
อย่างไรก็ตาม หลังจากทักษิณยกเลิกการเข้าฮ่องกง เพื่อไปแสดงปาฐกถาพิเศษเรื่อง"วิกฤติการเงิน ความไม่แน่นอนทางการเมือง: บทเรียนจากประเทศไทย" จัดโดยสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศในฮ่องกง (เอฟซีซี) ที่ฮ่องกง ในวันที่ 2 มีนาคมด้วยเหตุผลที่ว่า
“ผมไม่ไปแล้ว เพราะไม่อยากให้การปรากฏตัวของผมส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของจีนกับฮ่องกง ผมรำคาญมากกับเสียงฮือฮาของรัฐบาล ฉะนั้นผมคิดว่าไม่ไปดีกว่า รัฐบาลไม่ควรตื่นเต้นเกินเหตุกับการไปพูดของผม ซึ่งจะเน้นข้อเสนอเกี่ยวกับแนวทางรับมือกับวิกฤติการเงินโลก ไม่ได้พูดเรื่องประเทศไทย”
ข้ออ้างเรื่องไม่ต้องการให้ไทยกับฮ่องกง และจีน ได้รับผลกระทบในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากกรณีการจะไปแสดงปาฐกถาดังกล่าว แท้จริงแล้วก็เป็นเหตุบังหน้าเท่านั้น
เพราะลึกๆ จริงๆ แล้ว ทักษิณกลัวโดน”ตะครุบตัว”มากกว่า
เหตุเพราะท่าทีของรัฐบาลโดยเฉพาะอภิสิทธิ์ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ เพราะตอนนี้เล่นไม้แข็งแล้วกับการไล่ล่าตัวเขามาเข้าคุก การข่าวที่เจ้าตัวได้รับในเรื่องการมีคนของฝ่ายทางการไทย ทั้งตำรวจ-อัยการ-กระทรวงการต่างประเทศ บินมาดูลาดเลาที่ฮ่องกงเพื่อเตรียมศึกษาความเป็นไปได้ และติดต่อประสานงานทางคดีและการทูตในลักษณะความร่วมมือระหว่างประเทศในการควบคุมตัวทักษิณกลับไทย
โดยใช้วิธีหากควบคุมตัวได้แล้ว ส่งไปยังประเทศจีน แล้วให้จีนที่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับไทย ส่งต่อกลับไทยคือช่องทางที่มีความเป็นไปได้สูง และมีโอกาสทำได้
นั่นย่อมทำให้ ทักษิณไม่ต้องการเสี่ยง เพราะแม้ฮ่องกงจะเป็นอิสระจากจีน แต่จีนก็คือประเทศแม่ ที่ความร่วมมือในเรื่องแค่ให้ช่วยติดตามจับกุมตัวนักโทษตามหมายจับศาลย่อมไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรง เพราะกระบวนการไล่ล่าทักษิณเป็นสิ่งที่ทำโดยถูกต้องทุกอย่างตามอำนาจรัฐและกระบวนการยุติธรรมไทย
การอ้างเรื่องไม่อยากให้ฮ่องกง ลำบากใจ จึงเป็นเหตุผล หนีเอาตัวรอดทางการเมืองดีๆนั่นเอง
ที่น่าจับตา ต่อจากนี้ก็คือการดิ้นรนของทักษิณ ชินวัตร ในยามที่เจ้าตัวถูกรุกไล่หนักขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีบัญชาการให้หน่วยงานทุกหน่วยติดตามล่าตัวนักโทษหนีคดีคำพิพากษาศาลฏีกาในคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯและอีกหลายคดีที่ตกเป็นจำเลยในชั้นศาลฏีกาฯ
เพราะรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เห็นแล้วว่าอาการของทักษิณ หนักหนายิ่งนักกับความปราชัย-พ่ายแพ้ ทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ
ในประเทศก็คือ การถอยร่นอย่างไม่เป็นขบวนการของขบวนการกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ก่อนหน้านี้คุยโวโอ้อวดว่าจะสร้างปรากฏการณ์แดงทั้งแผ่นดิน คนสามหมื่นจะรายล้อมนอนล้อมทำเนียบรัฐบาลสามวันสามคืน แต่ถึงเวลาจริงๆ ทั้งเกณฑ์ทั้งจ้าง มาก็ระดมได้เต็มที่แค่หมื่นคน แถมบางขณะเช่นยามเช้าก็เหลือแค่หลักสิบ
ยิ่งเมื่อเจอกับมาตรการ “อัดฉีด”เต็มที่จากแกนนำรัฐบาลที่สั่งทหาร-ตำรวจ รับมือเต็มอัตราศึก บนเงินอัดฉีดที่เสนอเบิกโดยสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง
“วันละ 1 ล้านบาท”
เบ็ดเสร็จ สามวันสามคืน ก็อัดฉีดไป 3 ล้านบาท ทั้งสีกากี-สีเขียวขี้ม้า ที่มาร่วมตรึงกำลังในทำเนียบรัฐบาล นอกทำเนียบรัฐบาล ตากแดดตากลม เหงื่อไหลออกเป็นน้ำ แต่งวดนี้ไม่เหมือนก่อน ที่กำลังพลทั้งตำรวจ ทหาร มักบ่นว่าผู้บังคับบัญชาไม่เหลียวแล ทั้งที่เหนื่อยกายและจิตเครียดในการรับมือกับม็อบ แถมไม่พอยังโดนอมไปอีก ทว่าปัญหานี้คลี่คลาย ไร้กังวล เพราะผู้จัดการรัฐบาลรายนี้รู้ดีว่า
กำลังพลก็คือชัยชนะ หากกองกำลังกรำศึกแบบไร้น้ำมันอัดฉีดให้เครื่องเดิน การรับมือกับเสื้อแดงที่แม้จะมาน้อย แต่ก็ประมาทไม่ได้ ต้องให้กำลังคนหนาแน่นไว้ก่อนเพื่อข่มขวัญทางจิตวิทยาว่าทหาร-ตำรวจ-รัฐบาล เอาจริงนะเฟ้ย
พอเจอการวางแผนป้องกันแบบนี้ ทหาร 27 กอง ตำรวจนครบาล และสันติบาลทั้งในและนอกเครื่องแบบสับเปลี่ยนหมุนเวียนตลอด 24 ชั่วโมง หลายพันคน ชนิดกำลังไม่มีตก
คนเสื้อแดง ที่นอนตากแดด ตากลม จนแห้งกรังหน้าทำเนียบฯ เพราะไม่มีทั้งน้ำ ข้าวเสบียง สามวันก็เลยจอดไม่ต้องแจว
ต้องถือว่า ช่วงนี้คนเสื้อแดงตกต่ำแบบสุดๆ แม้แต่คนเพื่อไทย ก็ยัง”ขยะแขยง”คนเสื้อแดง-นปช.ด้วยเหตุจะฉุกกระชากเรตติ้งให้ดำดิ่ง เพราะเห็นหายนะรออยู่เบื้องหน้าหากไม่ขยับตัวออกห่าง ด้วยสังคมกำลังเอียนกับพฤติกรรมรับเงิน สู้เพื่อนักโทษ จนบ้านเมืองวุ่นวาย คนเพื่อไทยก็เลยไม่อยากเกลือกกลั้ว เพราะกลัวจะติดร่างแหคนเกลียดไปด้วย
ขนาด เยาวเรศ ชินวัตร น้องสาวทักษิณแท้ๆ มีข่าวว่าคน นปช.เอาเสื้อแดงไปประเคนขายให้ 100 ตัว เพื่อเอาเงินมาเคลื่อนไหวหน้าทำเนียบฯ
“เจ๊เรศ”ยังส่ายหน้า เก็บเงินไว้เป็นทุนออกงานสังคมดีกว่า เพราะรู้ดีว่าพี่ชายตัวเองถูกเสื้อแดงหลอกจนกระเป๋าฉีกแล้วฉีกอีก !
ขณะที่การยกเลิกไม่ไปแสดงปาฐกถามที่ฮ่องกง คือความพ่ายแพ้ในเวทีนานาชาติของทักษิณ ที่ถึงตอนนี้ เรียกได้ว่า “หมดรูปมวย”ไปแล้ว
ยิ่งการไปพึ่งใบบุญของประธานาธิบดีนิคารากัว อย่างDaniel Ortega ก็เห็นได้ชัดว่ายามนี้ทักษิณลดชั้นตัวเองลงทุกที จากนักธุรกิจชั้นนำเอเชียที่เข้าไปซื้อหุ้นสโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี้ฯและมีบ้านพักหรูหราในลอนดอน
แต่ยามนี้สวรรค์บนดินของทักษิณ นิวาสสถานกลับกลายเป็นเกาะกง อย่างนี้ นิคารากัวอย่างนี้
ชีวิตทักษิณจึงมีแต่สาละวัน เตี้ยลง เตี้ยลง
จึงเหลือก็แต่ ตำรวจ-อัยการ-กระทรวงการต่างประเทศ จะต้องทำหน้าที่อย่างจริงจังในการเอาตัวทักษิณมาเข้าคุก
Thaksin where are you?
เล่ากันวงในจากตึกอาคารที่ทำการพรรคเพื่อไทยว่า มีคนที่รู้แหล่งกบดานและความเคลื่อนไหวของทักษิณ ชินวัตรในยามนี้ และรู้ว่าทักษิณคิดการใด จะทำอะไรต่อไปในอนาคต
มีไม่ถึง 10 คนเท่านั้น
เบอร์โทรศัพท์ของทักษิณ ที่ส.ส.เพื่อไทย ติดต่อโทรศัพท์ไป ก็ไม่ได้ต่อสายได้ถึงทักษิณ โดยตรงเหมือนก่อนหน้านี้ เพราะแม้จะโทรติดแต่ก็มีระบบการตรวจเช็คอย่างละเอียด
แม้ว่า Receive call ในเครื่องทักษิณจะบ่งบอกว่าผู้โทรคือส.ส.หรือแกนนำเพื่อไทย แต่ก็ไม่ใช่อยู่ดี ๆ ทักษิณจะรับง่ายๆเหมือนเดิม จะต้องผ่านระบบการตรวจเช็ครอบแรกก่อนว่า
ผู้โทรมาคือส.ส.เพื่อไทยในเบอร์ของที่โทรเข้ายังเครื่องทักษิณจริงหรือไม่ โทรมาเพื่อวัตถุประสงค์ใด เพราะอย่าลืมว่าทักษิณคือ “อดีตเจ้าพ่อโทรคมนาคม” และตอนนี้ก็ยังมีเครือข่าย ลูกน้องเก่าอยู่ในบริษัททำกิจการด้านโทรคมนาคมอยู่จำนวนมาก
เสียงลือเสียงเล่าอ้างที่ว่า ทักษิณ เกรงจะมีการดักฟังโทรศัพท์ที่โทรจากเมืองไทย เพื่อต้องการรู้ความเคลื่อนไหวของทักษิณ แม้จะเป็นเรื่องที่หน่วยข่าวทุกหน่วยของเมืองไทยต้องปฏิเสธและไม่ยอมรับ เพราะเข้าข่ายผิดกฎหมายความมั่นคงและการโทรคมนาคม
แต่ของอย่างนี้ ในสภาวการณ์แบบนี้ ทักษิณและทีมงาน ย่อมต้องป้องกันทุกวิถีทาง
การพูดคุยระหว่างส.ส.เพื่อไทยกับทักษิณ จึงปรากฏข่าวว่า ระยะหลังไม่หนาแน่นหรือมีการโทรไปให้กำลังใจ ปรับสารทุกข์สุขดิบกันคับคั่งเหมือนก่อนหน้านี้ และเนื้อหาการพูดคุย ทักษิณก็ไม่เปิดเผยรายละเอียดใดๆมากนัก โดยเฉพาะ
ความคิดทางการเมือง-การต่อสู้เพื่อกลับไทย-แหล่งกบดาน
เห็นได้จากที่ทักษิณ เปรยให้ส.ส.เพื่อไทยฟังหลายครั้งในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ว่า
“ผมรู้ในพรรคเวลานี้มีนกสองหัว รับสองทาง”
ทำให้ทักษิณก็ต้องระวังตัวเป็นธรรมดา เพราะไม่รู้ว่าคนที่โทรมาจะเป็น
“นกสองหัว”
สอบถามแหล่งกบดาน ความเคลื่อนไหวเพื่อไปรายงานใครบางคนแถวๆ ถนนศรีอยุธยาหรือไม่?
จึงทำให้หลายคน คาดการณ์แหล่งพำนักพักอาศัยของทักษิณกันไปต่างๆ บนการสันนิษฐานว่าน่าจะอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับแผ่นดินสยาม ซึ่งดูแล้ว
“เกาะกง-กัมพูชา”
ประเทศที่ทักษิณ มีสายสัมพันธ์ทั้งทางการเมืองและธุรกิจอันแนบแน่นกับฮุนเซน และเป็นแหล่งพำนักซึ่งมีข่าวยืนยันหลายครั้งว่า ทักษิณใช้สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งนัดพบคนใกล้ชิดเพื่อวางแผนสร้างความปั่นป่วนในประเทศไทย โดยเฉพาะหากต้องการจะโฟนอินเข้าไปยังรายการต่างๆ ก็มักจะโทรจากเกาะกงเข้าไปร่วมรายการหลายครั้ง
แต่ก็ยังไม่ทิ้งแหล่งอื่นอย่าง “ฮ่องกง” ที่ทักษิณ อาจจะหลบซ่อนอยู่ในซอกหนึ่งซอกใดของที่นั่น หรืออาจจะใช้แหล่งพำนักอยู่ในเรือเดินทะเล ที่ลอยลำอยู่ใกล้เขตทะเลหลวงในทะเลย่านนี้ หากมีการติดตามไล่ล่าก็สามารถหลบออกทะเลหลวง ซึ่งเป็นเขตที่ไม่อยู่ในอำนาจอธิปไตยของประเทศใด
อย่างไรก็ตาม หลังจากทักษิณยกเลิกการเข้าฮ่องกง เพื่อไปแสดงปาฐกถาพิเศษเรื่อง"วิกฤติการเงิน ความไม่แน่นอนทางการเมือง: บทเรียนจากประเทศไทย" จัดโดยสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศในฮ่องกง (เอฟซีซี) ที่ฮ่องกง ในวันที่ 2 มีนาคมด้วยเหตุผลที่ว่า
“ผมไม่ไปแล้ว เพราะไม่อยากให้การปรากฏตัวของผมส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของจีนกับฮ่องกง ผมรำคาญมากกับเสียงฮือฮาของรัฐบาล ฉะนั้นผมคิดว่าไม่ไปดีกว่า รัฐบาลไม่ควรตื่นเต้นเกินเหตุกับการไปพูดของผม ซึ่งจะเน้นข้อเสนอเกี่ยวกับแนวทางรับมือกับวิกฤติการเงินโลก ไม่ได้พูดเรื่องประเทศไทย”
ข้ออ้างเรื่องไม่ต้องการให้ไทยกับฮ่องกง และจีน ได้รับผลกระทบในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากกรณีการจะไปแสดงปาฐกถาดังกล่าว แท้จริงแล้วก็เป็นเหตุบังหน้าเท่านั้น
เพราะลึกๆ จริงๆ แล้ว ทักษิณกลัวโดน”ตะครุบตัว”มากกว่า
เหตุเพราะท่าทีของรัฐบาลโดยเฉพาะอภิสิทธิ์ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ เพราะตอนนี้เล่นไม้แข็งแล้วกับการไล่ล่าตัวเขามาเข้าคุก การข่าวที่เจ้าตัวได้รับในเรื่องการมีคนของฝ่ายทางการไทย ทั้งตำรวจ-อัยการ-กระทรวงการต่างประเทศ บินมาดูลาดเลาที่ฮ่องกงเพื่อเตรียมศึกษาความเป็นไปได้ และติดต่อประสานงานทางคดีและการทูตในลักษณะความร่วมมือระหว่างประเทศในการควบคุมตัวทักษิณกลับไทย
โดยใช้วิธีหากควบคุมตัวได้แล้ว ส่งไปยังประเทศจีน แล้วให้จีนที่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับไทย ส่งต่อกลับไทยคือช่องทางที่มีความเป็นไปได้สูง และมีโอกาสทำได้
นั่นย่อมทำให้ ทักษิณไม่ต้องการเสี่ยง เพราะแม้ฮ่องกงจะเป็นอิสระจากจีน แต่จีนก็คือประเทศแม่ ที่ความร่วมมือในเรื่องแค่ให้ช่วยติดตามจับกุมตัวนักโทษตามหมายจับศาลย่อมไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรง เพราะกระบวนการไล่ล่าทักษิณเป็นสิ่งที่ทำโดยถูกต้องทุกอย่างตามอำนาจรัฐและกระบวนการยุติธรรมไทย
การอ้างเรื่องไม่อยากให้ฮ่องกง ลำบากใจ จึงเป็นเหตุผล หนีเอาตัวรอดทางการเมืองดีๆนั่นเอง
ที่น่าจับตา ต่อจากนี้ก็คือการดิ้นรนของทักษิณ ชินวัตร ในยามที่เจ้าตัวถูกรุกไล่หนักขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีบัญชาการให้หน่วยงานทุกหน่วยติดตามล่าตัวนักโทษหนีคดีคำพิพากษาศาลฏีกาในคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯและอีกหลายคดีที่ตกเป็นจำเลยในชั้นศาลฏีกาฯ
เพราะรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เห็นแล้วว่าอาการของทักษิณ หนักหนายิ่งนักกับความปราชัย-พ่ายแพ้ ทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ
ในประเทศก็คือ การถอยร่นอย่างไม่เป็นขบวนการของขบวนการกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ก่อนหน้านี้คุยโวโอ้อวดว่าจะสร้างปรากฏการณ์แดงทั้งแผ่นดิน คนสามหมื่นจะรายล้อมนอนล้อมทำเนียบรัฐบาลสามวันสามคืน แต่ถึงเวลาจริงๆ ทั้งเกณฑ์ทั้งจ้าง มาก็ระดมได้เต็มที่แค่หมื่นคน แถมบางขณะเช่นยามเช้าก็เหลือแค่หลักสิบ
ยิ่งเมื่อเจอกับมาตรการ “อัดฉีด”เต็มที่จากแกนนำรัฐบาลที่สั่งทหาร-ตำรวจ รับมือเต็มอัตราศึก บนเงินอัดฉีดที่เสนอเบิกโดยสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง
“วันละ 1 ล้านบาท”
เบ็ดเสร็จ สามวันสามคืน ก็อัดฉีดไป 3 ล้านบาท ทั้งสีกากี-สีเขียวขี้ม้า ที่มาร่วมตรึงกำลังในทำเนียบรัฐบาล นอกทำเนียบรัฐบาล ตากแดดตากลม เหงื่อไหลออกเป็นน้ำ แต่งวดนี้ไม่เหมือนก่อน ที่กำลังพลทั้งตำรวจ ทหาร มักบ่นว่าผู้บังคับบัญชาไม่เหลียวแล ทั้งที่เหนื่อยกายและจิตเครียดในการรับมือกับม็อบ แถมไม่พอยังโดนอมไปอีก ทว่าปัญหานี้คลี่คลาย ไร้กังวล เพราะผู้จัดการรัฐบาลรายนี้รู้ดีว่า
กำลังพลก็คือชัยชนะ หากกองกำลังกรำศึกแบบไร้น้ำมันอัดฉีดให้เครื่องเดิน การรับมือกับเสื้อแดงที่แม้จะมาน้อย แต่ก็ประมาทไม่ได้ ต้องให้กำลังคนหนาแน่นไว้ก่อนเพื่อข่มขวัญทางจิตวิทยาว่าทหาร-ตำรวจ-รัฐบาล เอาจริงนะเฟ้ย
พอเจอการวางแผนป้องกันแบบนี้ ทหาร 27 กอง ตำรวจนครบาล และสันติบาลทั้งในและนอกเครื่องแบบสับเปลี่ยนหมุนเวียนตลอด 24 ชั่วโมง หลายพันคน ชนิดกำลังไม่มีตก
คนเสื้อแดง ที่นอนตากแดด ตากลม จนแห้งกรังหน้าทำเนียบฯ เพราะไม่มีทั้งน้ำ ข้าวเสบียง สามวันก็เลยจอดไม่ต้องแจว
ต้องถือว่า ช่วงนี้คนเสื้อแดงตกต่ำแบบสุดๆ แม้แต่คนเพื่อไทย ก็ยัง”ขยะแขยง”คนเสื้อแดง-นปช.ด้วยเหตุจะฉุกกระชากเรตติ้งให้ดำดิ่ง เพราะเห็นหายนะรออยู่เบื้องหน้าหากไม่ขยับตัวออกห่าง ด้วยสังคมกำลังเอียนกับพฤติกรรมรับเงิน สู้เพื่อนักโทษ จนบ้านเมืองวุ่นวาย คนเพื่อไทยก็เลยไม่อยากเกลือกกลั้ว เพราะกลัวจะติดร่างแหคนเกลียดไปด้วย
ขนาด เยาวเรศ ชินวัตร น้องสาวทักษิณแท้ๆ มีข่าวว่าคน นปช.เอาเสื้อแดงไปประเคนขายให้ 100 ตัว เพื่อเอาเงินมาเคลื่อนไหวหน้าทำเนียบฯ
“เจ๊เรศ”ยังส่ายหน้า เก็บเงินไว้เป็นทุนออกงานสังคมดีกว่า เพราะรู้ดีว่าพี่ชายตัวเองถูกเสื้อแดงหลอกจนกระเป๋าฉีกแล้วฉีกอีก !
ขณะที่การยกเลิกไม่ไปแสดงปาฐกถามที่ฮ่องกง คือความพ่ายแพ้ในเวทีนานาชาติของทักษิณ ที่ถึงตอนนี้ เรียกได้ว่า “หมดรูปมวย”ไปแล้ว
ยิ่งการไปพึ่งใบบุญของประธานาธิบดีนิคารากัว อย่างDaniel Ortega ก็เห็นได้ชัดว่ายามนี้ทักษิณลดชั้นตัวเองลงทุกที จากนักธุรกิจชั้นนำเอเชียที่เข้าไปซื้อหุ้นสโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี้ฯและมีบ้านพักหรูหราในลอนดอน
แต่ยามนี้สวรรค์บนดินของทักษิณ นิวาสสถานกลับกลายเป็นเกาะกง อย่างนี้ นิคารากัวอย่างนี้
ชีวิตทักษิณจึงมีแต่สาละวัน เตี้ยลง เตี้ยลง
จึงเหลือก็แต่ ตำรวจ-อัยการ-กระทรวงการต่างประเทศ จะต้องทำหน้าที่อย่างจริงจังในการเอาตัวทักษิณมาเข้าคุก