ฝ่ายป้องกันกระบี่บุกจับผู้ต้องหาลักลอบตัดไม้

กระบี่ - เจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันจังหวัดกระบี่ บุกจับกุมผู้ต้องหาลักลอบตัดไม้ในพื้นที่ป่าอุทยานพร้อมยึดไม้ซุงและไม้แปรรูปจำนวนมาก มูลค่ากว่า 5 แสนบาท ผู้ต้องหาอ้างพระจากลูกวัดแห่งหนึ่งว่าจ้างให้ตัดไปซ่อมแซมโรงฉันและศาลาการเปรียญ

ว่าที่ร้อยตรีวิกรม จากที่ป้องกันจังหวัดกระบี่ รับแจ้งว่ามีการลักลอบตัดไม้ในพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติ-ป่าเขาพนมเบญจา ซึ่งอยู่ในพื้นที่รอยต่อระหว่าง พื้นที่หมู่ที่ 5 และ หมู่ที่ 7 ต.กระบี่น้อย อ.เมือง จ.กระบี่ จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดกระบี่ (อส.จ.กระบี่)จำนวน 12 นาย เดินทางไปตรวจสอบ ซึ่งเส้นทางไปยังจุดเกิดเหตุเป็นเนินเขา อยู่ห่างจากถนนทางไปน้ำตกห้วยรากไม้ ประมาณ 2 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่จึงต้องเดินเท้าขึ้นไป ด้วยความยากลำบาก โดยใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 1 ชั่วโมง

เมื่อไปถึงพบผู้ต้องหาจำนวน 3 คน กำลังทำการแปรรูปไม้อยู่บนเนินเขา โดยมีพระรูปหนึ่งนั่งคอยดูต้นทางอยู่ด้านล่าง เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าทำการจับกุมผู้ต้องหาไว้ทั้ง3 คน ประกอบด้วย นายประทิพย์ ชุมบุตร อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 129 ม. 7 ต.กระบี่น้อย อ.เมือง จ.กระบี่ นายประวิง แก้วเล็ก อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30 ม.7 ต.กระบี่น้อย อ.เมือง จ.กระบี่ และนายสมพร คงรอด อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 ม.7 ต.กระบี่น้อย อ.เมือง จ.กระบี่

พร้อมตรวจยึดเครื่องเลื่อยยนต์ จำนวน 1 เครื่อง รถกระบะตอนเดียวยี่ห้อนิสสัน บจ.9329 กระบี่ 1 คัน ไม้ซุง และไม้แปรรูปขนาดต่างๆ ประกอบด้วยไม้แปรรูปแล้วจำนวน 200 แผ่น และไม้ซุงอีกจำนวน 5 ท่อน อาทิ ไม้ตะเคียนสามพร ไม้พะยอม และไม้ยาง รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 5 แสนบาท

เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาทั้ง 3 ทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ บุกรุกแผ้วถาง ก่นสร้าง และตัดไม้ทำลายป่า ในพื้นที่ป่าสงวนฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งสามให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าพระรูปดังกล่าวทราบชื่อ คือ หลวงพ่อฉุย ซึ่งมาจากวัดโพธิ์เรียง ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 3 ต.กระบี่น้อย ได้ว่าจ้างให้มาตัดไม้เพื่อไปต่อเติมศาลาฉันท์ และกั้นศาลาการเปรียญ ภายในวัด เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวส่งเจ้าพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกระบี่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนพระรูปดังกล่าวได้หลบหนีไป เจ้าหน้าที่จะได้ไปสานไปยังเจ้าอาวาสวัดโพธิ์เรียง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการกับพระรูปดังกล่าวต่อไป

นายวิมล อานนท์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 กล่าวว่า ที่ผ่านมาพื้นที่ป่าดังกล่าวได้มีการบุรุกทำลายป่ามานานแล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่ของป่าไม้มีส่วนรู้เห็น ซึ่งที่ผ่านมามีการเข้ามาตรวจสอบแล้ว แต่ไม่มีการดำเนินการใดๆ จนกระทั่งชาวบ้านมีการพูดกันหนาหู จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ระดับจังหวัดเข้ามาตรวจสอบ และจับกุมผู้ต้องหาดังกล่าว