ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ภาคเอกชนภูเก็ตเข้าพบผู้ว่า นำเสนอแนวทางแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ แนะรัฐบาลช่วยเหลือเชิงนโยบายธนาคารผ่อนผันการชำระเงินต้นสร้างสภาพคล่องลดปัญหาสังคม
วันนี้ (12 ธ.ค.) นายสมชาย ศิลปานนท์ กลุ่มไตรภาคีหาดกะตะ-กะรน พร้อมด้วยนายสมชาย ปัทมคันธิน เจ้าของบริษัทภูเก็ตซีเชล ราไวย์ เข้าพบกับนายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังส่งผลกระทบไปทั่วทุกภาคส่วน โดยนำประสบการณ์ที่เคยได้รับในการแก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจที่จังหวัดภูเก็ตได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สึนามิถล่ม
โดยนายสมชาย กล่าวในการเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตว่า สถานการณ์ทางการเมืองและสถานการณ์เศรษฐกิจโลกได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการและประชาชน ซึ่งจังหวัดภูเก็ตนั้นเคยมีประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดจากเหตุการณ์สึนามิถล่มมาแล้ว แต่วิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในครั้งนี้คิดว่าจะยืดเยื้อกว่าครั้งนั้นมากเพราะวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้น เมื่อวิกฤติเศรษฐกิจเศรษฐกิจเกิดขึ้นมากก็ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีรายได้ลดลง ขาดสภาพคล่องในการทำงาน ซึ่งจะทำให้มีการเลิกจ้างงาน การให้พนักงานหยุดงานโดยไม่จ่ายเงินเดือน ลดวันทำงาน และอื่นๆตามมาอีกมาก
การแกไขปัญหาที่เร่งด่วนที่สุดและเชื่อว่าดีที่สุดเพราะเคยมีการดำเนินการมาแล้วในช่วงแก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดจากเหตุการณ์สึนามิถล่ม คือเรื่องของการช่วยเหลือทางการเงินให้กับผู้ประกอบการ ซึ่งการช่วยเหลือทางการเงินนั้นไม่ใช่รัฐบาลนำเงินมาช่วยเหลือผู้ประกอบการโดยตรง แต่เป็นการช่วยเหลือทางการเงินเชิงนโยบาย ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความเป็นไปได้ และที่ทำได้เร็วที่สุดคือเรื่องของการขอพักชำระเงินต้น หรือการพักชำระดอกเบี้ยของผู้ประกอบการน่าจะเป็นประโยชน์ ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการมีสภาพการเงินที่คล่องตัวสามารถประคองธุรกิจไม่ให้เสียหายและสามารถดูแลคนได้อย่างเต็มที่ไม่ให้ตกงาน ซึ่งถ้าทำได้จะสามารถช่วยเหลือคนส่วนใหญ่ได้ จำนวนมากถึงประมาณ 95%
ประชาชนที่ทำงานตามโรงแรม หรืสถานประกอบการอื่นๆ เมื่อผู้ประกอบการมีปัญหาทางการเงินก็จะมีปัญหาตามไปด้วยซึ่งประชาชนเหล่านี้มีปัญหาเรื่องของการผ่อนบ้าน ผ่อนรถ แต่เมื่อเงินที่ได้รับลดน้อยลงก็ส่งผลกระทบ ถ้ามีการพักชำระหนี้คนเหล่านี้ก็จะสามารถยืนหยัดอยู่ได้ มีเงินติดกระเป๋า สามารถที่จะนำมาใช้จ่ายและทำให้เกิดสภาพคล่องขึ้นได้
นายสมชาย กล่าวต่อว่า ถ้าสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องของสภาพคล่องได้ ปัญหาอื่นๆที่จะเกิดตามมาก็จะลดน้อยลงไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องการตลาด ปัญหาสังคมที่จะทำให้เกิดการเลิกจ้างงาน เท่าที่ทราบขณะนี้หลายฝ่ายมีการเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจที่หลากหลาย เช่นเสนอลดภาษีนิติบุคคล ลด VAT 7% ซึ่งเป็นการเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ไม่ตรงจุด แต่การเลื่อนการชำระหนี้ถือว่าเป็นแนวทางที่แก้ไขปัญหาได้ตรงจุด ซึ่งขณะนี้ผู้ประกอบการบางรายก็กำลังเจรจากับทางธนาคารเพื่อขอพักชำระเงินต้นโดยบางคนก็ได้ บางคนก็ไม่ได้ ซึ่งมองว่าการดำเนินการดังกล่าวยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทั้งระบบ แต่ถ้าเป็นเชิงนโยบายจะทำให้การแก้ไขปัญหาทำได้ทั้งระบบ ซึ่งสามารถช่วยเหลือคนได้ทั้งระบบ
นายสมชาย กล่าวต่ออีกว่า การแก้ไขปัญหาที่ที่ถูกต้อง ตรงจุดจะทำให้ภูเก็ตสามารถเดินต่อไปได้ เช่นเดียวกับวิกฤติเศรษฐกิจในช่วงสึนามิที่เกิดขึ้นกับจังหวัดภูเก็ต ซึ่งได้รับการแก้ไขแบบถูกทางทำให้ภูเก็ตสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว