โจ๋ฝั่งธน ยกพวกตามเอาคืนคู่อริในชุมชนหลังวัดโพธิ์นิมิตร แต่เจออีกฝ่ายพร้อมพวกนับสิบคนยืนถือปืนรอต้อนรับอยู่แล้ว ก่อนทั้งสองฝั่งตะลุมบอนกันมั่วผลเจ็บ 4 ราย ตาย 1 ส่วนตัวต้นเรื่องถูกยิง 3 นัด อาการสาหัส
วานนี้ (22 ส.ค.) เมื่อเวลา 23.30 น.ร.ต.ท.ศราวุธ สุขก่ำ ร้อยเวร สน.บางยี่เรือ รับแจ้งมีเหตุยิงกันทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคนที่บริเวณชุมชนหลังวัดโพธิ์นิมิตร ซอยเทอดไท 19 ถนนเทอดไท แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กทม.จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.พรชัย ไทยแท้ ผกก.สน.บางยี่เรือ พ.ต.ท.วิชัย สนสกุล สว.สส.สน.บางยี่เรือ และกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางยี่เรือ
ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบเพียงกองเลือดนองพื้นไปทั่วบริเวณ ส่วนผู้บาดเจ็บทราบว่ามีด้วยกันทั้งหมด 5 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลกรุงธนบุรี ไปก่อนหน้านี้แล้ว ทราบชื่อคนเจ็บกลุ่มแรก คือ 1.นายสมโภชน์ วรฉัตรโสภิณ อายุ 26 ปี ถูกยิงด้วยปืนขนาด 9 มม.เข้าที่หน้าท้อง จำนวน 3 นัด อาการสาหัส 2.นายโสฬส พูลสวัสดิ์ อายุ 16 ปี ถูกยิงด้วยปืนขนาด 9 มม.เข้าที่กลางหลัง 1 นัด 3.ด.ช.สหรัฐ เอกภาพ อายุ 14 ปี ถูกยิงด้วยปืนขนาด 9 มม.เข้าที่ลำตัว 1 นัด และทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนคู่กรณีอีกฝ่ายซึ่งเป็นมือปืน คือ 1.นายวัฒนา เรืองจรูญวัฒนา อายุ 25 ปี มีบาดแผลถูกฟันและแทงตามร่างกายหลายแห่ง และ 2.น.ส.น้ำฝน เรืองจรูญวัฒนา อายุ 24 ปี ซึ่งเป็นญาติกันถูกลูกหลงยิงเข้าที่กลางหลัง 1 นัด โดย น.ส.น้ำฝน ถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลบางไผ่
จากการสอบสวน นายสุรศักดิ์ บุณทัพ อายุ 16 ปี เพื่อนรุ่นน้องของ นายสมโภชน์ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณ 22.00 น.ขณะที่พวกตนกำลังเติมน้ำมันอยู่ภายในปั๊มแถวบ้าน นายสมโภชน์ ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นพี่ ก็ได้ขี่รถ จยย.มาตามพวกตนที่ปั๊ม โดยบอกว่ามีเรื่องกับกลุ่มคนชุมชนหลังวัดโพธิ์นิมิตร พวกตนทั้งหมด 9 คน จึงขี่รถ จยย.4 คัน ตาม นายสมโภชน์ ไปแต่เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ ก็พบ นายวัฒนา กับพ่อ คือ นายไพจิตร เรืองจรูญวัฒนา ยืนถือปืนขวางทางอยู่ พร้อมกับพวกประมาณ 10 คน และใช้ปืนยิงใส่กลุ่มพวกตนก่อนจึงพากันหลบ ในขณะเดียวกัน 1 ในกลุ่มของตนก็ได้ใช้มีดเข้าไปฟัน นายวัฒนา จนได้รับบาดเจ็บเช่นกัน นอกจากนี้ในช่วงชุลมุนทราบว่า น.ส.น้ำฝน ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของนายวัฒนาก็ยังถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บไปด้วย
“ต่อมาก็มีพลเมืองดีพาพวกตนที่ได้รับบาดเจ็บมาส่งที่โรงพยาบาลกรุงธน โดย นายไพจิตร ก็ขับรถเก๋ง ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีแดง หมายเลขทะเบียน 6 ฐ-3832 กทม.ตามมาที่โรงพยาบาลด้วย โดย นายไพจิตร พยายามจะใช้ปืนไล่ยิงพวกตนอีก แต่พวกตนวิ่งเข้ามาหลบในโรงพยาบาล นายไพจิตร เลยขับรถออกจากโรงพยาบาลหลบหนีไป” นายสุรศักดิ์ กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.พรชัย กล่าวว่า หลังรับแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังไปตรวจสอบที่ รพ.กรุงธนบุรี พบว่า นายวัฒนา ซึ่งถูกฟันได้รับบาดเจ็บ ยังไม่ทันได้รักษาตัวก็หลบหนีไปพร้อมอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุแล้ว จากการสอบสวน นายไพจิตร ผู้เป็นพ่อ ให้การยอมรับว่า อยู่ในเหตุการณ์ด้วยจริงแต่ไม่ได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่กลุ่มคู่กรณีแต่อย่างใด นอกจากนี้ ขณะนำตัวลูกชายไปส่งที่โรงพยาบาลยังเกือบถูกกลุ่มคู่กรณีรุมทำร้ายอีก จนต้องรีบหลบหนีออกมาและไม่ทราบด้วยว่าตอนนี้ลูกชายหายตัวไปไหน ส่วนสาเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้นทราบแล้วว่า มาจากการที่คู่กรณีทั้ง 2 กลุ่ม ซึ่งพักอยู่ใกล้กันเคยมีเรื่องชกต่อยกันมาก่อน เพราะเวลาขับ จยย.ผ่านไปมาแล้วชอบมองหน้ากัน
พ.ต.อ.พรชัย กล่าวอีกว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงหัวค่ำของคืนที่ผ่านมา ทั้ง 2 ฝ่ายก็เกิดเขม่นกันเรื่องเดิมๆ อีก จากนั้นทางฝ่ายของ นายสมโภชน์ ไปตามพวกมารุมฟัน นายวัฒนา ถึงหน้าบ้าน เมื่อ นายวัฒนา สู้ไม่ได้จึงวิ่งเข้าไปหยิบปืนออกมากราดกระสุนใส่จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ตนได้ให้พนักงานสอบสวนอายัดตัวคนเจ็บเอาไว้และเตรียมดำเนินคดีกับทั้ง 2 ฝ่ายในข้อหา “ร่วมกันก่อเหตุทะเลาะวิวาทเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตาย” สำหรับ นายวัฒนา ซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนีก็จะถูกออกหมายจับเพิ่มเติมในวันจันทร์นี้ (25 ส.ค.) ด้วยข้อกล่าวหา “มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต” ต่อไป