สตูล – ตำรวจสตูลตามแกะรอยพรรคไทยพอเพียงซึ่งอุปโลกภ์เพื่อเป็นเครื่องมือตุ๋นชาวบ้าน หลอกระดมทุนกู้เงินเพื่อปลดหนี้นอกระบบรายละ 1,100 บาท พบมีผู้เสียหายแล้วกว่า 100 ราย โดยมีการทำงานเป็นทีมก่อนตรวจสอบไปยัง กกต.ไม่พบการจดทะเบียนเชื่อพรรคดังกล่าว พร้อมแจ้งชาวบ้านที่ตกเป็นเหยื่อเดินทางมาชี้ตัวผู้ต้องหาได้
วันนี้ (29 ธ.ค.) ชาวบ้านตำบลควนกาหลง อำเภอควนกาหลง จังหวัดสตูลกว่า 30 คนเดินทางมาชี้ตัวนายวินัย อนุวัฒน์วงค์ อายุ 52 ปี บ้านเลขที่ 11 หมู่ที่ 3 ต.ควนชะลิก อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช บนโรงพักสถานีตำรวจภูธรอำเภอควนกาหลง หลังแอบอ้างว่าเป็นตัวแทนจากพรรคไทยพอเพียง มารับสมัครสมาชิกพรรคและรับสมัครชาวบ้านที่ต้องการปลดหนี้นอกระบบ (จากร้อยละ 20) ด้วยการร่วมกู้เงินทุนประกอบอาชีพ จากสมาพันธ์ชุมชนแห่งประเทศไทย ด้วยการรวมกลุ่มกัน 10 คนจะได้เงินกู้เป็นเงินถึง 1 ล้านบาท ตามโครงการสร้างคน สร้างงาน สร้างรายได้ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
โดยเอกสารที่จ่าหัวจากสมาพันธ์ชุมชนแห่งประเทศไทย ยังระบุว่า หากผู้กู้รายได้มีปัญหาเรื่องรถยนต์ รถจักรยานยนต์ถูกยึด ต้องการขอเงินเร่งด่วน สามารถทำได้ในวงเงิน 2,000 บาท คนชรา สามารถกู้ได้ 30,000 บาท คนพิการ สามารถกู้ได้ 40,000 บาท เพื่อใช้ทุนประกอบอาชีพโดยไม่มีดอกเบี้ย ประกอบกับแอบอ้างนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาแอบอ้างในการรวมตัวตั้งพรรคพอเพียง ว่าเป็นพรรคของคนจน คนชั้นกลาง ยิ่งสร้างความไว้วางใจให้กับชาวบ้านในการตกเป็นเหยื่อหลายร้อยราย
นางประณีต บริสุทธิ์ อายุ 46 ปี บ้านเลขที่ 274 หมู่ที่ 9 บ้านสตูลพิบูลย์ล้นเกล้า ต.ควนกาหลง อ.ควนกาหลง เป็นอีกผู้หนึ่งที่ตกเป็นเหยื่อของพรรคไทยพอเพียง หรือพรรคพอเพียง เปิดเผยว่า นายวินัย อ้างเป็นตัวแทนพรรคฯที่ต้องการเข้ามาช่วยเหลือชาวบ้านที่ยากจน และต้องการความช่วยเหลือ ภายใต้แนวทางของในหลวง ที่ต้องการให้ทุกคนอยู่อย่างพอเพียง โดยให้ทุกคนที่ต้องการความช่วยเหลือรวมกลุ่มกัน 10 คน เพื่อยื่นเรื่องถึงสมาพันธ์ชุมชนแห่งประเทศไทย เพื่อขอความช่วยเหลือ
และให้ทุกคนจ่ายเงินเข้าร่วมโครงการคนละ 100 บาท และจะได้รับเงินกู้กลุ่มละ 1 ล้านบาท ถึง 1.5 ล้านบาท พวกตนยอมรับว่ายังไม่รู้ว่าตัวเองจะถูกหลอกเพราะสิ่งที่นายวินัยพูดและปราศรัยให้ชาวบ้านได้ฟังดูจะบริสุทธิ์ใจ และยังไม่คิดว่าจะถูกหลอกจริงๆ จนทางตำรวจที่มาแกะรอยได้เชิญตัวนายวินัยมาสอบปากคำ
สำหรับพวกตนและเพื่อนได้รวมตัวกันเป็นกลุ่ม ยอมรับว่าที่หลงเชื่อเพราะพวกตนต้องการกู้เงินมาใช้เพราะทางบ้านมีรายจ่ายเยอะ และเห็นว่าน่าจะเป็นวิธีการที่จะได้มาของเงินเพราะทางพรรคฯต้องการจะช่วยเหลือจึงได้หลงเชื่อ
จากการสอบปากคำ ก่อนจะมีการออกหมายจับพบว่า พฤติกรรมของผู้ต้องหากลุ่มนี้ได้มีการทำงานกันเป็นทีม โดยกระจายกันไปตามอำเภอต่าง ๆ ล่าสุดพบว่ามีนายเอก ไม่ทราบนามสกุล อยู่ในทีมนี้ด้วย ซึ่งทางตำรวจกำลังเร่งสะกดรอยตามตัวอยู่
สำหรับพฤติกรรมผู้ต้องหา จะเปิดปราศรัยและพูดโน้มน้าวให้ชาวบ้านหลงเชื่อก่อนจะทิ้งใบปลิว และใบสมัครไว้ให้กรอกเป็นสมาชิกพรรคฯก่อน จากนั้นจะนัดหลังมีการกรอกใบเข้าร่วมโครงการ สร้างคน สร้างงาน สร้างรายได้ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการจัดตั้งเป็นกลุ่มละ 10 คนที่จะได้เงินกู้หลังเข้าร่วมโครงการ ฯกลุ่มละ 1 ล้านหรือ 1.5 ล้านบาท
จากนั้นมีการนัดพบอีกครั้งเพื่อจ่ายเงินในรอบที่ 2 คนละ 500 บาท และรอบที่ 3 คนละ 500 บาท โดยอ้างว่า เป็นค่าดำเนินการในการกรองผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการจริง ๆ สรุปแล้วชาวบ้านต้องจ่ายเงินคนละ 1,100 บาท และขณะนี้ตรวจสอบพบว่ามีชาวบ้านใน ต.ควนกาหลง และตำบลข้างเคียงได้หลงเชื่อกว่า 100 รายแล้ว
ด้าน พ.ต.ท.คมสัน แสงไกร รองผกก.สภ.ควนกาหลง บอกว่า จากการตรวจสอบไปทาง กกต.จังหวัดไม่พบว่ามีการจัดตั้งพรรคดังกล่าว มีแต่การพยายามขอจัดตั้งแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากคุณสมบัติไม่ตรงต่อการจัดตั้งพรรคการเมือง และยังพบว่าประมาณกลางปีที่ผ่านมา ได้มีแก็ง 18 มงกุฎออกหลอกลวงชาวบ้านในลักษณะนี้ในหลายจังหวัด จึงขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อหากพบเห็นให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ในทันที
สำหรับชาวบ้านรายใดที่ตกเป็นเหยื่อกลโกงในครั้งนี้ สามารถดูตัวและชี้ตัวผู้ต้องหาได้ที่ สภ.ควนกาหลง
