นครศรีธรรมราช - “เทพไท” ตอก “แม้ว” เสื่อมหนัก โฟนอินพร่ำเพรื่อ จวกเหลิงอำนาจของจริง ทั้งฆ่าตัดตอน 2,500 ศพ บริหารประเทศแบบซีอีโอ แถมโฆษณาชวนเชื่อ อวดอ้างตัวเองแก้เศรษฐกิจสำเร็จ ที่แท้คือ ทำให้ตัวเองร่ำรวย แต่ทำชาติเจ๊งวายวอด ทั้งปล่อยกู้พม่า อีลิทการ์ด แอร์พอร์ตลิงก์
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการโฟนอินครั้งล่าสุดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศ ว่า ในส่วนของรัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญกับการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะว่า พฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามที่จะโฟนอินรายวันโดยผ่านม็อบ ผ่านการชุมนุม งานเลี้ยง รวมไปถึงงานวัด เห็นได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เลือกกาลเทศะ ถ้าเป็นแบบนี้คิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังเสื่อมไปเอง เพราะว่าเป็นการโฟนอินแบบพร่ำเพรื่อ
แต่ในกรณีที่มีการพาดพิงรัฐบาล กล่าวหาว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เหลิงอำนาจ ประชาชนทั้งประเทศจับตามองอยู่ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา จะรู้ว่านายกรัฐมนตรีเหลิงอำนาจตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวหาหรือไม่ ภาพลักษณ์ที่ออกมาสามารถเปรียบเทียบได้อย่างชัดเจนระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับ นายอภิสิทธิ์ ใครที่มีบุคลิกอ่อนน้อมรับฟังความเห็นของคนอื่น หรือพฤติกรรมการลุอำนาจใครที่มีมากกว่ากัน
นายเทพไท กล่าวต่อว่า ในยุคของ พ.ต.ท.ทักษิณ การบริหารราชการแผ่นดินใช้แบบซีอีโอ เป็นใหญ่เพียงคนเดียว ไม่ได้รับฟังความเห็นของใครทุกคนเป็นลูกน้อง เป็นผู้ช่วยในขณะที่ตัวเองวางตัวเป็นประธานบริษัท เชื่อว่า ตลอดการทำงานของนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ พยายามที่จะให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาวิกฤตชาติ เห็นจากการที่นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ สั่งให้ รมต.ลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาประชาชน ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา ปัญหาทางการเมือง ความขัดแย้งแตกแยก นายอภิสิทธิ์ ยังคิดไปถึงแนวคิดการปฏิรูปทางการเมืองโดยทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม เช่น มอบหมายให้สถาบันพระปกเกล้าเป็นเจ้าภาพในการปฏิรูปการเมือง นายกฯอภิสิทธิ์ ไม่เคยคิดเอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ ให้ความเคารพทุกฝ่ายโดยยึดหลักประชาสังคม ที่มีทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม
“ผมอยากให้กลับไปมองยุคครั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี อยากถามว่า การปราบยาเสพติดในยุคของ พ.ต.ท.ทักษิณ การฆ่าตัดตอนเป็นการเหลิงอำนาจหรือไม่ คนที่ตายประมาณ 2,500 ศพ ที่สังคมกังขาว่ามีผู้บริสุทธิ์อยู่กี่คน เรื่องนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการสอบสวนว่าขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนหรือไม่ จะตอบเรื่องนี้อย่างไร”
นายเทพไท กล่าวอีกว่า ในเรื่องของการโฆษณาชวนเชื่อ ว่า ประชาชนไม่ควรจะเชื่อถือรัฐบาล ว่า จะมีความสามารถในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ รัฐบาลเองไม่เคยโอ้อวดถึงความสามารถของตัวเองแต่เชื่อว่าผลงานจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่ารัฐบาลสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้หรือไม่ 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี รัฐบาลมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะเห็นผลในทางปฏิบัติภายในเร็วๆ นี้
“ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ ที่โฆษณาอยู่ตลอดเวลา ว่า ประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ อยากจะถามต่อไปว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สำเร็จอะไรบ้าง นอกจากความสำเร็จในธุรกิจของตัวเองที่ทำให้ธุรกิจตัวเองร่ำรวย บริษัทตัวเองร่ำรวย แต่ธุรกิจที่เป็นของประเทศชาติขาดทุนล่มจมไปหลายโครงการ เช่น การปล่อยเงินกู้ให้กับประเทศพม่า การจัดตั้งบริษัท อีลิทการ์ด จนถึงโครงการแอร์พอร์ตลิงก์ ที่กำลังสร้างเสร็จซึ่งมีการประเมินว่า จะขาดทุนตลอดโครงการ นี่หรือคือผลงานที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โอ้อวดว่า ประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาของประเทศชาติ การบริหารที่ผ่านมา คือ ข้ารวยคนเดียว ประเทศชาติจะล่มจมอย่างไรไม่สน การใช้สื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในการเคลื่อนไหวในต่างประเทศ โฆษณาสร้างภาพโจมตีใส่ร้ายประเทศไทย เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังทำและเคลื่อนไหวอย่างนี้ต่อไป เพราะเป็นยุทธศาสตร์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะใช้ป่าล้อมเมือง ใช้โลกล้อมประเทศไทย” นายเทพไท กล่าวในที่สุด