รัฐประกาศนโยบาย 90 วันต้านยาเสพติด ย้ำต้องไม่ให้เกิดฆ่าตัดตอน ขอความร่วมมือกระทรวงศึกษาธิการจัดหลักสูตรสอนให้เยาวชนรับรู้พิษภัยยาเสพติด เนื่องจากยานรกระบาดจากความต้องการซื้อ หากลดความต้องการได้การแพร่ระบาดจะลดน้อยตาม ขณะที่ ป.ป.ส.ตั้งเป้ายึดทรัพย์เครือข่ายนักค้ายา 400 ล้าน ระบุพื้นที่สีแดงยังเป็นชุมชนคลองเตย พร้อมจับตานักค้ารายใหญ่กว่า 100 ราย
วันนี้ (6 พ.ย.) ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดี-รังสิต เวลา 09.00 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดปฏิบัติการ 90 วัน พ้นภัยยาเสพติด และมอบนโยบายให้แก่หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ประมาณ 400 คน อาทิ ผอ.ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ศอ.ปส) และนายตำรวจระดับผู้บังคับการจากทั่วประเทศ โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน ศอ.ปส. นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นรอง ผอ.ศอ.ปส.
นายสมชาย กล่าวว่า ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาระดับโลก แต่ละประเทศมีวิธีจัดการกับปัญหาแตกต่างกัน ในส่วนของประเทศไทย รัฐบาลได้กำหนดให้ปัญหายาเสพติดเป็นนโยบายเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขอย่างบูรณาการการทำงานในทุกภาคส่วน เพื่อลดปัญหายาเสพติดให้หมดไปโดยเร็ว จึงได้กำหนดให้มีปฏิบัติการใน 90 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย.2551 ถึง 31 ม.ค. 2552 ซึ่งมีเป้าหมายดำเนินการในพื้นที่ที่มีปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดสูงเป็นพิเศษ เพื่อนำตัวผู้ค้ามาดำเนินการตามกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และแก้ไขผู้เสพ สำหรับปฏิบัติการครั้งจะมีการประเมินผลงานในทุกพื้นที่ทุก 1 เดือน หากพื้นที่ใดยาเสพติดยังแพร่ระบาดอยู่จะถูกพิจารณาต่อไป
นายสมชาย กล่าวอีกว่า การแก้ปัญหายาเสพติดไม่ได้เป็นหน้าที่ของกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง แต่เป็นภาระรับผิดชอบร่วมกันของทุกหน่วยงาน และขอฝากให้กระทรวงศึกษาธิการจัดทำหลักสูตรสอนให้เยาวชนรับรู้ถึงข้อเสียและพิษภัยของยาเสพติด เนื่องจากยาเสพติดระบาดเพราะมีผู้ต้องการซื้อ หากลดความต้องการลงได้ปริมาณการแพร่ระบาดก็จะลดลง อย่างไรก็ตาม ขอกำชับว่า การปราบปรามยาเสพติดในครั้งนี้ต้องไม่เกิดปัญหากรณีฆ่าตัดตอนเด็ดขาด โดยตำรวจต้องเข้าไปดูแลไม่ให้มีการฆ่ากันเองภายในกลุ่มผู้มีอิทธิพลและนักค้ายาเสพติด หากเกิดคดีฆาตกรรมเพื่อตัดตอนความผิดต้องรวบรวมหลักฐานเพื่อจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี ในกรณีที่การจับกุมผู้ต้องสงสัยหากในภายหลังพบว่าบุคคลนั้นไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้ปล่อยตัวทันที
ด้าน พล.ต.อ.โกวิท กล่าวว่า ยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ ที่ต้องปฏิบัติปราบปรามใน 4 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ การดำเนินการกับนักค้ายาเสพติด ควบคุมปริมาณยาเสพติด ป้องกันกลุ่มเสี่ยง และบริหารจัดการเกี่ยวกับการบำบัดผู้เสพไม่ให้กลับไปใช้ยาเสพติดอีก ทั้งนี้กลุ่มนักค้ายาเสพติดจะเปลี่ยนรูปแบบและวิธีการขนส่งและจำหน่ายยาเสพติดอยู่ตลอดเวลา เจ้าหน้าที่จึงต้องทำงานอย่างจริงจัง โดยเฉพาะพื้นที่ กทม. ปริมณฑล และจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะต้องเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้นภายใน 90 วัน จะเน้นที่ตัวนักค้ารายใหญ่และผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับ
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงยุติธรรมได้มอบหมายให้ผู้บัญชาการเรือนจำทั่วประเทศ โดยเฉพาะเรือนจำความมั่นคงสูงที่คุมขังนักโทษคดียาเสพติดรายสำคัญ เช่น เรือนจำกลางคลองเปรม ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง และเรือนจำกลางบางขวาง ให้เข้มงวดการจู่โจมตรวจค้นภายในแดนคุมขังและเรือนนอน รวมถึงตรวจค้นเจ้าหน้าทุกรายที่เข้าปฏิบัติงานในเรือนจำ นอกจากนี้ขอฝากไปยัง ผบ.เหล่าทัพให้ช่วยเข้มงวดการดูแลตรวจสกัดตามตะเข็บชายแดนไม่ให้ยาเสพติดทะลักเข้ามาในประเทศ ในระดับจังหวัดผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับการตำรวจ ควรจับมือกันเพื่อร่วมกันตรวจค้นและดำเนินคดีต่อกลุ่มนักค้าที่ลักลอบขนยาเสพติดแบบกองทัพมด อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการครั้งนี้จะไม่เน้นปริมาณแต่จะเน้นเชิงคุณภาพ จึงต้องกำชับว่าไม่ควรเกิดเหตุฆ่าตัดตอนขึ้นอีกเด็ดขาด
ด้านนายชาติชาย สุทธิกลม ที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายเร่งด่วนที่จะปราบปรามยาเสพติด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับปัญหาการแพร่ระบาดในชุมชนขนาดใหญ่ อาทิ กรุงเทพฯ ซึ่งมีการแพร่ระบาดของยาบ้าสูงเป็นอันดับ 1 รองลงมา คือ กัญชา และสารระเหย จึงต้องเน้นมาตรการปราบปราม ที่ผ่านมานับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. - 30 ก.ย. มีการจับกุมนักค้ายาเสพติดและยึดทรัพย์ตาม พ.ร.บ.มาตรการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จำนวน 989 ราย มูลค่าทรัพย์สิน 381 ล้านบาท ในส่วนของผู้เสพจะใช้มาตรการขั้นแรกให้ผู้ติดยาสมัครใจบำบัด หากไม่สามารถเลิกยาเสพติดจะนำตัวเข้าสู่ระบบบังคับบำบัดในเรือนจำและโรงเรียนวิวัฒน์พลเมืองในค่ายทหารเป็นเวลา 4 เดือน โดยป.ป.ส.จะประสานกับกองทัพเพื่อขอใช้พื้นที่มาสร้างโรงเรียนวิวัฒน์พลเมืองเพิ่ม
“ในช่วงปฏิบัติการ 90 วันจะมีการตั้งด่านตรวจสกัดยาเสพติดตามแนวชายแดนทั่วทุกภาคอย่างเข้มงวด และตั้งเป้าที่จะยึดอายัดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดให้ได้ประมาณ 400 ล้านบาท คาดหวังว่าประชาชนจะพึงพอใจในผลของการป้องกันและปราบปราม รวมถึงมั่นใจว่าบุตรหลานและชุมชนจะปลอดภัยจากยาเสพติด สำหรับพื้นที่สีแดงที่ ป.ป.ส.ให้ความสำคัญในการจับตาปราบปรามยังคงเป็นพื้นที่ 70 ไร่ในชุมชนคลองเตย และชุมชนต่างๆ ใน กทม. พร้อมกับจับตากลุ่มนักค้ารายใหญ่หลาย 100 รายในบัญชีของ ป.ป.ส.” นายชาติชาย กล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับนโยบายปราบปรามยาเสพติดในยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ใช้ชื่อว่า สงครามยาเสพติด โดย พ.ต.ท.ทักษิณ เคยประกาศว่าจะทำให้ยาเสพติดหมดไปจากประเทศไทย แต่ก็ไม่สามารถทำได้ตามนโยบายที่ประกาศไว้ ประกอบกับสงครามยาเสพติดในครั้งนั้นทำให้เกิดเหตุการณ์ฆ่าตัดตอนเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยมีผู้เสียชีวิตรวมถึง 2,500 คดีที่ยังไม่มีการสะสาง และยังถูกกล่าวหาจากประชาคมโลกว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนมากที่สุดในยุคนั้น
