xs
xsm
sm
md
lg

“สุเทพ” ขันนอต ตร.เอาจริงปราบยาเสพติด ลั่นต้องไม่มีอุ้มฆ่า-ตัดตอน!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง
“เทพเทือก” นั่งหัวโต๊ะมอบนโยบายปราบยาเสพติดให้นายตำรวจ กำชับต้องจริงจังในการปราบปราม ย้ำ ใช้กฎหมายไม่มีอุ้มฆ่า-ตัดตอน พร้อมมอบหลักปฏิบัติ 12 ข้อ ด้าน ผบช.ปส.ระบุในห้วงปีที่ผ่านมาจับผู้ค้ายาได้กว่า 5 หมื่นราย ผู้ค้ายาบ้ามากสุด

วันนี้ (26 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตร.ในปฏิบัติการ 90 พ้นภัยยาเสพติด โดยมี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) รอง ผบ.ตร. ผู้ช่วย ผบ.ตร.ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้บัญชาการตำรวจภูธร 1-9 ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยใช้เวลาประชุมร่วม 2 ชั่วโมง

นายสุเทพ แถลงภายหลังการประชุม ว่า ได้กำชับให้ตำรวจจริงจังในการปราบปรามยาเสพติด โดยย้ำว่าต้องใช้การบังคับใช้ตามกฎหมาย ต้องไม่มีการอุ้มฆ่า ตัดตอน ทั้งนี้ ให้ ตร.ไปจัดทีมพิเศษในการปราบปรามยาเสพติดขึ้นมา นอกเหนือจากทีมของกองบัญชาการและของแต่ละจังหวัด ทั้งนี้ได้มอบหลักในการปฏิบัติการไป 12 ข้อ คือ 1.ให้ตำรวจแสดงให้ประชาชนเห็นว่าตำรวจให้ความสำคัญและจริงจังในการปราบปรามยาเสพติด 2.ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือไม่กลั่นแกล้งใคร ไม่ใช้ความรุนแรง ต้องดำเนินตามหลักนิติธรรม ไม่ใช้วิธีการที่ผิดกฎหมาย แต่ต้องทำให้เห็นว่ากฎหมาย ศักดิ์สิทธิ์เอาผิดผู้ระทำผิดได้ 3.ให้ปราบปรามการแพร่ระบาดของยาเสพติดในหมู่บ้าน ทุกชุมชน โดยตำรวจต้องลงพื้นที่ เร่งรัดตรวจสอบต่อเนื่อง 4.ปราบปรามผู้ค้ายาเสพติดในกทม.และปริมณฑล โดยต้องประกาศให้ประชาชนรับรู้ด้วยว่าตำรวจคนไหนรับผิดชอบเรื่องนี้เพื่อเป็นช่องทางให้ประชาชนร้องเรียน แจ้งเบาะแสได้ตรงตัว โดยในครั้งนี้มอบให้ พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รอง ผบช.น.รับผิดชอบ และพื้นที่อื่นก็เล่นกันต้องประกาศให้ประชาชนทราบว่าตำรวจคนไหนดูแลเรื่องปราบยาเสพติด เพื่อประชาชนมาแจ้งเบาะแส 5.ให้ทำบัญชีกลุ่มเป้าหมาย ผู้ค้า ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพื่อให้ผู้ปฏิบัตงานได้รู้ และให้ผู้นำชุมชน ข้าราชการฝ่ายอื่นช่วยกันเป็นหูเป็นตา ร่วมกันปราบปรามจับกุมขยายผล

6.เมื่อจับกุมผู้กระทำผิดทุกรายให้รวบรวมหลักฐานแน่นหนา ขยายผลเครือข่ายให้ได้ 7.ต้องให้ความสำคัญ ตรวจสอบสกัดจัดนำเข้า เส้นทางลำเลียงยาเสพติด โดยเฉพาะตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมอบให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร.ควบคุมดูแล โดยรัฐบาลพร้อมสนับสนุนงบประมาณในการจัดหาเครื่องมือ 8.ต้องตรวจสอบปราบปรามยาเสพติดในสถานบันเทิง หอพัก แหล่งมั่วสุม อย่างจริงจัง หากผู้ประกอบการละเมิด ให้ดำเนินการถอนใบอนุญาต 9.ได้ตกลงในที่ประชุมวันนี้ ตำรวจทุกนายจะทำงานด้วยความซื่อสัตย์ไม่ยอมให้มีตำรวจคนใดเข้าไปเกี่ยวข้องรับผลประโยชน์จากผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ห้ามรับส่วยกับผู้ที่มีกิจการเกี่ยวข้องกับยาเสพติด 10.ตำรวจทุกหน่วยต้องปรับปรุงด้านการประชาสัมพันธ์เรื่องยาเสพติด โดยต้องทำเชิงรุกให้ประชาชนรับรู้ว่าตำรวจเข้มแข็ง เพราะที่ผ่านมาตำรวจโฆษณา ประชาสัมพันธ์เรื่องนี้น้อยไป 11.ต้องบูรณาการระหว่างหน่วยใน ตร.และกับหน่วยอื่นๆ และ 12.ให้ดึงประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันปราบปราม สร้างชุมชนเข้มแข็ง” นายสุเทพ กล่าว

ด้าน พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผบช.ปส.กล่าวว่า ในปี 2551 ที่ผ่านมา ผลการจับกุมปราบปรามยาเสพติ ตำรวจสามารถดำเนินการได้มากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ทุกด้าน ทั้งในกลุ่มผู้ค้ารายสำคัญ จับกุมได้ ถึง 2,339 ราย ผู้ค้ารายย่อยได้ 37,061 ราย ซึ่งเปรียบเทียบระหว่างปี 2550 และ 2551 แล้ว จับผู้ค้าเพิ่มขึ้น 37.4% ได้ของกลางมากขึ้น 34.6% ยึดทรัพย์ได้เพิ่มขึ้น 29.2%

ขณะที่ ตร.เปิดเผยรายงานการจับคดียาเสพติดในห้วง 90 วัน พ้นภัยยาเสพติด ตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2551 ถึง 31 มกราคม 2552 จับกุมผู้ค้ายาเสพติดได้ทั้งสิ้น 50,148 ราย ของกลางน้ำหนักรวม 10,337.24 กิโลกรัม ทั้งนี้จำแนกเป็นประเภทยาบ้าได้มากที่สุด ถึง 42,637 ราย ของกลาง 367.16 กก. หรือประมาณ 3,671,550 เม็ด เฮโรอีน 134 ราย ของกลาง 234.31 กก. กัญชาแห้ง 2,794 ราย ผู้ต้องหา 3,049 คน โคเคน 19 ราย ของกลาง 2.59 กิโลกรัม ฯลฯ

ทั้งนี้ ศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด ตร.รายงานสถานการณ์ยาเสพติด โดยระบุช่องทางนำเข้ายาเสพติสู่ประเทศไทยตามแนวชายแดน ใน 21 อำเภอ ของ 9 จังหวัด ประกอบด้วย จ.เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน อุบลราชธานี หนองคาย นครพนม มุกดาหาร สระแก้ว กาญจนบุรี ทั้งนี้ เมื่อสามารถนำยาเสพติดลำเลียงเข้าประเทศได้จะถูกนำไปแหล่งพักยาในพื้นที่ 10 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ เชียงราย เชียงใหม่ นครพนม นครราชสีมา ระยอง ชลบุรี โดยมีถึง 28 จังหวัด ที่เป็นพื้นที่แพร่ระบาดของยาเสพติด ประกอบด้วย จ.กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม ชลบุรี สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ราชบุรี ฉะเชิงเทรา กาญจนบุรี และสระแก้ว แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย หนองคาย นครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี นครราชสีมา นครศรีธรรมราช ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี สงขลา ยะลา ปัตตานี และ นราธิวาส
กำลังโหลดความคิดเห็น