กมธ.สภาผู้แทนฯรุดลงพื้นที่ศรีสะเกษติดตามแก้หนี้สินภาค ปชช.

ศรีสะเกษ - คณะกรรมาธิการหนี้สินแห่งชาติ สภาผู้แทนฯ ลงพื้นที่ ติดตามการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคประชาชน จ.ศรีสะเกษ 1 ใน 9 จังหวัดนำร่องแก้หนี้นอกระบบ เผย รัฐบาลเปิดให้ลงทะเบียนหนี้นอกระบบ 1 พ.ย.นี้ เพื่อเข้าสู่กระบวนการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบอบให้เข้าสู่หนี้ในระบบ ชี้ อุปสรรคหลัก นโยบายรัฐบาลไม่ชัดเจนและขาดความต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหา

วันนี้ (30 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมที่ว่าการ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ นายสามารถ ราชพลสิทธิ ประธานกรรมาธิการแก้ไขปัญหาหนี้สินแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย คณะกรรมาธิการได้เดินทางมาตรวจติดตามการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคประชาชน โดยได้เข้าร่วมประชุม เพื่อรับทราบผลการดำเนินการและสภาพปัญหาการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชนที่ได้ลงทะเบียนไว้และดำเนินการแก้ไข ตั้งแต่ในสมัยรัฐบาล ปี 2547 รวมทั้งรับฟังข้อเท็จจริงจากประชาชนลูกหนี้นอกระบบที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาหนี้

ขณะที่กลุ่มประชาชนจาก ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้มอบรายชื่อลูกหนี้จากโครงการของรัฐ จำนวน 105 คน เพื่อขอให้คณะกรรมาธิการได้ประสานงานติดตามการแก้ไขปัญหาหนี้สินจากโครงการปรับพื้นที่ที่ดินทำกิน ที่ชาวบ้านได้กู้ยืมเงินจากกองทุน ส.ป.ก.โดยเป็นหนี้รายละ 20,000 บาท ด้วย

นายสามารถ ราชพลสิทธิ ประธานกรรมาธิการแก้ไขปัญหาหนี้สินแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การเดินทางมาในครั้งนี้ เพื่อเป็นการติดตามการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคประชาชน ซึ่งได้ศึกษาใน 2 ประเด็น คือ สาเหตุของการเป็นหนี้ และการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคประชาชนของจ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็น 1 ใน 9 จังหวัดนำร่อง ที่มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ให้เป็นหนี้ในระบบแทน

ทั้งนี้ รัฐบาลได้ดำเนินการตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา โดยได้เริ่มการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้เข้าสู่หนี้ในระบบ โดยมี ธนาคารของรัฐ รวม 6 แห่ง เป็นสถาบันการเงินที่สนับสนุนโครงการ ที่เรียกว่า สินเชื่อ ฟาสต์แทร็ก มีการลดขั้นตอนและสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหนี้สิน โดยตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้ จะเปิดให้ประชาชนลูกหนี้นอกระบบได้ลงทะเบียน เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคประชาชนต่อไป

นายสามารถ กล่าวต่อว่า สำหรับการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคประชาชนของจังหวัดศรีสะเกษ นั้น ได้ดำเนินการตามกระบวนการแก้ไขปัญหาหนี้ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งมีประชาชนแจ้งความช่วยเหลือจำนวน 174,000 ราย แยกเป็นลูกหนี้ในระบบกว่า 92,000 ราย เจรจาสำเร็จ จำนวน 4,300 รายเศษ ส่วนหนี้นอกระบบทั้งหมด 82,000 ราย ที่มีมูลหนี้กว่า 3,700 ล้านบาท เข้าสู่กระบวนการเจรจา ทั้งการไกล่เกลี่ยและประนอมหนี้ จำนวน 11,882 ราย เป็นมูลหนี้กว่า 778 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 14 และเข้าสู่การเป็นหนี้ในระบบได้เพียง 1,861 ราย ส่วนที่เหลือไม่ผ่านหลักเกณฑ์การให้กู้ รวมทั้งยุติเรื่องและไม่ประสงค์กู้

สำหรับปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคประชาชนนั้น เนื่องจากนโยบายรัฐบาลไม่ชัดเจน และขาดความต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหา รวมทั้งปัญหาลูกหนี้นอกระบบขาดคุณสมบัติไม่เข้าเกณฑ์และเงื่อนไขของธนาคาร จึงไม่สามารถชำระหนี้ได้ รวมทั้งขาดวินัยทางการเงินทำให้เป็นหนี้ซ้ำซ้อนและความเข้าใจของลูกหนี้คลาดเคลื่อนที่ต้องการให้รัฐช่วยชำระหนี้ โดยไม่มีภาระผูกพัน