ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - หอการค้าไทย ชี้ “รัฐบาลสมชาย” ไม่สามารถบริหารประเทศได้แล้ว แนะคืนอำนาจประชาชนสรรหารัฐบาลชุดใหม่เพื่อสร้างรากฐานการบริหารใหม่ให้กับประเทศ อย่าดื้อรั้นซื้อเวลาแลกความเสียหายของประเทศ ด้านสมาชิกหอการค้า ฮึ่มหากรัฐมารยังเพิกเฉยเสียงส่วนใหญ่ เตรียมใช้อารยะขัดขืนไม่จ่ายภาษี
วันนี้ (29 พ.ย.) ภายหลังจากที่การสัมมนาหอการค้าไทยทั่วประเทศครั้งที่ 26 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติเฉลิมพระเกียรติ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เสร็จสิ้นลง นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ถึงจุดยืนของหอการค้าไทยที่มีต่อสถานการณ์ปัญหาบ้านเมือง ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ
นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นตัวแทนของสมาคมการค้า หอการค้าต่างประเทศ และหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศ ได้ร่วมกันสร้างเศรษฐกิจไทยให้มีความมั่นคง เจริญรุ่งเรือง ประชาชนคนไทยมีความสมัครสมานสามัคคีด้วยดีตลอดมา
แต่ทว่าสถานการณ์ปัจจุบันได้บั่นทอนโอกาสในการเจริญเติบโตของประเทศ หอการ ค้าจึงมีข้อสรุปความเห็นจากนักธุรกิจทั่วประเทศดังนี้
1. จากเหตุการณ์ความวุ่นวายต่างๆ ที่เกิดขึ้น รัฐบาลได้ใช้ความชอบธรรมโดยการจัดตั้งรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศไปแล้วถึงสองครั้ง แต่ที่ผ่านมาสถานการณ์กลับเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ จึงทำให้เห็นว่ารัฐบาลไม่มีความสามารถในการบริหารประเทศให้เกิดความสงบสุขและความเรียบร้อย ตามที่แถลงนโยบายเอาไว้ได้ รัฐบาลจึงหมดความชอบธรรมทางด้านการบริหารไปแล้ว เป็นความล้มเหลวของรัฐบาล
2. สำหรับทางด้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่รวมตัวกันประท้วงรัฐบาลเพราะเห็นว่ารัฐบาลทำในสิ่งที่คิดว่าไม่ถูกต้อง ก็เริ่มต้นไปตามกรอบของครรลอง ประชาธิปไตย แต่การดำเนินการในปัจจุบันทำเกินกว่าขอบเขตของกฎหมาย การปิดล้อมและยึดสนามบินสุวรรณภูมิ ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติอย่างใหญ่หลวง นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ รวมทั้งนักธุรกิจและนักลงทุนต่างต้องย้ายไปที่อื่น ขอให้พันธมิตรฯ ยุติการการกระทำที่ผิดกฎหมายโดยทันที
3. ที่ผ่านมาการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศนั้น เกิดขึ้นโดยผ่านกลไกของผู้ประกอบธุรกิจ มีการสร้างคน สร้างงาน และสร้างความมั่นคงให้ประเทศ แต่ในปัจจุบันกลไกดังกล่าวไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ในฐานะองค์กรหลักของภาค เอกชนที่เป็นผู้หารายได้ให้ประเทศและเป็นผู้มีส่วนอย่างเข้มแข็งในการสร้าง ความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับประเทศและเป็นผู้เสียภาษี ขอแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ โดยเฉพาะในส่วนที่กระทบต่อการดำเนินการทางธุรกิจ เศรษฐกิจและสังคมของประเทศ จึงขอนำเสนอจุดยืนเพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศดังนี้คือ
3.1 เพื่อให้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยสากล รัฐบาลควรเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองอื่น ที่ได้รับเลือกตั้ง เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะรัฐบาลปัจจุบันหมดความสามารถ แม้จะอ้างความชอบธรรมทางกฎหมาย แต่ก็หมดความชอบธรรมทางการบริหารประเทศไปแล้วโดยสิ้นเชิง หรือพรรคร่วมรัฐบาลควรแสดงความกล้าหาญถอนตัวเปิดทางให้ผู้บริหารชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย
3.2หากปล่อยให้สถานการณ์เป็นไปอย่างนี้ ประเทศก็อยู่ไม่ได้ ประชาชนจะเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ในที่สุดเมื่อนักการเมืองเป็นผู้ที่ทำให้ประเทศชาติเข้าสู่จุดล่มสลาย ควรต้องยอมเสียสละ ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน
ประเทศไทยต้องมีการเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่ม ต้นให้ประเทศไทย เข้าสู่ยุคใหม่ของความโปร่งใส ความมีจริยธรรม ในการบริหารประเทศ สรรหาคณะรัฐมนตรี ที่ดี ที่มีความสามารถเข้ามาบริหาร เพื่อฟันฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ และวางรากฐานการบริหารการจัดการทีดี ที่ถูกต้องเพื่อความยั่งยืนของประเทศต่อไป” ประธานกรรมการหอการค้าไทยกล่าว
ด้านนายดุสิต นนทะนาคร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงถ่ายอำนาจทางการเมืองครั้งใหม่นั้น คงไม่เกิดสูญญากาศที่เลวร้ายทำให้เศรษฐกิจดำดิ่งไปกว่าการปล่อยให้สถานการณ์เช่นนี้ยืดเยื้อต่อไป แต่หากรัฐบาลไม่ทำตามข้อเสนอที่ภาคเอกชนได้ระดมความคิดครั้งนี้ หอการค้าไทยก็ยังไม่มีมาตรการใดๆ ที่จะมากดดัน เพราะเชื่อว่าหากรักชาติจริงก็น่าจะเสียสละกันทุกฝ่ายโดยการทำตามข้อเสนอ ทว่า ในที่ประชุมว่ามีการเสนอว่าหากรัฐบาลไม่ยังคงดื้อรั้น เสียงของสมาชิกหอการค้าทั่วประเทศส่วนใหญ่ต่างเห็นด้วยกับการแสดงอารยะขัดขืน โดยการไม่จ่ายภาษีอุดหนุนรัฐบาล