โดย จอมปลวก
นโยบายปราบยาเสพติดทั้งของทางกระทรวงมหาดไทย และของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จากการประเมินสุ่มตรวจสอบการทำงานตลอดช่วงเกือบ 4 เดือนภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลหุ่นเชิด รวมไปถึง สตช. เมื่อ "พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ" ผบ.ตร. ขัดตาทัพนั่งทำงานเต็มตัวและยังไม่ผ่านช่วงทดลองงาน ซึ่งเหลืออายุราชการเพียง 1 ปีเท่านั้น ยังไม่ปรากฎชัดในผลการปราบปรามยาเสพติด โดยเฉพาะยาบ้า ถ้าจะดูไปแล้วงานด้านปราบปรามได้มอบให้ "พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์" รองผบ.ตร.ป.1 ดูแลเกือบทั้งหมด เพื่อให้ฝึกงานจ่อนั่ง ผบ.ตร. ต่อจาก ทั่น "พัชรวาท" หรือก็ไม่น่าจะใช่ หากย้อนกลับไปดูนโยบายหลักคนที่ควบคุมดูแลงานของสตช.ทั้งหมดก็คือ ตัวผบ.ตร.คนปัจจุบัน ประชาชนอย่างเรา ๆ กำลังตั้งตารอหวังให้การระบาดของยาเสพติดหมดไปในสังคม ยุคนี้ หรือจะรอปาฎิหารมาช่วยสร้างผลงาน
แต่ที่ผ่านมาการปราบปรามยาเสพติดยังไม่เคยมีการจับตัวบงการใหญ่ หรือทลายเครือข่ายค้ายาสำนักงานใหญ่ ที่สาวถึงจุดต้นเหตุผลิตยาบ้ามาจำหน่ายให้กับนักเที่ยวท่องราตรี นักเสพขี้ยา และยังเจาะกลุ่มเยาวชน นิสิต นักศึกษาได้ การจับกุมผู้ค้าส่วนใหญ่มักเป็นรายย่อยเป็นแค่เพียงปลายเหตุที่จับได้และยังไม่เคยขยายผลสาวถึงแหล่งผลิตใหญ่ได้สักครั้งเดียว
ผู้พิทักษ์สันติราษฎรจะบอกเสมอว่ารู้มันทำเป็นกองทัพมด ขนถ่ายตามแนวตะเข็บชายแดน ทั้งแถบภาคเหนือ และอีสาน แต่ไม่เคยนำผู้ต้องหารายใหญ่ ตัวเบ้งมาโชว์โฉมหน้า และสกัดกั้นไม่ให้ยาเสพติดทะลักไหลเข้าประเทศไทยได้ซักครั้ง ทั้งที่ทุกครั้งที่จับกุมได้จะย้ำกันเสมอ จะเน้นสอบหาเส้นทางการเงิน จะต้องใช้เวลาพอสมควรในการล่อซื้อ จะต้องจับตัวการใหญ่ให้ได้เร็ว ๆ นี้ นั้น!! มันเป็นเพียงแค่ลมปากของนาย ๆ ทั้งนั้น เมื่อมีงานเข้าก็นั่งแถลงเป็นทางการ สร้างภาพ สร้างผลงานไปวัน ๆ ตามนโยบาย หรือจะรอให้เปลี่ยนผบ.ตร.คนใหม่อีกซักกี่คน ปัญหายาเสพติดถึงจะบรรเทาเบาบางลงบ้าง เพราะที่ผ่านมาด้านนโยบายก็ชัดเจนในการเดินหน้าปราบปรามเครือข่ายพ่อค้ายาเสพติดอยู่แล้ว แต่เป็นเพราะพ่อค้ายาเก่ง กว่าตำรวจไทย ผู้ผลิตยาบ้าสามารถคิดค้นวิธีการขนยา และย้ายแหล่งผลิตบ่อยหรืออย่างไร จึงปราบไม่สิ้นซาก ถอนรากถอนโคลนไม่ได้
หากจะยกตัวอย่างการจับกุมช่วง 2 เดือน จะเห็นได้ว่าเมื่อเดือนที่แล้ว 24 มิ.ย. 51 เห็นได้ชัดการกวาดล้างเฉพาะหน้าเพียงจุดปลายเหตุ ที่เจ้าหน้าที่มีความกระตือรือล้น เข้าตรวจจับผู้ค้ายาบ้า โดย ศดส. จับมือกันกับ บช.น. และป.ป.ส. จู่โจมเข้าตรวจค้นภายในโรงเรียนพณิชยการสยาม ตั้งอยู่ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 56 หลังได้รับแจ้งว่ามีคนนำยาเสพติดลอบไปจำหน่ายให้กับนักเรียนในโรงเรียนดังกล่าวเสพ เมื่อตำรวจและเจ้าพนักงาน ป.ป.ส.ไปถึง ตำรวจได้สุ่มตรวจปัสสาวะของนักเรียนทั้งชายและหญิง ระดับชั้น ปวช.และ ปวส.ที่เดินไปเข้าห้องน้ำชายและห้องน้ำหญิงภายในโรงอาหาร ปรากฏว่ามีนักเรียนปัสสาวะสีม่วง รวม 14 ราย แบ่งเป็นชาย 3 ราย หญิง 11 ราย ทั้งหมดอายุระหว่าง 15-18 ปี โดยหนึ่งในนักเรียนหญิงที่ตรวจพบปัสสาวะสีม่วงยังพบยาบ้าในตัว 1 เม็ดด้วย ในวันนั้นพอดีมีวัยรุ่นมาเดินป้วนเปี้ยน ก็เลยจับโจ๋คนที่ว่ามาตรวจดูพบยาบ้าอยู่ในกระเป๋ากางเกง 3 เม็ด เลยควบคุมตัวสอบปากคำ รับสารภาพจะนำมาขายให้นักเรียน จึงควบคุมตัวไว้ดำเนินคดี โดยตร.บอกจะเค้นสอบให้ถึงผู้อยู่เบื้องหลังให้ได้ว่างั้น คิดดูซิ บ้านเมืองสมัยนี้ พ่อค้ายาสามารถเจาะกลุ่มลูกค้าปล่อยให้ขายกับนักเรียนในโรงเรียนได้ การจะหาซื้อยาบ้ามาเสพ ซื้อได้ง่ายยังกะซื้อขนม
ถัดมา 27 มิ.ย. 51 พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 หรือ ตานวย ทั่นก็ได้นำทีมกวาดล้างแหล่งมั่วสุ่มยาเสพติดในพื้นที่ 9 สน.ในเขตกทม.ได้ผู้ต้องหา 107 คน มีเขมร-ลาว-พม่า เข้ามาค้าแรงงานเพียบ โดยเฉพาะ สน.มักกะสัน รวบตัวสองผัวเมียชาวลาวเข้ามาค้ายา ยึดของกลางได้ 2 หมื่นเม็ด
ส่วนวันที่ 4 ก.ค.51 เมื่อต้นเดือนนี้เอง จะว่ารายได้จากการค้ายาดี หรือ ตำรวจเผลอ หรือการปราบปรามไม่เข้มงวดก็ตาม คิดดูขนาดนักมวยผู้ที่ออกกำลังร่างกายแข็งแรง กำยำ เดิมมีอาชีพค้านวมอยู่แล้ว ประกอบกับเศรษฐกิจไม่ดี และต้องการเย้ยกฎหมาย “ธงชัย ต.ศิลาชัย” ถูกตำรวจภูธรภาค 3 จับได้พร้อมยาบ้า 85 เม็ด ส่วนกรมราชทัณฑ์ บอกถ้าเอามาขังคุกที่กรุงเทพจะให้เป็นเทนเนอร์สอนมวยเพื่อนผู้ต้องขัง เผื่อว่าเมื่อพ้นโทษกันออกไปแล้วจะได้มีอาชีพเป็นนักมวย ซึ่งกรมราชทัณฑ์เองยังปราบพวกค้ายาในคุกไม่ได้เลย ล่าสุดมีนโยบายพิลึก ปล่อยให้ผู้ต้องหาในคุกลักลอบใช้มือถือได้ โดยอ้างว่าจะทำให้รู้ต้นตอเจ้าพ่อนักค้ายาตัวจริงซะงั้น
11 ก.ค. 51 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์สามารถจับปลาซิว ปลาสร้อย 2 หนุ่มซุกยาบ้า 199 เม็ด และมือถือซุกรองเท้าเตะเยี่ยมนักโทษในเรือนจำบางขวางได้ แต่ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธว่าถูกคนรู้จักจ้างให้นำของมาส่งผู้ต้องขังในราคา 500 บาท โดยที่ไม่ทราบว่าข้างในมียาบ้า จึงนำส่งตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี ดำเนินคดีร่วมกันมียาเสพติดไว้ในครอบครอง
14 ก.ค. 51 “เป็ดเหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ออกโลงเอง มานั่งสร้างภาพร่วมแถลงจับชาวลาวค้ายาบ้า 3 แสนเม็ด กับตำรวจ บช.ปส. หวังว่าหนนี้คือผลงาน
15 ก.ค. 51 บก.น.9 แถลงจับแก๊งโจ๋ลาวค้ายาบ้า ขณะลำเลียงจากฝั่งลาว ส่งขายลูกค้าฝั่งธนบุรี พร้อมของกลาง 2,000 เม็ด ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนว่าไม่ว่าจะเป็นคนลาว คนไทย ทุกคนร่วมมือร่วมใจกันทำผิดกฎหมาย ลักลอบค้ายาบ้า ท้าทายฝีมือตำรวจไทย เย้ยอำนาจรัฐ ทำกันโจ๋งครึม ยึดเป็นอาชีพหลักเมื่อผู้ค้ายาบ้าออกอาละวาดทำงานขายยากันทุกวัน ก็ส่งผลดีทำให้ตำรวจมีงานทำปราบกันไปเรื่อย ๆ ไม่เคยถึงต้นตอ หรืออุดรูรั่ว รูโหว่ ช่องทางนักค้ายาได้
หากจะให้มองกันและวิเคราะห์ตามเนื้อผ้าแล้ว ผลงานยุค "พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ" ที่อยู่ระหว่างทดลองงาน ผบ.ตร. และ "พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์" ที่ฝึกงานเตรียมนั่ง ผบ.ตร. แล้ว "ไม่ผ่าน" เราหวังแค่ใครก็ได้ที่เป็นตัวจริงมาช่วยปัดฝุ่นปราบปรามเครือข่ายยาเสพติดให้หมดสิ้นไปอย่างจริงจัง เพื่อให้เยาวชนไทยไม่ต้องตกเป็นทาสยาเสพติดอีกต่อไป
นโยบายปราบยาเสพติดทั้งของทางกระทรวงมหาดไทย และของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จากการประเมินสุ่มตรวจสอบการทำงานตลอดช่วงเกือบ 4 เดือนภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลหุ่นเชิด รวมไปถึง สตช. เมื่อ "พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ" ผบ.ตร. ขัดตาทัพนั่งทำงานเต็มตัวและยังไม่ผ่านช่วงทดลองงาน ซึ่งเหลืออายุราชการเพียง 1 ปีเท่านั้น ยังไม่ปรากฎชัดในผลการปราบปรามยาเสพติด โดยเฉพาะยาบ้า ถ้าจะดูไปแล้วงานด้านปราบปรามได้มอบให้ "พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์" รองผบ.ตร.ป.1 ดูแลเกือบทั้งหมด เพื่อให้ฝึกงานจ่อนั่ง ผบ.ตร. ต่อจาก ทั่น "พัชรวาท" หรือก็ไม่น่าจะใช่ หากย้อนกลับไปดูนโยบายหลักคนที่ควบคุมดูแลงานของสตช.ทั้งหมดก็คือ ตัวผบ.ตร.คนปัจจุบัน ประชาชนอย่างเรา ๆ กำลังตั้งตารอหวังให้การระบาดของยาเสพติดหมดไปในสังคม ยุคนี้ หรือจะรอปาฎิหารมาช่วยสร้างผลงาน
แต่ที่ผ่านมาการปราบปรามยาเสพติดยังไม่เคยมีการจับตัวบงการใหญ่ หรือทลายเครือข่ายค้ายาสำนักงานใหญ่ ที่สาวถึงจุดต้นเหตุผลิตยาบ้ามาจำหน่ายให้กับนักเที่ยวท่องราตรี นักเสพขี้ยา และยังเจาะกลุ่มเยาวชน นิสิต นักศึกษาได้ การจับกุมผู้ค้าส่วนใหญ่มักเป็นรายย่อยเป็นแค่เพียงปลายเหตุที่จับได้และยังไม่เคยขยายผลสาวถึงแหล่งผลิตใหญ่ได้สักครั้งเดียว
ผู้พิทักษ์สันติราษฎรจะบอกเสมอว่ารู้มันทำเป็นกองทัพมด ขนถ่ายตามแนวตะเข็บชายแดน ทั้งแถบภาคเหนือ และอีสาน แต่ไม่เคยนำผู้ต้องหารายใหญ่ ตัวเบ้งมาโชว์โฉมหน้า และสกัดกั้นไม่ให้ยาเสพติดทะลักไหลเข้าประเทศไทยได้ซักครั้ง ทั้งที่ทุกครั้งที่จับกุมได้จะย้ำกันเสมอ จะเน้นสอบหาเส้นทางการเงิน จะต้องใช้เวลาพอสมควรในการล่อซื้อ จะต้องจับตัวการใหญ่ให้ได้เร็ว ๆ นี้ นั้น!! มันเป็นเพียงแค่ลมปากของนาย ๆ ทั้งนั้น เมื่อมีงานเข้าก็นั่งแถลงเป็นทางการ สร้างภาพ สร้างผลงานไปวัน ๆ ตามนโยบาย หรือจะรอให้เปลี่ยนผบ.ตร.คนใหม่อีกซักกี่คน ปัญหายาเสพติดถึงจะบรรเทาเบาบางลงบ้าง เพราะที่ผ่านมาด้านนโยบายก็ชัดเจนในการเดินหน้าปราบปรามเครือข่ายพ่อค้ายาเสพติดอยู่แล้ว แต่เป็นเพราะพ่อค้ายาเก่ง กว่าตำรวจไทย ผู้ผลิตยาบ้าสามารถคิดค้นวิธีการขนยา และย้ายแหล่งผลิตบ่อยหรืออย่างไร จึงปราบไม่สิ้นซาก ถอนรากถอนโคลนไม่ได้
หากจะยกตัวอย่างการจับกุมช่วง 2 เดือน จะเห็นได้ว่าเมื่อเดือนที่แล้ว 24 มิ.ย. 51 เห็นได้ชัดการกวาดล้างเฉพาะหน้าเพียงจุดปลายเหตุ ที่เจ้าหน้าที่มีความกระตือรือล้น เข้าตรวจจับผู้ค้ายาบ้า โดย ศดส. จับมือกันกับ บช.น. และป.ป.ส. จู่โจมเข้าตรวจค้นภายในโรงเรียนพณิชยการสยาม ตั้งอยู่ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 56 หลังได้รับแจ้งว่ามีคนนำยาเสพติดลอบไปจำหน่ายให้กับนักเรียนในโรงเรียนดังกล่าวเสพ เมื่อตำรวจและเจ้าพนักงาน ป.ป.ส.ไปถึง ตำรวจได้สุ่มตรวจปัสสาวะของนักเรียนทั้งชายและหญิง ระดับชั้น ปวช.และ ปวส.ที่เดินไปเข้าห้องน้ำชายและห้องน้ำหญิงภายในโรงอาหาร ปรากฏว่ามีนักเรียนปัสสาวะสีม่วง รวม 14 ราย แบ่งเป็นชาย 3 ราย หญิง 11 ราย ทั้งหมดอายุระหว่าง 15-18 ปี โดยหนึ่งในนักเรียนหญิงที่ตรวจพบปัสสาวะสีม่วงยังพบยาบ้าในตัว 1 เม็ดด้วย ในวันนั้นพอดีมีวัยรุ่นมาเดินป้วนเปี้ยน ก็เลยจับโจ๋คนที่ว่ามาตรวจดูพบยาบ้าอยู่ในกระเป๋ากางเกง 3 เม็ด เลยควบคุมตัวสอบปากคำ รับสารภาพจะนำมาขายให้นักเรียน จึงควบคุมตัวไว้ดำเนินคดี โดยตร.บอกจะเค้นสอบให้ถึงผู้อยู่เบื้องหลังให้ได้ว่างั้น คิดดูซิ บ้านเมืองสมัยนี้ พ่อค้ายาสามารถเจาะกลุ่มลูกค้าปล่อยให้ขายกับนักเรียนในโรงเรียนได้ การจะหาซื้อยาบ้ามาเสพ ซื้อได้ง่ายยังกะซื้อขนม
ถัดมา 27 มิ.ย. 51 พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 หรือ ตานวย ทั่นก็ได้นำทีมกวาดล้างแหล่งมั่วสุ่มยาเสพติดในพื้นที่ 9 สน.ในเขตกทม.ได้ผู้ต้องหา 107 คน มีเขมร-ลาว-พม่า เข้ามาค้าแรงงานเพียบ โดยเฉพาะ สน.มักกะสัน รวบตัวสองผัวเมียชาวลาวเข้ามาค้ายา ยึดของกลางได้ 2 หมื่นเม็ด
ส่วนวันที่ 4 ก.ค.51 เมื่อต้นเดือนนี้เอง จะว่ารายได้จากการค้ายาดี หรือ ตำรวจเผลอ หรือการปราบปรามไม่เข้มงวดก็ตาม คิดดูขนาดนักมวยผู้ที่ออกกำลังร่างกายแข็งแรง กำยำ เดิมมีอาชีพค้านวมอยู่แล้ว ประกอบกับเศรษฐกิจไม่ดี และต้องการเย้ยกฎหมาย “ธงชัย ต.ศิลาชัย” ถูกตำรวจภูธรภาค 3 จับได้พร้อมยาบ้า 85 เม็ด ส่วนกรมราชทัณฑ์ บอกถ้าเอามาขังคุกที่กรุงเทพจะให้เป็นเทนเนอร์สอนมวยเพื่อนผู้ต้องขัง เผื่อว่าเมื่อพ้นโทษกันออกไปแล้วจะได้มีอาชีพเป็นนักมวย ซึ่งกรมราชทัณฑ์เองยังปราบพวกค้ายาในคุกไม่ได้เลย ล่าสุดมีนโยบายพิลึก ปล่อยให้ผู้ต้องหาในคุกลักลอบใช้มือถือได้ โดยอ้างว่าจะทำให้รู้ต้นตอเจ้าพ่อนักค้ายาตัวจริงซะงั้น
11 ก.ค. 51 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์สามารถจับปลาซิว ปลาสร้อย 2 หนุ่มซุกยาบ้า 199 เม็ด และมือถือซุกรองเท้าเตะเยี่ยมนักโทษในเรือนจำบางขวางได้ แต่ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธว่าถูกคนรู้จักจ้างให้นำของมาส่งผู้ต้องขังในราคา 500 บาท โดยที่ไม่ทราบว่าข้างในมียาบ้า จึงนำส่งตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี ดำเนินคดีร่วมกันมียาเสพติดไว้ในครอบครอง
14 ก.ค. 51 “เป็ดเหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ออกโลงเอง มานั่งสร้างภาพร่วมแถลงจับชาวลาวค้ายาบ้า 3 แสนเม็ด กับตำรวจ บช.ปส. หวังว่าหนนี้คือผลงาน
15 ก.ค. 51 บก.น.9 แถลงจับแก๊งโจ๋ลาวค้ายาบ้า ขณะลำเลียงจากฝั่งลาว ส่งขายลูกค้าฝั่งธนบุรี พร้อมของกลาง 2,000 เม็ด ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนว่าไม่ว่าจะเป็นคนลาว คนไทย ทุกคนร่วมมือร่วมใจกันทำผิดกฎหมาย ลักลอบค้ายาบ้า ท้าทายฝีมือตำรวจไทย เย้ยอำนาจรัฐ ทำกันโจ๋งครึม ยึดเป็นอาชีพหลักเมื่อผู้ค้ายาบ้าออกอาละวาดทำงานขายยากันทุกวัน ก็ส่งผลดีทำให้ตำรวจมีงานทำปราบกันไปเรื่อย ๆ ไม่เคยถึงต้นตอ หรืออุดรูรั่ว รูโหว่ ช่องทางนักค้ายาได้
หากจะให้มองกันและวิเคราะห์ตามเนื้อผ้าแล้ว ผลงานยุค "พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ" ที่อยู่ระหว่างทดลองงาน ผบ.ตร. และ "พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์" ที่ฝึกงานเตรียมนั่ง ผบ.ตร. แล้ว "ไม่ผ่าน" เราหวังแค่ใครก็ได้ที่เป็นตัวจริงมาช่วยปัดฝุ่นปราบปรามเครือข่ายยาเสพติดให้หมดสิ้นไปอย่างจริงจัง เพื่อให้เยาวชนไทยไม่ต้องตกเป็นทาสยาเสพติดอีกต่อไป