รมว.ยุติธรรม เข้ม “90 วันพ้นภัยยาเสพติด” ต้องไม่ให้มีฆ่าตัดตอน พร้อมใช้ฎหมายยาเสพติด กฎหมายฟอกเงิน กฎหมายด้านภาษี มาบังคับใช้เต็มรูปแบบ หากไม่ชัดเจนที่มาของเงินยึดทรัพย์ได้ทันที เพื่อตัดตอนเครือข่ายค้ายา
วันนี้ (12 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและรองผอ.ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ศอ.ปส.) เปิดเผยภายหลังประชุมการดำเนินงานตามปฏิบัติการ “90 วัน พ้นภัยยาเสพติด” ว่า ได้ประชุมเพื่อสรุปภาพรวมและความคืบหน้าของการปฏิบัติงานด้านยาเสพติด โดยเน้นการประเมินผลเชิงคุณภาพ ไม่ไปยึดหลักเชิงปริมาณเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาและข้อครหาเหมือนที่ผ่านมา โดยจะเน้นการบำบัดรักษาใช้วิธีการให้ผู้ป่วยสมัครใจเข้ามาบำบัดรักษา ตั้งแต่ปี 2546 มีผู้ติดยาเสพติดสมัครใจเข้ารับการบำบัดกว่า 3 แสนคน ส่วนกลุ่มผู้ติดยาเสพติดที่เหลือก็จะใช้แนวทางกฎหมายเพื่อบังคับบำบัดรักษา โดยมอบหมายกับผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ ให้ดูแลด้านสถานที่และงบประมาณ ซึ่งจะทำให้ช่วยเหลือผู้ติดยาเสพติดมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ยาเสพติดที่เน้นมากที่สุดคือ ยาบ้า นอกจากนี้ก็มียาเสพติดประเภทสารระเหยต่างๆ ที่มีกฎหมายบังคับใช้ในการบำบัดอยู่แล้ว ส่วนด้านการจับกุมผู้ค้ายาเสพติดนั้นจะเน้นเรื่องการสืบสวนเพื่อรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานให้มากที่สุดเพื่อนำไปสู่การจับกุมพร้อมทั้งขยายผลไปถึงผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ ผู้มีอิทธิพลและนายทุน โดยมีการบูรณาการและนำกฎหมายมาบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบ แต่ได้มีการเน้นย้ำว่าไม่ให้มีกรณีของการฆ่าตัดตอนเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด
“การบูรณาการจะมีดาบแรก คือ ใช้กฎหมายยาเสพติด ดาบสองคือ กฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพียงแค่ไม่สามารถชี้แจงที่มาที่ไปของทรัพย์สินได้ก็สามารถยึดได้ หากดาบสองไม่ได้ผลก็จะใช้ดาบสาม คือ กฎหมายเรื่องภาษี ซึ่งจะดำเนินการตามขั้นตอนนี้อย่างจริงจัง เพื่อตัดตอนเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดทั้งหลาย” รมว.ยุติธรรมกล่าว
นอกจากนี้ รมว.ยุติธรรม ยังกล่าวถึงการเดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ไปมอบนโยบายเพื่อเยียวยาเหยื่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ไม่ได้กระทำ รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายให้มีความเสมอภาคทั่วกัน
ด้าน พล.ต.ท.กฤษณะ ผลอนันต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กล่าวว่า สรุปแผนการดำเนินการช่วง 90 วัน หลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้เริ่มเปิดปฏิบัติการแล้วว่าในแต่ละมาตรการได้ดำเนินการอะไรไปบ้าง มีข้อพิจารณาเพิ่มเติมที่แต่ละหน่วยงานควรจะรับไปดำเนินการ ซึ่งเป็นการซักซ้อมความเข้าใจเบื้องต้นเพื่อให้การปฏิบัติการตรงกันตามมาตรการที่กำหนดไว้แล้ว รวมทั้งประเด็นการเยียวยาปัญหาเยาวชนที่ติดยาเสพติด โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
วันนี้ (12 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและรองผอ.ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ศอ.ปส.) เปิดเผยภายหลังประชุมการดำเนินงานตามปฏิบัติการ “90 วัน พ้นภัยยาเสพติด” ว่า ได้ประชุมเพื่อสรุปภาพรวมและความคืบหน้าของการปฏิบัติงานด้านยาเสพติด โดยเน้นการประเมินผลเชิงคุณภาพ ไม่ไปยึดหลักเชิงปริมาณเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาและข้อครหาเหมือนที่ผ่านมา โดยจะเน้นการบำบัดรักษาใช้วิธีการให้ผู้ป่วยสมัครใจเข้ามาบำบัดรักษา ตั้งแต่ปี 2546 มีผู้ติดยาเสพติดสมัครใจเข้ารับการบำบัดกว่า 3 แสนคน ส่วนกลุ่มผู้ติดยาเสพติดที่เหลือก็จะใช้แนวทางกฎหมายเพื่อบังคับบำบัดรักษา โดยมอบหมายกับผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ ให้ดูแลด้านสถานที่และงบประมาณ ซึ่งจะทำให้ช่วยเหลือผู้ติดยาเสพติดมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ยาเสพติดที่เน้นมากที่สุดคือ ยาบ้า นอกจากนี้ก็มียาเสพติดประเภทสารระเหยต่างๆ ที่มีกฎหมายบังคับใช้ในการบำบัดอยู่แล้ว ส่วนด้านการจับกุมผู้ค้ายาเสพติดนั้นจะเน้นเรื่องการสืบสวนเพื่อรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานให้มากที่สุดเพื่อนำไปสู่การจับกุมพร้อมทั้งขยายผลไปถึงผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ ผู้มีอิทธิพลและนายทุน โดยมีการบูรณาการและนำกฎหมายมาบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบ แต่ได้มีการเน้นย้ำว่าไม่ให้มีกรณีของการฆ่าตัดตอนเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด
“การบูรณาการจะมีดาบแรก คือ ใช้กฎหมายยาเสพติด ดาบสองคือ กฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพียงแค่ไม่สามารถชี้แจงที่มาที่ไปของทรัพย์สินได้ก็สามารถยึดได้ หากดาบสองไม่ได้ผลก็จะใช้ดาบสาม คือ กฎหมายเรื่องภาษี ซึ่งจะดำเนินการตามขั้นตอนนี้อย่างจริงจัง เพื่อตัดตอนเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดทั้งหลาย” รมว.ยุติธรรมกล่าว
นอกจากนี้ รมว.ยุติธรรม ยังกล่าวถึงการเดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ไปมอบนโยบายเพื่อเยียวยาเหยื่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ไม่ได้กระทำ รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายให้มีความเสมอภาคทั่วกัน
ด้าน พล.ต.ท.กฤษณะ ผลอนันต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กล่าวว่า สรุปแผนการดำเนินการช่วง 90 วัน หลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้เริ่มเปิดปฏิบัติการแล้วว่าในแต่ละมาตรการได้ดำเนินการอะไรไปบ้าง มีข้อพิจารณาเพิ่มเติมที่แต่ละหน่วยงานควรจะรับไปดำเนินการ ซึ่งเป็นการซักซ้อมความเข้าใจเบื้องต้นเพื่อให้การปฏิบัติการตรงกันตามมาตรการที่กำหนดไว้แล้ว รวมทั้งประเด็นการเยียวยาปัญหาเยาวชนที่ติดยาเสพติด โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
