ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- เหตุการณ์นักโทษชายคดีอุกฉกรรจ์เรือนจำคลองไผ่โคราชกว่า 1,500 คน รวมตัวประท้วง กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว หลังส่งกำลังตร.จำนวนมากเข้ากดดันภายในเรือนจำจนสามารถผลักดันผู้ประท้วงสลายตัวกลับเข้าเรือนนอนได้สำเร็จ พร้อมเจรจารับข้อเรียกร้องส่งแกนนำ 12 คน ไปคุมขังยังเรือนจำใกล้ภูมิลำเนา ส่วนผู้บัญชาการเรือนจำและหัวหน้าฝ่ายควบคุมผู้ต้องขังที่ถูกชุมนุมขับไล่ยังคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
วันนี้ (11 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า เหตุการณ์นักโทษชายคดีอุกฉกรรจ์ในแดนขังที่ 2 และ 3 จำนวนกว่า 1,500 คน รวมตัวกันชุมนุมประท้วง ภายในเรือนจำกลางคลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา เรียกร้องให้ย้าย นายอาทร เครือรัตน์ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองไผ่ และ นาย วสันต์ ธนโชติกิตติพงศ์ หัวหน้าฝ่ายควบคุมผู้ต้องขัง ออกไปอย่างไม่เงื่อนไข เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังตำรวจกว่า 200 นาย เข้าดูแลความสงบเรียบร้อยและควบคุมสถานการณ์ พร้อมพยายามเจรจากับผู้ประท้วง ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) นั้น
ล่าสุด พ.ต.อ.พงษ์เดช พรหมมิจิตร รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (รอง ผบก.ภ.จว.) นครราชสีมา กล่าวว่า สถานการณ์การชุมนุมประท้วงล่าสุด หลังจากเมื่อเวลาประมาณ 05.00 น. (11 ก.ย.) ทางเจ้าหน้าที่ได้ส่งกำลังตำรวจเข้าไปกดดันผู้ชุมนุมภายในเรือนจำกลางคลองไผ่เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้สามารถผลักดันกลุ่มนักโทษที่ชุมนุมประท้วงสลายตัวกลับเข้าไปอยู่ในพื้นที่แดนของแต่ละคนได้
ต่อมาเวลา 08.00 น. ทางเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์สามารถเจรจากับกลุ่มแกนนำนักโทษที่ประท้วงได้สำเร็จ โดยตกลงที่จะส่งแกนนำผู้ประท้วงจำนวน 12 คน ไปคุมขังในเรือนจำใกล้ภูมิลำเนาหรือบ้านเกิดของแต่ละคนตามข้อเรียกร้อง ทำให้สถานการณ์ภายในเรือนจำคลองไผ่ขณะนี้กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว เจ้าหน้าที่เรือนจำได้นำนักโทษทุกคนเข้าไปอยู่ในเรือนนอนตามปกติและไม่มีการประท้วงแต่อย่างใด
ส่วน นายอาทร เครือรัตน์ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองไผ่ และนายวสันต์ ธนโชติกิตติพงศ์ หัวหน้าฝ่ายควบคุมผู้ต้องขัง ยังคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
ทั้งนี้ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 19.30 น.เมื่อคืนนี้ (9 ก.ย.) เกิดเหตุนักโทษชายคดีอุกฉกรรจ์ในแดนขังที่ 2 และ 3 เรือนจำกลางคลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา จำนวนกว่า 1,500 คน รวมตัวกันประท้วงเรียกร้องให้ย้ายนายอาทร เครือรัตน์ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองไผ่ และนายวสันต์ ธนโชติกิตติพงศ์ หัวหน้าฝ่ายควบคุมผู้ต้องขัง ออกไปอย่างไม่มีเงื่อนไขโดยเร็ว ซึ่งผู้ต้องขังอ้างว่า ผู้บัญชาการเรือนจำเข้มงวดมากจนเกินไป โดยเฉพาะเรื่องการรับพัสดุของญาติที่ฝากมาให้ผู้ต้องขัง
พ.ต.อ.พงษ์เดช พรหมมิจิตร รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ใกล้เคียงจำนวนกว่า 200 นาย เข้าเสริมกำลังเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ในการดูแลความสงบเรียบร้อยและควบคุมสถานการณ์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรา ซึ่งผู้ต้องขังได้ประท้วงด้วยการรวมกลุ่มกันส่งเสียงตะโกนให้ย้ายผู้บัญชาการเรือนจำ และหัวหน้าฝ่ายออกไปอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่มีอาวุธ และยังไม่ได้ก่อเหตุวุ่นวายหรือทำลายทรัพย์สินของทางราชการแต่อย่างใด และยืนยันว่าเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แต่ต้องรอให้มีการเจรจาของฝ่ายที่เกี่ยวข้องก่อน
จากนั้นเมื่อเวลา 21.30 น. นายธนพัฒน์ จันทรปรรณิก รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้เดินทางมาดูสถานการณ์และควบคุมสั่งการด้วยตัวเอง จากนั้นได้เข้าประชุมหารือร่วมกับเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางคลองไผ่ ขณะที่ทางจังหวัดนครราชสีมาได้ส่งนายชาญวิทย์ วสยางกูร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาและฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจมี พล.ต.ต.อำนาจ อันอาตม์งาม รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เข้าร่วมหารือ ที่ห้องประชุมชั้น 2 เรือนจำกลางคลองไผ่ โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปทำข่าวในพื้นที่ที่มีการประท้วงและในห้องประชุม ซึ่งเจ้าหน้าที่กันให้อยู่เฉพาะด้านหน้าประตูทางเข้าเรือนจำเท่านั้น พร้อมกับมีการส่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจการเข้าไปควบคุมสถานการณ์ภายในเรือนจำอย่างต่อเนื่อง
วันนี้ (11 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า เหตุการณ์นักโทษชายคดีอุกฉกรรจ์ในแดนขังที่ 2 และ 3 จำนวนกว่า 1,500 คน รวมตัวกันชุมนุมประท้วง ภายในเรือนจำกลางคลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา เรียกร้องให้ย้าย นายอาทร เครือรัตน์ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองไผ่ และ นาย วสันต์ ธนโชติกิตติพงศ์ หัวหน้าฝ่ายควบคุมผู้ต้องขัง ออกไปอย่างไม่เงื่อนไข เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังตำรวจกว่า 200 นาย เข้าดูแลความสงบเรียบร้อยและควบคุมสถานการณ์ พร้อมพยายามเจรจากับผู้ประท้วง ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) นั้น
ล่าสุด พ.ต.อ.พงษ์เดช พรหมมิจิตร รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (รอง ผบก.ภ.จว.) นครราชสีมา กล่าวว่า สถานการณ์การชุมนุมประท้วงล่าสุด หลังจากเมื่อเวลาประมาณ 05.00 น. (11 ก.ย.) ทางเจ้าหน้าที่ได้ส่งกำลังตำรวจเข้าไปกดดันผู้ชุมนุมภายในเรือนจำกลางคลองไผ่เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้สามารถผลักดันกลุ่มนักโทษที่ชุมนุมประท้วงสลายตัวกลับเข้าไปอยู่ในพื้นที่แดนของแต่ละคนได้
ต่อมาเวลา 08.00 น. ทางเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์สามารถเจรจากับกลุ่มแกนนำนักโทษที่ประท้วงได้สำเร็จ โดยตกลงที่จะส่งแกนนำผู้ประท้วงจำนวน 12 คน ไปคุมขังในเรือนจำใกล้ภูมิลำเนาหรือบ้านเกิดของแต่ละคนตามข้อเรียกร้อง ทำให้สถานการณ์ภายในเรือนจำคลองไผ่ขณะนี้กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว เจ้าหน้าที่เรือนจำได้นำนักโทษทุกคนเข้าไปอยู่ในเรือนนอนตามปกติและไม่มีการประท้วงแต่อย่างใด
ส่วน นายอาทร เครือรัตน์ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองไผ่ และนายวสันต์ ธนโชติกิตติพงศ์ หัวหน้าฝ่ายควบคุมผู้ต้องขัง ยังคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
ทั้งนี้ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 19.30 น.เมื่อคืนนี้ (9 ก.ย.) เกิดเหตุนักโทษชายคดีอุกฉกรรจ์ในแดนขังที่ 2 และ 3 เรือนจำกลางคลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา จำนวนกว่า 1,500 คน รวมตัวกันประท้วงเรียกร้องให้ย้ายนายอาทร เครือรัตน์ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองไผ่ และนายวสันต์ ธนโชติกิตติพงศ์ หัวหน้าฝ่ายควบคุมผู้ต้องขัง ออกไปอย่างไม่มีเงื่อนไขโดยเร็ว ซึ่งผู้ต้องขังอ้างว่า ผู้บัญชาการเรือนจำเข้มงวดมากจนเกินไป โดยเฉพาะเรื่องการรับพัสดุของญาติที่ฝากมาให้ผู้ต้องขัง
พ.ต.อ.พงษ์เดช พรหมมิจิตร รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ใกล้เคียงจำนวนกว่า 200 นาย เข้าเสริมกำลังเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ในการดูแลความสงบเรียบร้อยและควบคุมสถานการณ์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรา ซึ่งผู้ต้องขังได้ประท้วงด้วยการรวมกลุ่มกันส่งเสียงตะโกนให้ย้ายผู้บัญชาการเรือนจำ และหัวหน้าฝ่ายออกไปอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่มีอาวุธ และยังไม่ได้ก่อเหตุวุ่นวายหรือทำลายทรัพย์สินของทางราชการแต่อย่างใด และยืนยันว่าเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แต่ต้องรอให้มีการเจรจาของฝ่ายที่เกี่ยวข้องก่อน
จากนั้นเมื่อเวลา 21.30 น. นายธนพัฒน์ จันทรปรรณิก รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้เดินทางมาดูสถานการณ์และควบคุมสั่งการด้วยตัวเอง จากนั้นได้เข้าประชุมหารือร่วมกับเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางคลองไผ่ ขณะที่ทางจังหวัดนครราชสีมาได้ส่งนายชาญวิทย์ วสยางกูร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาและฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจมี พล.ต.ต.อำนาจ อันอาตม์งาม รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เข้าร่วมหารือ ที่ห้องประชุมชั้น 2 เรือนจำกลางคลองไผ่ โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปทำข่าวในพื้นที่ที่มีการประท้วงและในห้องประชุม ซึ่งเจ้าหน้าที่กันให้อยู่เฉพาะด้านหน้าประตูทางเข้าเรือนจำเท่านั้น พร้อมกับมีการส่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจการเข้าไปควบคุมสถานการณ์ภายในเรือนจำอย่างต่อเนื่อง
