รมว.ยุติธรรม นำกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 200 คน จู่โจมตรวจค้นคุกยาเสพติด ยึดยาเสพติดหลายรายการจากเรือนนอนนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ พบสมุดบัญชีมีเงินหมุนเวียนกว่า 400,000 บาท และพบญาตินักโทษลักลอบส่งยาไอซ์ในปกหนังสือนิยายให้นักโทษชาวเกาหลี
วันนี้ (18 เม.ย.) ที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกรทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยนายวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่จู่โจมตรวจค้นยาเสพติดเสพและสิ่งของต้องห้ามตามระเบียบเรือนจำ อาทิ โทรศัพท์มือถือและซิมการ์ด ในแดนคุมขังนักโทษคดียาเสพติดทั้ง 11 แดน โดยเป้าหมายเป็นการตรวจค้นยาเสพติดในเรือนนอน และเก็บตัวอย่างปัสสาวะผู้ต้องขัง 4,689 คน มาตรวจหาสารเสพติด โดยการตรวจค้นครั้งนี้ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 200 คน จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) สถานีตำรวจนครบาลประชาชื่น กองบังคับการ 1 กองบังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ (191) กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ (สุนัขตำรวจ) แพทย์และพยาบาลจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมราชทัณฑ์
ทั้งนี้ ในระหว่างการจู่โจมตรวจค้น นายสมพงษ์ได้รับรายงานว่าเมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา นายประเสริฐ วิไลประสงค์ เจ้าหน้าที่ทัณฑวิทยา 4 ได้ตรวจค้นพัสดุไปรษณีย์จากนายมาคอมอิ๊ว สัญชาติอังกฤษ ส่งจากไปรษณีย์สาขาประชาชื่น เข้ามาให้นักโทษคดียาเสพติดชาวเกาหลี ชื่อเหลียงปักลุน ผู้ต้องขังแดน 10 โดยภายกล่องพัสดุซุกซ่อนยาไอซ์ห่อหุ้มด้วยผ้าเทปสีน้ำตาล ซ่อนมาในสันปกหนังสือนวนิยายต่างประเทศ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้แจ้งความดำเนินคดีอาญาทั้งผู้ส่งและรับยาเสพติดเข้ามาในเรือนจำแล้ว
สำหรับผลการจู่โจมตรวจค้นเรือนนอน โดยเฉพาะห้องเลขที่ 3/2 ซึ่งเป็นเรือนนอนของนายจรัญ พ่อค้านักโทษยาเสพติดรายสำคัญ ถูกจับกุมพร้อมของกลางยาบ้า 100,000 เม็ด นายผัดแก้ว คำปา ผู้ต้องหาคดียาเสพติด 500,000 เม็ด และนายเดโช เพ็งทอง ผู้ต้องขังคดีค้าเฮโรอีน 40,000 กรัม พบวัตถุต้องสงสัยสีขาวขุ่นจำนวน 6 ห่อ วัสดุเกล็ดยาสีขาวขุ่น หลอดกาแฟใช้บรรจุยาเสพติด ยาไอซ์ 5 ห่อ หนังสือภาพลามกอนาจาร และสมุดบัญชีที่มีเงินเคลื่อนไหวกว่า 400,000 บาท มีการสั่งจ่ายและรับเงินครั้งละกว่า 30,000 บาท เจ้าหน้าที่เรือนจำจึงได้ตรวจยึดและส่งให้พนักงานสอบสวนขยายผลว่าสมุดบัญชีดังกล่าวเป็นของนักโทษรายใด และใช้ทำธุรกรรมการเงินลักษณะใด นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำนักโทษจากทุกแดนคุมขังมารวมตัวอยู่ที่ด้านล่างของหอนอน เพื่อเก็บตัวอย่างปัสสาวะไปตรวจหาสารเสพติด
นายสมพงษ์ กล่าวว่า ทัณฑสถานบำบัดพิเศษถือเป็นสถานที่ควบคุมผู้ค้ายาเสพติดขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดตรวจสอ ไม่ให้นักโทษลักลอบนำยาเสพติดและโทรศัพท์มือถือเข้าไปในเรือนจำโดยเด็ดขาด เพราะหากนักโทษยังมีโอกาสสั่งซื้อขายยาเสพติดจากในเรือนจำได้อีก สังคมภายนอกจะยิ่งแย่ นอกจากนี้ ในการตรวจสอบพัสดุไปรษณีย์ที่ส่งถึงผู้ต้องขัง โดยกล่องพัสดุจะเป็นลักษณะกระดาษลูกฟูกกันกระแทก จึงจำเป็นต้องตรวจสอบอย่างละเอียด รวมถึงกระดาษกล่องที่เป็นลูกฟูก ไม่ต้องกลัวจะถูกฟ้องร้องดำเนินคดี เนื่องจากตนจะพยายามผลักดันให้แก้กฎหมายเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่เรือนจำถูกฟ้องฐานละเมิดสิทธิของผู้ต้องขัง อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเรือนจำอื่นทั่วประเทศ จะต้องเร่งจู่โจมตรวจค้นเพื่อปราบปรามยาเสพติดให้สิ้นซาก
“ผมพร้อมจะสนับสนุนงบประมาณให้ทุกเรือนจำ จัดซื้อเครื่องเอ็กซเรย์เพื่อเสริมประสิทธิภาพการตรวจจับยาเสพติดโทรศัพท์มือถือ และอาวุธในเรือนจำ เพราะปัจจุบันเจ้าหน้าที่ต้องตรวจค้นด้วยตาเปล่า ไม่มีเครื่องมือ ทำให้สิ่งของผิดกฎหมายหลายรายการหลุดรอดเข้าไปในเรือนจำ” นายสมพงษ์กล่าว
วันนี้ (18 เม.ย.) ที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกรทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยนายวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่จู่โจมตรวจค้นยาเสพติดเสพและสิ่งของต้องห้ามตามระเบียบเรือนจำ อาทิ โทรศัพท์มือถือและซิมการ์ด ในแดนคุมขังนักโทษคดียาเสพติดทั้ง 11 แดน โดยเป้าหมายเป็นการตรวจค้นยาเสพติดในเรือนนอน และเก็บตัวอย่างปัสสาวะผู้ต้องขัง 4,689 คน มาตรวจหาสารเสพติด โดยการตรวจค้นครั้งนี้ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 200 คน จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) สถานีตำรวจนครบาลประชาชื่น กองบังคับการ 1 กองบังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ (191) กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ (สุนัขตำรวจ) แพทย์และพยาบาลจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมราชทัณฑ์
ทั้งนี้ ในระหว่างการจู่โจมตรวจค้น นายสมพงษ์ได้รับรายงานว่าเมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา นายประเสริฐ วิไลประสงค์ เจ้าหน้าที่ทัณฑวิทยา 4 ได้ตรวจค้นพัสดุไปรษณีย์จากนายมาคอมอิ๊ว สัญชาติอังกฤษ ส่งจากไปรษณีย์สาขาประชาชื่น เข้ามาให้นักโทษคดียาเสพติดชาวเกาหลี ชื่อเหลียงปักลุน ผู้ต้องขังแดน 10 โดยภายกล่องพัสดุซุกซ่อนยาไอซ์ห่อหุ้มด้วยผ้าเทปสีน้ำตาล ซ่อนมาในสันปกหนังสือนวนิยายต่างประเทศ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้แจ้งความดำเนินคดีอาญาทั้งผู้ส่งและรับยาเสพติดเข้ามาในเรือนจำแล้ว
สำหรับผลการจู่โจมตรวจค้นเรือนนอน โดยเฉพาะห้องเลขที่ 3/2 ซึ่งเป็นเรือนนอนของนายจรัญ พ่อค้านักโทษยาเสพติดรายสำคัญ ถูกจับกุมพร้อมของกลางยาบ้า 100,000 เม็ด นายผัดแก้ว คำปา ผู้ต้องหาคดียาเสพติด 500,000 เม็ด และนายเดโช เพ็งทอง ผู้ต้องขังคดีค้าเฮโรอีน 40,000 กรัม พบวัตถุต้องสงสัยสีขาวขุ่นจำนวน 6 ห่อ วัสดุเกล็ดยาสีขาวขุ่น หลอดกาแฟใช้บรรจุยาเสพติด ยาไอซ์ 5 ห่อ หนังสือภาพลามกอนาจาร และสมุดบัญชีที่มีเงินเคลื่อนไหวกว่า 400,000 บาท มีการสั่งจ่ายและรับเงินครั้งละกว่า 30,000 บาท เจ้าหน้าที่เรือนจำจึงได้ตรวจยึดและส่งให้พนักงานสอบสวนขยายผลว่าสมุดบัญชีดังกล่าวเป็นของนักโทษรายใด และใช้ทำธุรกรรมการเงินลักษณะใด นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำนักโทษจากทุกแดนคุมขังมารวมตัวอยู่ที่ด้านล่างของหอนอน เพื่อเก็บตัวอย่างปัสสาวะไปตรวจหาสารเสพติด
นายสมพงษ์ กล่าวว่า ทัณฑสถานบำบัดพิเศษถือเป็นสถานที่ควบคุมผู้ค้ายาเสพติดขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดตรวจสอ ไม่ให้นักโทษลักลอบนำยาเสพติดและโทรศัพท์มือถือเข้าไปในเรือนจำโดยเด็ดขาด เพราะหากนักโทษยังมีโอกาสสั่งซื้อขายยาเสพติดจากในเรือนจำได้อีก สังคมภายนอกจะยิ่งแย่ นอกจากนี้ ในการตรวจสอบพัสดุไปรษณีย์ที่ส่งถึงผู้ต้องขัง โดยกล่องพัสดุจะเป็นลักษณะกระดาษลูกฟูกกันกระแทก จึงจำเป็นต้องตรวจสอบอย่างละเอียด รวมถึงกระดาษกล่องที่เป็นลูกฟูก ไม่ต้องกลัวจะถูกฟ้องร้องดำเนินคดี เนื่องจากตนจะพยายามผลักดันให้แก้กฎหมายเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่เรือนจำถูกฟ้องฐานละเมิดสิทธิของผู้ต้องขัง อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเรือนจำอื่นทั่วประเทศ จะต้องเร่งจู่โจมตรวจค้นเพื่อปราบปรามยาเสพติดให้สิ้นซาก
“ผมพร้อมจะสนับสนุนงบประมาณให้ทุกเรือนจำ จัดซื้อเครื่องเอ็กซเรย์เพื่อเสริมประสิทธิภาพการตรวจจับยาเสพติดโทรศัพท์มือถือ และอาวุธในเรือนจำ เพราะปัจจุบันเจ้าหน้าที่ต้องตรวจค้นด้วยตาเปล่า ไม่มีเครื่องมือ ทำให้สิ่งของผิดกฎหมายหลายรายการหลุดรอดเข้าไปในเรือนจำ” นายสมพงษ์กล่าว