ศูนย์ข่าวขอนแก่น - “สมศักดิ์-รมว.ยุติธรรม” มอบนโยบายแก้ปัญหายาเสพติด 19 จังหวัดภาคอีสาน วางกรอบ 90 วันยาเสพติดอีสานต้องลด ยึดหลักนิติกรรมใช้กฎหมายปราบยาเสพติดอย่างเข้มข้น ระบุ ไม่มีฆ่าตัดตอนเด็ดดาด ชูปราบปรามยาเสพติดในเชิงคุณภาพไม่เน้นปริมาณ กำชับ จ.ชายแดนเฝ้าระวังค้ายาเสพติดข้ามชาติ
วันนี้ (17 พ.ย.) เมื่อเวลา 10.30 น.ที่ห้องประชุมชั้น 2 โรงแรมพูลแมน ราชาออคิด จ.ขอนแก่น นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด, ตำรวจ, ทหาร และส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหายาเสพติด ในพื้นที่ 19 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีผู้เข้าร่วมในการประชุมรวมกว่า 200 คน
นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า เพื่อให้นโยบายการประกาศ 90 วัน ประสบผลสำเร็จ ทุกส่วนงานจะต้องรวมมือกันเพื่อขับเคลื่อนนโยบายอย่างสุดความสามารถ โดยจะต้องมีการบูรณาการในส่วนของบุคลากรทุกภาคส่วนและที่สำคัญอย่างยิ่ง คือ การบูรณาการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น จะต้องใช้หลักนิติกรรมในการปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มข้น และบูรณาการร่วมกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเป้าหมายที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยเร่งด่วน ด้วยการใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม เพื่อลดระดับของปัญหายาเสพติดทั้ง 7 มาตรการ คือการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดน การควบคุมตัวยาและผู้ค้ายาเสพติดและการบังคับใช้กฎหมาย การแก้ไขปัญหาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด การป้องกันเยาวชนกลุ่มเสี่ยง การจัดตั้งพลังประชาชนป้องกันยาเสพติด การแก้ไขปัญหาเฉพาะพื้นที่ การบริหารจัดการอย่างบูรณการเพื่อเพิ่มความเข้มแข้งของกลไกเพื่อก่อให้เกิดการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
“การดำเนินการปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจังใน 90 วันนี้ ที่สำคัญคือห้ามการดำเนินการในรูปแบบการฆ่าตัดตอนอย่างเด็ดขาด แต่ให้เน้นย้ำในเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่และจริงจัง เพราะการทำงานต่อจากนี้ไปจะต้องเพิ่มความเข้มข้น โดยเฉพาะในเรื่องของกฎหมาย 5 ฉบับที่ต้องดำเนินงาน คือ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ที่ถือเป็นการทำงานตามกรอบของกฎหมายอย่างจริงจัง” นายสมศักดิ์ กล่าว และว่า
ต่อด้วย พ.ร.บ.การปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ที่จะเน้นในเรื่องของการยึดทรัพย์ผู้ค้าและผู้เสพที่จะต้องเอามาใช้เพื่อตัดเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด และ พ.ร.บ.การฟอกเงิน ที่จะเป็นการยึดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดิน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งมาตรการที่สามารถดำเนินการได้ พ.ร.บ.ทั้งหมดนี้สามารถนำไปใช้ในการบังคับใช้กฎหมายได้อย่างเข้มงวด
ขณะเดียวกัน การป้องกันในกลุ่มเสี่ยง ที่จะต้องเน้นหนักไปในสถาบันการศึกษา เพราะเป็นกลุ่มเสี่ยงกลุ่มใหญ่ที่สุด ที่จะเป็นการป้องกันเยาวชนที่เป็นบุคลากรสำคัญของชาติ
รมว.ยุติธรรม กล่าวต่อว่า ได้กำชับให้จังหวัดตามแนวเขตชายแดน จะต้องเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังของกลุ่มขบวนการผู้ค้าข้ามชาติ หลังรายงานข่าวยังคงพบว่า มีการลักลอบจำหน่ายจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้ค้ารายใหญ่ ซึ่งยอมรับว่า ยังคงอยู่ภายในเรือนจำ ได้กำชับไปยังผู้บัญชาการเรือนจำเพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบเรื่องดังกล่าวด้วย โดยเฉพาะเรือนจำกลางคลองเปรม เรือนจำกลางบางขวาง เรือนจำกลางเขาบิน เรือนจำกลางคลองไผ่ จะต้องมีการตรวจค้นอยู่อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม มาตรการการลดผู้ค้า ที่ได้มีการกำหนดแผนการทำงานที่ชัดเจน โดยเฉพาะปัญหาการตัดตอนที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นในรัฐบาลยุคปัจจุบัน เพราะการทำงานการปราบปรามยาเสพติดไม่เน้นในเชิงปริมาณ แต่จะเน้นในเชิงของคุณภาพและความพึงพอใจของประชาชนเพราะฉะนั้นอย่าให้เกิดการฆ่าตัดตอนโดยเด็ดขาด
วันนี้ (17 พ.ย.) เมื่อเวลา 10.30 น.ที่ห้องประชุมชั้น 2 โรงแรมพูลแมน ราชาออคิด จ.ขอนแก่น นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด, ตำรวจ, ทหาร และส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหายาเสพติด ในพื้นที่ 19 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีผู้เข้าร่วมในการประชุมรวมกว่า 200 คน
นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า เพื่อให้นโยบายการประกาศ 90 วัน ประสบผลสำเร็จ ทุกส่วนงานจะต้องรวมมือกันเพื่อขับเคลื่อนนโยบายอย่างสุดความสามารถ โดยจะต้องมีการบูรณาการในส่วนของบุคลากรทุกภาคส่วนและที่สำคัญอย่างยิ่ง คือ การบูรณาการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น จะต้องใช้หลักนิติกรรมในการปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มข้น และบูรณาการร่วมกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเป้าหมายที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยเร่งด่วน ด้วยการใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม เพื่อลดระดับของปัญหายาเสพติดทั้ง 7 มาตรการ คือการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดน การควบคุมตัวยาและผู้ค้ายาเสพติดและการบังคับใช้กฎหมาย การแก้ไขปัญหาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด การป้องกันเยาวชนกลุ่มเสี่ยง การจัดตั้งพลังประชาชนป้องกันยาเสพติด การแก้ไขปัญหาเฉพาะพื้นที่ การบริหารจัดการอย่างบูรณการเพื่อเพิ่มความเข้มแข้งของกลไกเพื่อก่อให้เกิดการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
“การดำเนินการปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจังใน 90 วันนี้ ที่สำคัญคือห้ามการดำเนินการในรูปแบบการฆ่าตัดตอนอย่างเด็ดขาด แต่ให้เน้นย้ำในเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่และจริงจัง เพราะการทำงานต่อจากนี้ไปจะต้องเพิ่มความเข้มข้น โดยเฉพาะในเรื่องของกฎหมาย 5 ฉบับที่ต้องดำเนินงาน คือ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ที่ถือเป็นการทำงานตามกรอบของกฎหมายอย่างจริงจัง” นายสมศักดิ์ กล่าว และว่า
ต่อด้วย พ.ร.บ.การปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ที่จะเน้นในเรื่องของการยึดทรัพย์ผู้ค้าและผู้เสพที่จะต้องเอามาใช้เพื่อตัดเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด และ พ.ร.บ.การฟอกเงิน ที่จะเป็นการยึดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดิน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งมาตรการที่สามารถดำเนินการได้ พ.ร.บ.ทั้งหมดนี้สามารถนำไปใช้ในการบังคับใช้กฎหมายได้อย่างเข้มงวด
ขณะเดียวกัน การป้องกันในกลุ่มเสี่ยง ที่จะต้องเน้นหนักไปในสถาบันการศึกษา เพราะเป็นกลุ่มเสี่ยงกลุ่มใหญ่ที่สุด ที่จะเป็นการป้องกันเยาวชนที่เป็นบุคลากรสำคัญของชาติ
รมว.ยุติธรรม กล่าวต่อว่า ได้กำชับให้จังหวัดตามแนวเขตชายแดน จะต้องเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังของกลุ่มขบวนการผู้ค้าข้ามชาติ หลังรายงานข่าวยังคงพบว่า มีการลักลอบจำหน่ายจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้ค้ารายใหญ่ ซึ่งยอมรับว่า ยังคงอยู่ภายในเรือนจำ ได้กำชับไปยังผู้บัญชาการเรือนจำเพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบเรื่องดังกล่าวด้วย โดยเฉพาะเรือนจำกลางคลองเปรม เรือนจำกลางบางขวาง เรือนจำกลางเขาบิน เรือนจำกลางคลองไผ่ จะต้องมีการตรวจค้นอยู่อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม มาตรการการลดผู้ค้า ที่ได้มีการกำหนดแผนการทำงานที่ชัดเจน โดยเฉพาะปัญหาการตัดตอนที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นในรัฐบาลยุคปัจจุบัน เพราะการทำงานการปราบปรามยาเสพติดไม่เน้นในเชิงปริมาณ แต่จะเน้นในเชิงของคุณภาพและความพึงพอใจของประชาชนเพราะฉะนั้นอย่าให้เกิดการฆ่าตัดตอนโดยเด็ดขาด
