ตาก - ไร่ฝิ่นชายแดนไทย-พม่าชุก เจ้าหน้าที่งัดดาวเทียม ตรวจจับหาพิกัดพื้นที่ปลูก พร้อมบินส่องหาแหล่งผลิต เผยกลุ่มนายทุนขายชาติจ้างชาวเขาปลูกฝิ่นผลิตเฮโรอินป้อนโรงงานเฮโรอีนฝั่งพม่าเพิ่ม ล่าสุด ตชด.บูรณาการกำลังร่วมปกครอง-ตำรวจ นำกำลัง กว่า 50 นาย ทลายไร่ฝิ่นชายแดนไทย-พม่า
แหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจังหวัดตาก กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบร่วมในการปราบปราบยาเสพติดตามแนวชายแดนไทย-พม่า ทหาร-ตชด.-ปปส.-ตำรวจ-ฝ่ายปกครอง ได้สืบทราบว่าขณะนี้มีกลุ่มนายทุนขายชาติ ได้จ้างชาวเขาเผ่าต่างๆ ปลูกฝิ่นตามยอดดอยหุบเขาสูงและในป่าลึกระยะทางไกล โดยมีเป้าหมายพื้นที่ปลูกบริเวณ อำเภอชายแดนฝั่งตะวันตกของจังหวัดตาก (เช่น อ.อุ้มผาง-พบพระ-แม่ระมาด -อ.ท่าสองยาง และ อ.แม่สอด บางส่วน)เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ และเพื่อให้ยากลำบากในการเข้าตรวจค้น
แหล่งในการปลูกฝิ่นนั้นยังมีการปลูกพืชผักชนิดอื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายฝิ่นดิบ มาปลูกแซมไว้เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่หากมีการใช้เครื่องบินออกตรวจทางอากาศก็จะเห็นไม่ชัดเจนว่าเป็นฝิ่นหรือผักอื่นๆ ทำให้การปฎิบัติหน้าที่บางครั้งออกตัดทำลายไร่ฝิ่นทำได้ยาก คือบางครั้งเข้าพื้นที่แล้วปรากฎว่าไม่ใช่ฝิ่นแต่เป็นพืชผักสีเขียวและออกแดง ฯลฯ เป็นกลยุทธของขบวนการปลูกฝิ่น ที่สร้างความสับสนให้ จนท.เข้าผิดเป้าหมาย
ดังนั้น จนท.ได้ใช้ระบบเทคโนโลยีเข้ามาช่วยด้วยการใช้ระบบดาวเทียมตรวจค้นหาพื้นที่ปลูกฝิ่น เพราะระบบดาวเทียมแน่นอนแม่นยำและชัดเจนทำให้การปฎิบัติการเข้าพื้นที่เพื่อตัดทำลายจึงมีประสิทธิภาพและศักยภาพสูงในการทำงาน เป็นการลดเวลาการปฎิบัติงานและได้ผลงานชัดเจน
“ปัจจุบันชาวเขาที่อยู่บนดอยสูงได้รับจ้างจากกลุ่มนายทุนทำการปลูกฝิ่นเพื่อนำไปผลิตเฮโรอิน ทำให้ จนท.ต้องเพิ่มความเข้มงวดในการปฎิบัติ”
ทั้งนี้ในรอบ 2-3 เดือนที่ผ่านมา จนท.ผู้ปฎิบัติ ทั้ง ตชด.-ตำรวจท้องถิ่น-ทหาร-ฝ่ายปกครอง มีการตรวจจับการลักลอบปลูกฝิ่นได้อย่างต่อเนื่อง ทั้ง อ.พบพระ-ท่าสองยาง-แม่ระมาด-และ อ.อุ้มผาง โดยมีการบูรณาการกำลังอย่างเต็มรูปแบบ เพราะหน่วยงานด้านความมั่นคงทุกฝ่าย ได้สรุปข้อมูลที่ตรงกันว่าบริเวณป่าและภูเขาแนวชายแดนไทย-พม่า มีชาวเขาปลูกฝิ่นมากขึ้น เพราะ 1.ได้ราคาดี จากนายทุนรับซื้อ 2. แหล่งปลูกเหมาะสมทั้งสภาพอากาศอุณหภูมิ-และพื้นที่ ออกดอกผลได้เร็วและมียางฝิ่นปริมาณมาก 3.พื้นที่ยากต่อการเข้าไปจับกุมของเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติต้องเดินเท้าระยะทางไกลใช้เวลานานนับวัน และบางครั้งมีการลอบวางระเบิดดักเจ้าหน้าที่ระหว่างเดินเท้าทางพื้นที่ปลูก ซึ่ง จนท.ต้องใช้เครื่องตรวจวัตถุระเบิดทำการตรวจระหว่างเดินเท้า เป็นการยากลำบากในการปฎิบัติการเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว
สำหรับการตรวจจับการลักลอบปลูกฝิ่นล่าสุด พ.ต.ต. ศรีพูล วงศ์ละ ผู้บังคับกองร้อย ตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 347 (ตชด. 347) สนธิกำลังร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภออุ้มผาง นำโดยนายสุขสวัสดิ์ จิยิพงษ์ ปลัดฝ่ายป้องกัน อ.อุ้มผาง และ พ.ต.ต. ดำรงค์ สงวนศักดิ์ สวส.สภ.อุ้มผาง จังหวัดตาก จำนวนกว่า 50 นาย พร้อมอาวุธครบมือ เข้าตัดทำลายทลายไร่ฝิ่น ในเขตพื้นที่ใกล้หมู่บ้านแม่กลองน้อย ตำบลโมโกร อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ติดชายแดนไทย-พม่า โดยมีการตัดทำลายจำนวนประมาณ 3 ไร่ 1 งาน พบต้นฝิ่นขนาดลำต้นยาวประมาณ 1-2 ฟุตเริ่มออกดอกและผลมีความหนาแน่นประมาณ 90-95 เปอร์เซ็นต์ มีร่องรอยถูกกรีดเอายางแล้วเป็นบางส่วน ในพื้นที่รอบบริเวณมีการต่อท่อ พีวีซี. เพื่อนำน้ำจากแหล่งน้ำในพื้นที่ใกล้เคียงมาใช้รดต้นฝิ่น
จากการตรวจสอบในบริเวณพื้นที่ไร่ฝิ่นดังกล่าวพบอุปกรณ์ในการกรีดและเสพฝิ่น จำนวนหลายรายการที่บริเวณเพิงพักซึ่งปลูกไว้กลางไร่ฝิ่นแต่ไม่พบผู้กระทำผิด คาดว่าจะหลบหนีไปก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเดินทางไปถึง
ด้านพันตำรวจเอกรุ่งสุริยา เผือกประพันธ์ ผู้กำกับการกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 34 กล่าวว่าในปัจจุบันเริ่มมีการปลูกฝิ่นนอกฤดูกาลมากขึ้น จากปกตินิยมปลูกกันในช่วงต้นฤดูหนาว เนื่องจากฝิ่นชอบอากาศที่เย็น สืบเนื่องจากการเข้าปราบปรามตัดฟันทำลายไร่ผิ่นอย่างต่อเนื่องของเจ้าหน้าที่ ทำให้จำนวนฝิ่นและเมล็ดพันธุ์สำหรับการขยายพันธุ์เริ่มมีปริมาณลดน้อยลง แต่กลับมีราคาเพิ่มสูงขึ้นกว่าเท่าของราคาปกติ และเป็นที่ต้องการของกลุ่มผู้ผลิตเฮโรอีนซึ่งมีโรงงานผลิตอยู่ใกล้ชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน
ดังนั้นจึงมีกลุ่มนายทุนคนไทยเข้าร่วมกับชาวไทยภูเขาเผ่าม้งทำการลักลอบปลูกนอกฤดู ซึ่งคิดว่าเจ้าหน้าที่จะเข้าปราบปรามตัดทำลายเพียงแค่ปีละครั้ง และจะไม่หวนกลับมาอีก โดยเลือกพื้นที่ที่อยู่บริเวณกลางป่าลึกที่มีอากาศเย็นและปลูกแซมกับต้นข้าวโพดเพื่อหลบเลี่ยงการสำรวจทางอากาศของเจ้าหน้าที่ ซึ่งทาง ตชด.ต้องใช้มาตรการในการสืบสวนหาข่าวในพื้นที่อย่างเต็มศักยภาพจึงสามารถทราบรายละเอียดและทำการปราบปรามตัดฟันทำลายได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้จำนวนฝิ่นพืชเสพติดได้ลดน้อยลงจากพื้นที่ให้มากที่สุด
