กระบี่ -ภาคเอกชนกระบี่ บี้รัฐลาออก อย่าดื้ออ้างความชอบธรรมเสียงข้างมาก
นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า จากกรณีที่นายกรัฐมนตรี ผู้นำประเทศที่มีชื่อว่า นายสมัคร สุนทรเวช ออกมากล่าวผ่านรายการวิทยุของกรมประชาสัมพันธ์ เวลา 07.00 น.ในเรื่องของความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดิน หรือแม้กระทั่งเรื่องต่างๆ ที่นายกรัฐมนตรีพูดผ่านวิทยุกระจายเสียง ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ถูกต้องทั้งหมด หรือเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองในขณะนี้ คำพูดที่นายกฯพูด เป็นการหาที่ระบายความรู้สึกมากว่าหาทางแก้ไขปัญหาบ้านเมือง
นายกรัฐมนตรีพูดอยู่เสมอว่า ผมมาจากการเลือกตั้ง มีความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดิน ประชาชนส่วนมากของประเทศเลือกผมมา ซึ่งเป็นคำพูดของผู้นำประเทศในเวลาแบบนี้หรือ ท่านต้องมองกระจกสะท้อนตัวเองบ้าง ว่า สังคมส่วนใหญ่เป็นอย่างไรมีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างไรแล้ว มีการเคลื่อนไหวอย่างไร
แต่วันนี้มันเกินเลยไปกว่าจะบอกว่าใครผิดใครถูก หรือมาด้วยความชอบหรือไม่ชอบธรรม เพราะมันเป็นความขัดแย้งระดับมวลชนที่ออกมาต่อต้านรัฐบาล เพราะฉะนั้นนายกฯเอาผลประโยชน์ของตัวเอง และก็พรรคฝ่ายรัฐบาล หรือว่าในกลุ่มของตนเอง เป็นที่ตั้ง ก็เลยออกมายืนยันว่าไม่ออกไม่ยุบสภา เป็นการพูดเพื่อเอาตัวเองเป็นที่ตั้งโดยไม่สนใจเสียงของประชาชน ซึ่งเห็นแก่ประโยชน์ส่วนพรรคพวกมากกว่าประโยชน์ของประเทศชาติ
ในวันนี้ ครม.มีมติทำประชาพิจารณ์ เพื่อให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นว่ายุบหรือไม่ยุบ หรือลาออก ซึ่งเป็นช่องทางของนายสมัครในการดึงเวลา เพราะกว่าจะออกพระราชกฤษฎีกา กว่าจะพิมพ์เอกสาร กว่าจะส่งเอกสารให้กับประชาชน กว่าจะลงมติแล้วก็ส่งกลับไปรวบรวม ท่านคิดว่าใช้เวลาเท่าไร เพราะเพียงแค่ออกพระราชกฤษฎีกา และก็ออกเอกสารออกมานั้น 3เดือนไม่เสร็จ อะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศชาติ
ประธานหอการค้าจังหวัดกระบี่ เปิดเผยอีกว่า รัฐบาลพยามที่จะดึงเวลาและก็พยายามที่จะใช้คำพูดที่ได้มาจากความชอบธรรมนั้นยืนกราน ซึ่งก็ไม่ได้เถียงเรื่องความชอบธรรม แต่ความชอบธรรมนั้นทำให้ประเทศชาติมีปัญหาในเรื่องของวิกฤตเศรษฐกิจ และจะทำให้อนาคตประเทศชาติจะล่มจม ถามว่าความชอบธรรมนั้นจะใช้ได้หรือไม่ในการบริหารราชการแผ่นดิน และภาวะในการเป็นผู้นำประเทศ
ทั้งนี้ หากรัฐบาลยังมีพฤติกรรมแบบนี้ และมีความคิดที่เข้าข้างตัวเอง รวมทั้งการใช้อำนาจในทางที่ผิดเอาประชาชนมาตีกัน ซึ่งมันไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย ถ้าเป็นแบบนี้จะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจมีความเสียหายอย่างแน่นอน ภาคเอกชนคงไม่มองว่าใครผิดใครถูก ชอบธรรมหรือไม่ชอบธรรม แต่มองเรื่องเศรษฐกิจเป็นสำคัญและเป็นเรื่องใหญ่
ตอนนี้หลายคนในภาคเศรษฐกิจของประเทศ หรือระดับจังหวัดก็ดีไม่กล้าฟันธง เพราะจริงแล้วทุกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน คือ นายกฯ ควรที่จะเสียสละ ความขัดแยงยิ่งขยายความรุนแรงมากขึ้นและกว้างขึ้น ประชาชนรับรู้ข่าวสารมากขึ้น แล้วจะมีประโยชน์อะไรกับความชอบธรรม ในการบริหารราชการแผ่นดิน เพราะวันนี้มันเกินเลยไปกว่าที่จะใช้คำว่าถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง
ประธานหอฯกระบี่ กล่าวถึงผลกระทบจากการชุมนุมยืดเยื้อของกลุ่มพันธมิตรฯ และมีประชาชนนักเรียนนักศึกษา รวมทั้งองค์กรต่างๆ เข้าร่วมเป็นจำนวนมากขึ้นเรื่องๆ นั้น ว่า จะส่งผลทำให้ภาคการลงทุนของเศรษฐกิจจังหวัดกระบี่ เป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุด เพราะว่านักธุรกิจมีการชะลอในการลงทุน นักธุรกิจต่างประเทศเบนเข็มไม่มาเมืองไทย
การประกาศภาวะฉุกเฉินตอนนี้ 12 ประเทศ ไม่ให้คนเข้าประเทศไทย และความตื่นตัวของชาวโลกเร็วมาก เพราะฉะนั้นความเสียหายนั้นประมูลค่ามิได้ ถ้ายังเป็นแบบนี้รัฐบาลดื้อดึงคิดว่าตัวเองเก่ง ตัวเองและพวกตัวเองดี ก็จะทำให้ต่างชาติเบนเข็มไปประเทศอื่นแทน การหมุนเวียนของเงินตราก็ไม่มี จะทำให้ประชาชนมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบและสร้างความเดือดร้อนไปทั่วประเทศ เป็นความเสียหายอย่างร้ายแรง อะไรจะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจของประเทศไทย เพราะฉะนั้นรัฐบาลควรที่จะลดความเห็นแก่ตัว และเลิกเข้าข้างตัวเองหันไปทบทวนบทบาทหน้าที่ของตัวเองได้แล้ว
นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า จากกรณีที่นายกรัฐมนตรี ผู้นำประเทศที่มีชื่อว่า นายสมัคร สุนทรเวช ออกมากล่าวผ่านรายการวิทยุของกรมประชาสัมพันธ์ เวลา 07.00 น.ในเรื่องของความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดิน หรือแม้กระทั่งเรื่องต่างๆ ที่นายกรัฐมนตรีพูดผ่านวิทยุกระจายเสียง ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ถูกต้องทั้งหมด หรือเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองในขณะนี้ คำพูดที่นายกฯพูด เป็นการหาที่ระบายความรู้สึกมากว่าหาทางแก้ไขปัญหาบ้านเมือง
นายกรัฐมนตรีพูดอยู่เสมอว่า ผมมาจากการเลือกตั้ง มีความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดิน ประชาชนส่วนมากของประเทศเลือกผมมา ซึ่งเป็นคำพูดของผู้นำประเทศในเวลาแบบนี้หรือ ท่านต้องมองกระจกสะท้อนตัวเองบ้าง ว่า สังคมส่วนใหญ่เป็นอย่างไรมีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างไรแล้ว มีการเคลื่อนไหวอย่างไร
แต่วันนี้มันเกินเลยไปกว่าจะบอกว่าใครผิดใครถูก หรือมาด้วยความชอบหรือไม่ชอบธรรม เพราะมันเป็นความขัดแย้งระดับมวลชนที่ออกมาต่อต้านรัฐบาล เพราะฉะนั้นนายกฯเอาผลประโยชน์ของตัวเอง และก็พรรคฝ่ายรัฐบาล หรือว่าในกลุ่มของตนเอง เป็นที่ตั้ง ก็เลยออกมายืนยันว่าไม่ออกไม่ยุบสภา เป็นการพูดเพื่อเอาตัวเองเป็นที่ตั้งโดยไม่สนใจเสียงของประชาชน ซึ่งเห็นแก่ประโยชน์ส่วนพรรคพวกมากกว่าประโยชน์ของประเทศชาติ
ในวันนี้ ครม.มีมติทำประชาพิจารณ์ เพื่อให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นว่ายุบหรือไม่ยุบ หรือลาออก ซึ่งเป็นช่องทางของนายสมัครในการดึงเวลา เพราะกว่าจะออกพระราชกฤษฎีกา กว่าจะพิมพ์เอกสาร กว่าจะส่งเอกสารให้กับประชาชน กว่าจะลงมติแล้วก็ส่งกลับไปรวบรวม ท่านคิดว่าใช้เวลาเท่าไร เพราะเพียงแค่ออกพระราชกฤษฎีกา และก็ออกเอกสารออกมานั้น 3เดือนไม่เสร็จ อะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศชาติ
ประธานหอการค้าจังหวัดกระบี่ เปิดเผยอีกว่า รัฐบาลพยามที่จะดึงเวลาและก็พยายามที่จะใช้คำพูดที่ได้มาจากความชอบธรรมนั้นยืนกราน ซึ่งก็ไม่ได้เถียงเรื่องความชอบธรรม แต่ความชอบธรรมนั้นทำให้ประเทศชาติมีปัญหาในเรื่องของวิกฤตเศรษฐกิจ และจะทำให้อนาคตประเทศชาติจะล่มจม ถามว่าความชอบธรรมนั้นจะใช้ได้หรือไม่ในการบริหารราชการแผ่นดิน และภาวะในการเป็นผู้นำประเทศ
ทั้งนี้ หากรัฐบาลยังมีพฤติกรรมแบบนี้ และมีความคิดที่เข้าข้างตัวเอง รวมทั้งการใช้อำนาจในทางที่ผิดเอาประชาชนมาตีกัน ซึ่งมันไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย ถ้าเป็นแบบนี้จะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจมีความเสียหายอย่างแน่นอน ภาคเอกชนคงไม่มองว่าใครผิดใครถูก ชอบธรรมหรือไม่ชอบธรรม แต่มองเรื่องเศรษฐกิจเป็นสำคัญและเป็นเรื่องใหญ่
ตอนนี้หลายคนในภาคเศรษฐกิจของประเทศ หรือระดับจังหวัดก็ดีไม่กล้าฟันธง เพราะจริงแล้วทุกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน คือ นายกฯ ควรที่จะเสียสละ ความขัดแยงยิ่งขยายความรุนแรงมากขึ้นและกว้างขึ้น ประชาชนรับรู้ข่าวสารมากขึ้น แล้วจะมีประโยชน์อะไรกับความชอบธรรม ในการบริหารราชการแผ่นดิน เพราะวันนี้มันเกินเลยไปกว่าที่จะใช้คำว่าถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง
ประธานหอฯกระบี่ กล่าวถึงผลกระทบจากการชุมนุมยืดเยื้อของกลุ่มพันธมิตรฯ และมีประชาชนนักเรียนนักศึกษา รวมทั้งองค์กรต่างๆ เข้าร่วมเป็นจำนวนมากขึ้นเรื่องๆ นั้น ว่า จะส่งผลทำให้ภาคการลงทุนของเศรษฐกิจจังหวัดกระบี่ เป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุด เพราะว่านักธุรกิจมีการชะลอในการลงทุน นักธุรกิจต่างประเทศเบนเข็มไม่มาเมืองไทย
การประกาศภาวะฉุกเฉินตอนนี้ 12 ประเทศ ไม่ให้คนเข้าประเทศไทย และความตื่นตัวของชาวโลกเร็วมาก เพราะฉะนั้นความเสียหายนั้นประมูลค่ามิได้ ถ้ายังเป็นแบบนี้รัฐบาลดื้อดึงคิดว่าตัวเองเก่ง ตัวเองและพวกตัวเองดี ก็จะทำให้ต่างชาติเบนเข็มไปประเทศอื่นแทน การหมุนเวียนของเงินตราก็ไม่มี จะทำให้ประชาชนมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบและสร้างความเดือดร้อนไปทั่วประเทศ เป็นความเสียหายอย่างร้ายแรง อะไรจะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจของประเทศไทย เพราะฉะนั้นรัฐบาลควรที่จะลดความเห็นแก่ตัว และเลิกเข้าข้างตัวเองหันไปทบทวนบทบาทหน้าที่ของตัวเองได้แล้ว