“นัทธี” เชื่อการนำศิลปะบำบัดนักโทษคุมขังตลอดชีวิตจะส่งผลดีทำให้อ่อนโยน ลดความเครียด สงบจิตใจ สร้างรายได้ ขณะเดียวกันเผยเรือนจำความมั่นคงสูงที่เตรียมสร้างใช้ขังนักโทษค้ายา และผู้ต้องขังที่ลอบใช้มือถือ พร้อมเก็บดีเอ็นเอผู้ลักใช้มือถือสั่งยาในคุก
วันนี้ (19 ส.ค.) เวลา 10.00 น. ที่เรือนจำกลางบางขวาง นายนัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดนิทรรศการแสดงผลงานภาพเขียนโครงการเรียนศิลปะ Art Gallery ภาคเรียนพิเศษกว่า 300 ภาพ ของผู้ต้องขังเรือนจำกลางบางขวาง พร้อมมอบประกาศนียบัตรให้กับผู้ต้องขังที่ผ่านการอบรมจำนวน 52 คน ว่า การนำศิลปะเข้าบำบัดผู้ต้องขังที่ต้องรับโทษระยะยาวโดยเฉพาะโทษประหารชีวิต และโทษจำคุกตลอดชีวิต จะทำให้ผู้ต้องขังได้ผ่อนคลายความตึงเครียด ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และยังเป็นกิจกรรมที่ทำให้ผู้ต้องขังค้นพบตนเองว่ามีความสามารถทางการวาดภาพ เพื่อสร้างสรรค์ผลงานสร้างอาชีพและรายได้ให้กับตัวผู้ต้องขังต่อไป ซึ่งกรมราชทัณฑ์จะขยายโครงการศิลปะบำบัดไปอย่างต่อเนื่อง ส่วนผู้ต้องขังฝีมือดีจะให้เป็นผู้ฝึกสอนผู้ต้องขังรายอื่นต่อไปด้วย
นายนัทธี ยังกล่าวถึงกรณีที่กรมราชทัณฑ์เตรียมสร้างเรือนจำความมั่นคงสูงว่า เรือนจำแดนความมั่นคงสูงที่จะสร้างใหม่จะใช้รองรับผู้ต้องขังเพียง 400 คน ซึ่งเป็นผู้ต้องขังที่มีพฤติกรรมลักลอบใช้โทรศัพท์มือถือ และผู้ต้องขังที่ยังเกี่ยวข้องกับยาเสพติดอยู่ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างสำรวจผู้ต้องขังที่จะคัดเลือกไปควบคุมในเรือนจำความมั่นคงสูงดังกล่าว นอกจากนี้ ในอนาคตจะนำการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์เข้ามาตรวจดีเอ็นเอ จากชิ้นส่วนโทรศัพท์มือถือที่ตรวจยึดได้จากในเรือนจำ เพื่อใช้เป็นหลักฐานพิสูจน์การลักลอบใช้โทรศัพท์มือถือในเรือนจำของผู้ต้องขัง และใช้ดำเนินคดีสมคบกันค้ายาเสพติดต่อผู้ต้องขังที่ลักลอบใช้โทรศัพท์สั่งยาเสพติดจากในเรือนจำ แทนการดำเนินคดีลักลอบนำโทรศัพท์มือถือเข้ามาในเรือนจำซึ่งมีโทษเพียงเล็กน้อย
“เรือนจำแดนมั่นคงสูงสำหรับนักโทษที่เป็นอันตรายไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ ในสหรัฐอเมริกาก็มีเรือนจำซุปเปอร์แม็กซ์ สำหรับแยกขังเฉพาะนักโทษที่มีปัญหา ดังนั้น เรือนจำของไทยจึงจำเป็นต้องแยกการดูแลนักโทษที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการสั่งซื้อขายยาเสพติด ในเร็วๆ นี้หลังปรับปรุงแดนคุมขังในทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางเสร็จก็จะเร่งปรับแดนคุมขังในเรือนจำกลางคลองไผ่เพื่อรองรับนักโทษคดียาเสพติดรายสำคัญ ส่วนนักโทษที่ประพฤติตัวดีก็จะได้รับการปฏิบัติที่ดีจากเรือนจำ” นายนัทธีกล่าว
ขณะที่ผู้ต้องขังที่เป็นผู้ฝึกสอนการวาดภาพให้เพื่อนผู้ต้องขังตามโครงการนี้ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยเรียนศิลปะจากวิทยาลัยเพาะช่าง และทำธุรกิจส่วนตัว ภายหลังต้องโทษในคดีฆ่าผู้อื่น โทษประหารชีวิตแต่ลดเหลือจำคุกตลอดชีวิต จึงนำความรู้ที่ได้รับมาถ่ายทอดให้แก่เพื่อนผู้ต้องขัง ซึ่งการบำบัดจิตใจด้วยงานศิลปะทำให้ตนและเพื่อนผู้ต้องขังใจเย็นลง ไม่ฟุ้งซ่านและรู้สึกผ่อนคลายขึ้น โดยขณะฝึกสอนตนได้ให้เพื่อนผู้ต้องขังแต่ละคนวาดภาพตามความรู้สึก บางคนนึกถึงคนรัก หรือบางคนวาดภาพระบายความรู้สึกตึงเครียดและสับสนวุ่นวายในจิตใจ
ด้านผู้ต้องขังที่ได้รับรางวัลภาพดีเด่นจากภาพแม่ตลอดชีวิต กล่าวว่า ตนใช้เวลาฝึกวาดเพียง 2 เดือน ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีความรู้เรื่องการวาดภาพ เมื่อเริ่มเรียนจึงรู้สึกท้อกลัวจะวาดไม่ได้แต่หลังจากได้รับการให้กำลังใจจากครูผู้สอนก็มีกำลังใจฝึกฝน ภาพที่ได้รับรางวัลนั้นตนนึกถึงแม่และต้องการจะสื่อถึงแม่ที่ถูกลูกทอดทิ้งต้องหุงหาอาหารแต่เพียงผู้เดียวแม้จะอายุมากแล้ว ซึ่งแม่ของตนยังคอยมาเยี่ยมเสมอ ขณะนี้ตนรู้สึกสำนึกผิดที่ไม่เชื่อฟังแม่ หากมีโอกาสได้พ้นโทษออกไปจะกลับไปดูแลแม่และไม่ทอดทิ้งแม่อีก
ผู้ต้องขังคดี พ.ร.บ.ยาเสพติดอีกราย กล่าวว่า เมื่อครั้งต้องถูกควบคุมตัวแรกๆ ยอมรับว่าเครียดมาก แต่หลังจากหัดวาดภาพแล้วรู้สึกจิตใจสงบขึ้น ไม่ฟุ้งซ่าน ผ่อนคลาย และทำให้รู้ว่าการได้ทำสิ่งที่ดีบ้างจะทำให้ชีวิตของเราดีขึ้นได้ และไม่วุ่นวาย
สำหรับการจัดโครงการเรียนศิลปะ Art Gallery ภาคเรียนพิเศษ ได้จัดอบรมกับผู้ต้องขังเรือนจำกลางบางขวาง ที่ถือเป็นเรือนจำควบคุมนักโทษอุกฉกรรจ์ แต่ได้นำศิลปะมาบำบัดให้เกิดความอ่อนโยน โดยจัดขึ้นที่แดน 6 ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ต้องขังที่สมัครใจเข้าอบรมในช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อนจำนวน 69 คน ระหว่างวันที่ 12 มี.ค.-31 พ.ค.อบรมสัปดาห์ละ 2 ชั่วโมง รวม 40 ชั่วโมง โดยมีศิลปินแห่งชาติและวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญทางศิลปะเป็นวิทยากรฝึกสอนและมีผู้อ่านการประเมินผลจำนวน 52 คน