ยะลา - นายกฯ เผยการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะทำควบคู่กับการพัฒนา ให้มีเอกภาพในการปฏิบัติงานในทุกๆ ด้าน ให้ความสำคัญกับการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการทำงาน ให้องค์กรเอกชนตรวจสอบการทำงาน และให้นำเทคโนโลยีทางด้านนิติวิทยาศาสตร์มาใช้ในการพิสูจน์หลักฐาน
หลังจากที่นายกรัฐมนตรี และ คณะรัฐมนตรี ได้เข้าประชุมร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถึงแนวทางการปฏิบัติงานแก้ไขปัญหาความไม่สงบ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า การลงมาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในครั้งนี้ เพื่อมารับทราบผลการดำเนินงานในด้านต่าง ๆ จากหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งพบว่าที่ผ่านมาการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ยังติดขัดอยู่ในบางเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของงบประมาณที่มีความล่าช้า เรื่องของการขาดความเป็นเอกภาพในการปฏิบัติงาน
สำหรับเรื่องการพิสูจน์หลักฐานทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ ในขณะนี้ภาพรวมถือว่ามีแนวโน้มของสถานการณ์ที่ดีขึ้น ซึ่งในการประชุมได้มีการมอบแนวทางและนโยบายการปฏิบัติงานให้แก่เจ้าหน้าที่ที่มีความสำคัญหลาย ๆ ด้าน สิ่งที่มีความสำคัญมากคือ ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการทำงาน และให้นำเทคโนโลยีทางด้านนิติวิทยาศาสตร์มาใช้ในการพิสูจน์หลักฐาน
ส่วนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่นั้นจะต้องไม่สร้างเงื่อนไข เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามนำไปเป็นเครื่องมือในการโจมตีการทำงานของรัฐโดยเด็ดขาด หากพบว่ามีการนำเรื่องในลักษณะโจมตีการทำงานของเจ้าหน้าที่ ผู้ที่รับผิดชอบจะต้องเร่งชี้แจงทำความเข้าใจต่อประชาชนทั่วทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยเร็วที่สุด โดยรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศจะร่วมชี้แจงด้วยอีกทาง
นอกจากนี้ ยังต้องเปิดโอกาสให้องค์กรเอกชนสามารถเข้าไปตรวจสอบการทำงาน และ พร้อมรับฟังความคิดเห็นของทุกองค์กรเอกชน และจะต้องแก้ไขปัญหาความไม่สงบควบคู่กับการพัฒนา โดยนายกรัฐมนตรีระบุอีกว่า การแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะต้องดำเนินการเอง จะมอบหน้าที่การทำงานให้กับฝ่ายความมั่นคงดำเนินการฝ่ายเดียวไม่ได้ โดยจะใช้กลไกของคณะรัฐมนตรีพิเศษเข้ามาดูแลปัญหาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยเฉพาะ
ส่วนเรื่องขวัญและกำลังของผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จะดูแลอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะค่าเสี่ยงภัย และจะเร่งรัดให้มีการเบิกจ่ายงบประมาณให้มีความรวดเร็ว และ จะนำเงินงบประมาณในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปใช้ในพื้นที่อื่นเหมือนอย่างที่ผ่านมาไม่ได้
สำหรับการนำกฎหมายด้านความมั่นคงมาใช้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้มีการต่ออายุพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ออกไปอีก 3 เดือน ซึ่งก่อนที่จะมีการพิจารณาต่ออีกครั้ง ให้ทุกฝ่ายสรุปกลไกทางกฎหมายที่ใช้อยู่ในพื้นที่ ทั้งพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน กฎอัยการศึก และกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ เพื่อหาข้อสรุปว่าในทางปฏิบัติ กฎหมายใดจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด เพราะที่ผ่านมาการแก้ไขปัญหาภาคใต้ขาดเอกภาพ ขาดคนขับเคลื่อนนโยบาย จึงต้องประสานงาน เพื่อให้เกิดการใช้กฎหมายอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป