ศรีสะเกษ - เกษตรกรอีสานเริ่มตื่นแล้ว ! เคลื่อนขบวน “รถถังชาวนา” เดินทางไกลจาก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ มุ่งสู่กรุงเทพฯ แบบค่ำไหนนอนนั่น เพื่อร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ สร้างการเมืองใหม่ให้ “เกษตรกรกำหนดอนาคตด้วยตัวเอง” ชี้ เปลี่ยนโครงสร้างการเมืองระบบนายทุนผูกขาดอำนาจรัฐไปสู่การมี ส.ส.จากทุกสาขาอาชีพ เพื่อจัดการงบประมาณ บริหารประเทศเพื่อความเป็นภราดรภาพ คือ สังคมอยู่ด้วยความจุนเจือแบ่งปันให้เกิดความสมดุลต่อไป
วันนี้ (5 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น.ที่บริเวณศาลหลักเมืองกันทรลักษ์ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายรณชิต ทุ่มโมง และ นายวิรัตน์ เครือบุตร แกนนำกลุ่มสมัชชาเกษตรรายย่อย จ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย สมาชิกสมัชชาเกษตรกรรายย่อยประมาณ 100 คน ได้มารวมตัวกัน ซึ่งทุกคนได้พร้อมใจกันสวมเสื้อสีเขียว โดยมีข้อความเขียนด้านหน้าว่า “ลูกแม่โพสพกู้ชาติ” ส่วนด้านหลังเขียนว่า “ชาวนาปลูกข้าวเลี้ยงใคร คนไทยกินข้าวทุกคน ทำไมยิ่งทำยิ่งจน ใครกันมันปล้นคนทำนา”
ทั้งนี้ เพื่อหารือแนวทางในการชุมนุมและเตรียมเคลื่อนมวลชนไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ กรุงเทพฯ โดยมีประชาชนชาว อ.กันทรลักษ์ มาร่วมชุมนุมอย่างคึกคัก และนำเอาข้าวสารอาหารแห้งมาให้การสนับสนุนแก่กลุ่มสมัชชาเกษตรกรรายย่อย ซึ่งได้มีการเตรียมรถไถนาเดินตาม รถปิกอัพ และ สัมภาระ ข้าวสารอาหารแห้งไว้เป็นจำนวนมาก
นายวิรัตน์ เคลือบุตร แกนนำสมัชชาเกษตรกรรายย่อย จ.ศรีสะเกษ ได้อ่านแถลงการณ์ว่า สถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบันนี้ อำนาจส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับกลุ่มทุน พรรคการเมืองทุกพรรคก็คือตัวแทนของกลุ่มทุนในการใช้อำนาจ แต่บนสถานการณ์ของกลุ่มทุนซึ่งทะเลาะกันเอง เกษตรกร พ่อค้าหาบเร่ ผู้ใช้แรงงาน ฯลฯ ล้วนอยู่ในเกมวงจรของระบบทุนถึงเวลาแล้วที่ ประชาธิปไตย ต้องเป็นของคนกลุ่มมาก ประชาธิปไตย คือ ความเป็นเจ้าของ วันนี้เกษตรกรเป็นเจ้าของอะไร ? ที่ดินก็ติดจำนอง ผลผลิตของเกษตรกรกลุ่มทุนก็เป็นคนกำหนดราคา ทำไมเราไม่กำหนดอนาคตของเราด้วยพลังของเราเอง สังคมจะเปลี่ยนไปสู่ การปลดหนี้ ที่ดินทำกินมั่นคง ด้วยพลังของพวกเราเอง สภาต้องมีผู้แทนของทุกสาขาอาชีพ ไม่ใช่มีแต่ผู้แทนของกลุ่มทุน
นายวิรัตน์ อ่านแถลงการณ์ต่อว่า นายกรัฐมนตรี ต้องมาจากการเลือกตั้งจากประชาชนทั่วประเทศ สมัชชาเกษตรกรรายย่อยเป็นองค์กรที่นำพาเกษตรกรต่อสู้เรื่องที่ทำกินและแก้ปัญหาหนี้สินมาตลอดระยะเวลา 17 ปี แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาซึ่งแก้ไม่รู้จบคือ รัฐบาลและผู้มีอำนาจล้วนเป็นตัวแทนของกลุ่มทุน ถึงเวลาแล้วที่โครงสร้างทางการเมืองต้องเปลี่ยนจากระบบเดิมที่มีอยู่ไปสู่การมีผู้แทนราษฎร ในทุกสาขาอาชีพเพื่อจัดการงบประมาณ บริหารประเทศเพื่อความเป็น ภราดรภาพ คือ สังคมอยู่ด้วยความจุนเจือแบ่งปันให้เกิดความสมดุลต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากที่ได้มีการอ่านแถลงการณ์แล้ว กลุ่มสมัชชาเกษตรกรฯ ได้พากันเคลื่อนตัวออกจากบริเวณศาลหลักเมืองกันทรลักษ์ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยขบวนรถไถนาเดินตามจำนวน 8 คัน รถยนต์เก๋ง 3 คัน และ รถกระบะ 4 คัน มุ่งหน้าไปยังอ.ไพรบึง เพื่อรวมตัวกับกลุ่มเกษตรกรที่อ.ไพรบึง พร้อมจัดชุมนุมเปิดเวทีปราศรัยที่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอไพรบึง จ.ศรีสะเกษ ในคืนวันนี้ (5 ต.ค.) ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนรถไถนาเดินทางไกลมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ เพื่อเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่กรุงเทพฯ ต่อไป
นายรณชิต ทุ่มโมง แกนนำสมัชชาเกษตรกรรายย่อย จ.ศรีสะเกษ อีกคนกล่าวเพิ่มเติมว่า การเคลื่อนขบวนรถไถนา เดินทางไกลสู่กรุงเทพฯ ของเกษตรกรครั้งนี้ จะมีการจัดเวทีปราศรัยให้ข้อมูลความรู้พร้อมระดมพล ระดมความคิดเห็นการเมืองใหม่ที่เกษตรกรต้องการไปตามเส้นทางที่ขบวนผ่าน แบบค่ำอำเภอไหนหยุดพักและจัดเวทีระดมพล ระดมความคิดเห็นที่นั่น โดยมีจุดปลายทางอยู่ที่กรุงเทพฯ คือการร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ
“ดังนั้น วันนี้ถือได้ว่าเกษตรกรได้ลุกขึ้นมาแล้ว ขบวนรถถังชาวนาออกมาแล้ว เพื่อต่อสู้เปลี่ยนแปลงสังคมไปสู่การเมืองใหม่ที่ดีกว่า เป็นสังคมที่เกษตรกรสามารถกำหนดอนาคตด้วยตนเอง” นายรณชิต กล่าว