xs
xsm
sm
md
lg

คุ้ย 5 คดีดังพันฆ่านักข่าวมติชนเมืองคอน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นครศรีธรรมราช - เจ้าหน้าที่ตำรวจคุ้ยคดีดัง 5 คดีพัวพันการเมืองท้องถิ่น สืบเชื่อมโยงปมฆ่าผู้สื่อข่าวมติชน

กรณีการสืบสวนคดีคนร้ายลอบสังหารนายอธิวัฒน์ ไชยนุรัตน์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์มติชน ประจำ จ.นครศรีธรรมราช เสียชีวิตในบ้านพักเลขที่ 25 หมู่ที่ 3 ต.ไชยมนตรี อ.เมืองนครศรีธรรมราช เมื่อคืนวันที่ 1 สิงหาคม ว่า ชุดสืบสวนให้น้ำหนักชนวนเหตุการสังหารนายอธิวัฒน์ มาจากนายอธิวัฒน์ นำเสนอข่าวที่มีผลกระทบกับกลุ่มนักการเมืองท้องถิ่น โดยสันนิษฐานอาจว่าจ้างมือปืนในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช มีอยู่หลายซุ้ม เช่น ซุ้มท่าศาลา ซุ้มหลังเขา ตามข่าวที่ได้เสนอไปเป็นลำดับแล้วนั้น

ล่าสุดความคืบหน้าในคดี วันนี้ (12 ส.ค.) ชุดสืบสวนคลี่คลายคดีได้มีการประชุมหารือกัน โดยได้นำข้อมูลเหตุสังหารที่เกี่ยวข้องกับการเมืองท้องถิ่นมาวิเคราะห์ ก่อนเกิดคดีสังหารนายอธิวัฒน์ มีคดีอุกฉกรรจ์เกิดขึ้นในช่วงระหว่างการเลือกตั้งท้องถิ่นใน จ.นครศรีธรรมราช โดยกลุ่มมือปืนได้รับการว่าจ้างให้ลงมือทำร้ายหัวคะแนนหรือนักการเมืองท้องถิ่นฝ่ายตรงข้าม รวมแล้วถึง 5 ครั้ง และแต่ละครั้งนั้น ในทางการสืบสวนเป็นไปในทำนองเดียวกันมีการตั้งปมสาเหตุหลักไว้ที่การเมืองท้องถิ่น

คดีแรกที่เกี่ยวพันกับการเลือกตั้งท้องถิ่นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2550 คือคดีคนร้ายใช้อาวุธสงครามตามกราดยิงนายเกรียงศักดิ์ ภู่พันธ์ตระกูล หรือโกเก้า อายุ 45 ปี อดีตสมาชิกสภาจังหวัด (ส.จ.) นครศรีธรรมราช ในฐานะทีมงานบริหารผู้สมัครนายก อบจ.นครศรีธรรมราช นายพิชัย บุณยเกียรติ (ในขณะนั้น) กระสุนเฉี่ยวศีรษะและใบหน้านายเกรียงศักดิ์ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

นายเกรียงศักดิ์ เปิดเผยหลังจากเกิดเหตุว่า คดีนี้น่าจะเกี่ยวพันกับการเมืองท้องถิ่นเนื่องจากเตรียมตัวลงแข่งขันเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครศรีธรรมราช ที่มีขึ้นในวันที่ 20 เมษายน 2551 ในทีมประชาธิปไตยที่มีนายพิชัย บุณยเกียรติ เป็นหัวหน้าทีม เนื่องจากไม่เคยมีปัญหาส่วนตัวกับใครและไม่มีขัดแย้งทางธุรกิจใดๆ

สำหรับลอบยิงนายเกรียงศักดิ์นั้นจากข้อมูลในทางการสืบสวนพบว่ามีความชัดเจนถึงกลุ่มบงการ กลุ่มมือปืนสังหาร แต่ไม่มีความคืบหน้าในทางการสอบสวนตามกำหมายเนื่องจากขาดประจักษ์พยานและหลักฐานที่จะเป็นส่วนสำคัญในการออกหมายจับกุมกลุ่มมือปืนและผู้บงการ คดีจึงไม่มีความคืบหน้า

เหตุการณ์ต่อมาหลังการเลือกตั้ง อบจ.นครศรีธรรมราช เสร็จสิ้น เกิดเหตุร้ายอีกครั้ง โดยเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 28 เมษายน คนร้ายใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 และ 11 มิลลิเมตร ยิงนายกิตติพงศ์ จตุรงค์ อายุ 43 ปี นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ปากนคร อ.เมืองนครศรีธรรมราช เสียชีวิตที่หน้าร้านขายกาแฟในพื้นที่หมู่ที่ 3 ต.ปากนคร

คดีนี้นายประเสริฐ จตุรงค์ และนายสุวิทย์ จตุรงค์ พี่ชายนายกิตติพงศ์ เชื่อว่าสาเหตุมาจากการขัดแย้งการเมืองท้องถิ่น เนื่องจากการเลือกตั้ง อบต.และ อบจ.เพิ่งผ่านไป โดยเฉพาะกรณีนายกิตติพงศ์สนับสนุนนายสิงหา ขุนทน หลานชายนายกิตติพงศ์ ลงเลือกตั้งสมาชิก อบจ.ทีมประชาธิปไตยและคว้าคะแนนชนะคู่แข่งขันอย่างขาดลอย

คดีที่สาม คนร้ายยิงนายสมชาย จันทรมณี อายุ 42 ปี เสียชีวิตบนถนนสายโมคลาน-ดอนคา ต.โมคลาน อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ต.อ.วิศิษฐ์ ฤทธิแผลง ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.ท่าศาลา ระบุสาเหตุอาจจะมาจากเรื่องการเมืองหรือส่วนตัว

อย่างไรก็ตาม นายสมชายเป็นน้าชายของนายอนุชิต พรหมจันทร์ สมาชิก อบจ.เขต อ.ท่าศาลา ที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งสมัยแรกอย่างพลิกความคาดหมาย และนายสมชายซึ่งเป็นน้าชายและยังเป็นหัวคะแนนคนสำคัญ

คดีที่สี่ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 25 พฤษภาคม กลุ่มคนร้ายจำนวน 3 คน ตามไล่ยิงนายภูรเษฐ์ สุขคง อายุ 38 ปี ชื่อเดิมนายประจวบ สุขคง ชาว ต.ปากพนังฝั่งตะวันตก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เป็นที่รู้จักกันกว้างขวางในฉายา "จวบ ปากนัง" มือปืนชื่อดังเสียชีวิตกลางตลาดหูล่อง ถนนสุญอนันต์ ต.ปากพนังฝั่งตะวันตก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช

ครั้งนั้นพ.ต.อ.สมชาย อ่วมถนอม รองผู้บังคับการตำรวจภูธร (รอง ผบก.ภ.) จว.นครศรีธรรมราช ระบุปมสังหารอาจเชื่อมโยงกับคดียิงถล่มนายกิตติพงศ์ จตุรงค์ นายก อบต.ปากนคร

คดีที่ห้า เกิดขึ้นเมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 19 มิถุนายน คนร้ายดักซุ่มยิงนายสุทน หนูมี อายุ 45 ปี สมาชิก อบต.หมู่ที่ 9 ต.ถ้ำใหญ่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ได้รับบาดเจ็บสาหัส

ส่วนคดีที่ 6 เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา คนร้ายยิงนายอธิวัฒน์ ไชยนุรัตน์ ผู้สื่อข่าวมติชน ประจำ จ.นครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกำลังคลำปมหลักฐานสำคัญคือปืนคนร้ายใช้ขนาด .32 มม. ชนิดลูกโม่ เพื่อนำไปสู่การจับกุมคนร้ายและผู้บงการ แต่ในทางการสืบสวนนั้นพบว่ามีความชัดเจนในรูปคดีสูงมากทั้งแรงจูงใจ มูลเหตุที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีอุปสรรคที่สำคัญคือไม่มีประจักษ์พยาน และหลักฐาน เจ้าหน้าที่ต้องใช้วิธีการรวบรวมหลักฐานทางนิติวิทยาศาตร์ประกอบสำนวนในการคลี่คลายคดีเป็นสำคัญ
กำลังโหลดความคิดเห็น