ปส.โชว์ผลงานรวบเครือข่ายยาบ้าจะเอาของไปส่งลูกค้าได้คาทางด่วนก่อนลงบางนา สารภาพสายตรงมาจากบางขวาง ด้าน “วุฒิ” ปัดตำรวจปะทะแก๊งค้ายาไม่เกี่ยวฆ่าตัดตอน ถือเป็นการป้องกันตัวตามหน้าที่ เชื่อกลุ่มผู้ค้ากลัวบทลงโทษรุนแรง
วันนี้ (2 มี.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) พล.ต.ต.อุดม รักศิลธรรม พล.ต.ต.ณัฐพชย์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา พล.ต.ต.อดิเทพ ปัญจมานนท์ รอง ผบช.ปส. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายวิธวิชย์ จงใจรัก อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10/529 ม.11 ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ น.ส.สุปราณี ชูศรีนวล อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 322 ซอยชุมชนวัดคลองเตยใน แขวงและเขตคลองเตย กทม. และนายธีรวัฒน์ ผลชูศรี อายุ 28 ปี อยู่ล้านเลขที่ 322 ซอยชุมชนวัดคลองเตยใน แขวงและเขตคลองเตย กทม. พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 50 มัด ประมาณ 100,000 เม็ด รถยนต์จำนวน 2 คัน รถจักรยานยนต์ จำนวน 1 คัน และโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง โดยจับกุมได้ที่ทางด่วนก่อนลงบางนา ระหว่างซอยสุขุมวิท 62 ต่อเนื่องถนนบางนา-ตราด ระหว่างกิโลเมตรที่ 5-6
พล.ต.อ.วุฒิ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส.ได้สืบทราบว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเพื่อจะนำส่งให้กับลุกค้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยจะใช้รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน กน-8119 ชลบุรี และรถยนต์กระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน สีดำ หมายเลขทะเบียน ก-3819 กทม. โดยจะมุ่งหน้าไป อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จึงนำวางกำลังตามเส้นทางที่สืบทราบจนกระทั่งพบรถต้องสงสัยดังกล่าวขับผ่านมาจึงเข้าทำการตรวจค้นพบว่ามียาบ้าซุกซ่อนอยู่หลายจุด
พล.ต.อ.วุฒิ กล่าวต่อว่า จากการตรวจค้นพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ภายในรถ 3 จุด คือ บริเวณด้านหลังท้ายรถ และฝาประตูรถด้านหลังทั้ง 2 ประตู โดยนายวิธวิชย์ให้การรับสารภาพว่า นช.สมหมาย สมทรง ซึ่งต้องโทษอยู่ในเรือนจำบางขวางได้สั่งยาบ้ามาจากทางภาคเหนือ ซึ่งเป็นกลุ่มเครือข่ายของนายนายสมชาย ทองคำ อยู่ทางฝั่งท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ที่มีรายชื่อถูกขึ้นบัญชีแบล็กลิสต์ โดยนายวิธวิชย์อ้างว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกับ นช.สมชาย ที่อยู่ในเรือนจำ โดยจะติดต่อกันผ่านทางโทรศัพท์เพื่อรับสั่งการให้ส่งยาบ้า
“สำหรับเรื่องการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับผู้ค้ายาเสพติดหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้เป็นการฆ่าตัดตอน เพียงแต่เป็นการป้องกันตัวและทำตามหน้าที่ เพราะกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดจะรู้ว่าเมื่อถูกจับได้จะถูกตัดสินลงโทษร้ายแรง จึงคิดว่าต่อสู้ตรงนี้ดีกว่าไปตายในคุก ทำให้เกิดการปะทะกัน ส่วนเรื่องการลักลอบสั่งยาบ้าจากในเรือนจำต้องให้เจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์เป็นผู้สอบสวนเอง” พล.ต.อ.วุฒิ กล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาว่าร่วมกับพวกมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน พร้อมทั้งของกลางส่งพนักงานสอบสวน บก.สส.บช.ปส. เพื่อดำเนินคดีต่อไป