นครศรีธรรมราช – พล.ต.อ.ปรุง บุญผดุง รอง ผบ.ตร.บินด่วนสางคดีสังหารนักข่าวมติชน ยันคืบหน้าเป็นที่น่าพอใจทั้งมือปืนและผู้บงการ พร้อมส่งตำรวจแม่นปืนมือ 1 คุ้มครองลูกเมีย-ญาติ “นายกเคว็ด” ร้องเรียน รอง ผบ.ตร.เชื่อมือสังหารกลุ่มเดียวกัน
กรณีคนร้ายบุกเข้าไปสังหาร นายอธิวัฒน์ หรือ แวว ไชยนุรัตน์ อายุ 48 ปี ผู้สื่อข่าวมติชน ประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช เสียชีวิตภายในห้องครัว ขณะที่กำลังเตรียมกับข้าวให้กับลูกเมียที่กำลังเดินทางกลับบ้าน อย่างโหดเหี้ยม เหตุเกิดเมื่อช่วงคืนวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยคดีนี้ได้รับความสนจากองค์กรสื่อทั้งในและต่างประเทศอย่างกว้างขวาง เพราะถือเป็นการคุกคามสื่ออย่างรุนแรงมากที่สุดในรอบ 20 ปี และทางญาติๆ ได้เก็บศพเอาไว้ไม่ยอมเผาจนกว่าตำรวจจะสามารถจับกุมมือปืนและผู้บงการมาดำเนินคดีได้ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าวันนี้ (11 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในทางการติดตามคดี แหล่งข่าวทางด้านชุดสืบสวนคลี่คลายคดีเปิดเผยว่า จากการติดตามพบว่า กลุ่มเครือข่ายบุตรชายนักการเมืองใหญ่รายหนึ่ง อยู่ในสภาวะร้อนรน หลังจากที่การสืบสวนเข้าใกล้มากขึ้นตามลำดับ
เจ้าหน้าที่ได้จำกัดกลุ่มมือปืนที่ก่อเหตุไว้จำนวน 3 สาย คือ สายมาจากโซนอำเภอพิปูน สายจากโซนอำเภอร่อนพิบูลย์ จุฬาภรณ์ พระพรหม และสายสุดท้าย คือ สายที่มาจาก อำเภอเมือง โดยทั้งสามสายนั้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจากทั้งส่วนกลางและจาก บช.ภ.8 กำลังสืบสวนอย่างใกล้ชิด ซึ่งทั้งสามสายล้วนแต่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มบุตรชายนักการเมืองเป็นอย่างดี
ในทางเปิดเผย การเร่งรัดคลี่คลายคดี ล่าสุด พล.ต.อ.ปรุง บุญผดุง รอง ผบ.ตร. พร้อมคณะ ประกอบด้วย พล.ต.ต.อรรถชัย เกิดมงคล รอง ผบช.ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.มงคล หรุ่นเริงใจ ผบก.ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ พ.ต.อ.สิทธิโรจน์ วรรณปิติวัฒน์ นายเวร รอง ผบ.ตร.ได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าของคดี โดยมี พล.ต.ท.ธานี ทวิชศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 8 พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช พ.ต.อ.ญาณพัฒน์ นรสิงห์ ผกก.สภ.เมือง และได้เรียกประชุมชุดสอบสวนสืบสวนทั้งหมดที่ร่วมติดตามคดีนี้ ใช้เวลาในการประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง
รายงานข่าวแจ้งว่า ในที่ประชุมได้มีการกำหนดสาเหตุและกลุ่มบุคคลที่เป็นมือปืน รวมทั้งตัวผู้บงการที่ค่อนข้างชัดเจน มีการจำลองเหตุการณ์ และเส้นทางหลบหนีอย่างละเอียดโดย เฉพาะมือปืนที่อยู่ในข่ายสงสัย ว่าจะรับงานสังหาร นายอธิวัฒน์ แยกเป็น 2 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มมืออาชีพที่เคยก่อคดีมาอย่างโชกโชน และกลุ่มมือปืนรุ่นใหม่อายุระหว่าง 25-30 ปี โดยทั้งสองกลุ่มมีผู้บงการคนเดียวกัน และความใกล้ชิดกับลูกของนักการเมืองท้องถิ่นชื่อดังในทางสืบสวนถือว่า คดีคืบหน้าไปมากแล้ว แต่ในทางสอบสวนยังขาดพยานหลักฐานเชื่อมโยงบางอย่าง
“นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังได้รายงานกลุ่มผู้มีอิทธิพล ทั้งนักการเมืองท้องถิ่น ผู้นำท้องถิ่น กลุ่มนายทุนการพนันที่ส่องสุมมือปืน รวมทั้งตัวมือปืนในสังกัดอย่างละเอียด เพื่อนำไปสู่การปราบปรามอย่างจริงจังต่อไป”
พล.ต.อ.ปรุง บุญผดุง รอง ผบ.ตร.เปิดเผยว่า จากรายงานพบว่า คดีสังหาร นายอธิวัฒน์ มีความคืบหน้าเป็นที่น่าพอใจและมีแนวทางที่จะคืบหน้าไปมากกว่านี้ แม้จะมีปัญหาและอุปสรรคอยู่บ้าง แต่คงจะแก้ปัญหาต่างๆ ได้ซึ่งตนยอมรับว่า คดีนี้การหาพยานหลักฐานค่อนข้างยาก แต่เรานำเอาหลักฐานทางนิติวิทยา และกองวิทยาการเข้ามาช่วยทำให้ทุกอย่างค่อนข้างชัดเจนมากขึ้น
สำหรับสาเหตุ บางส่วนเป็นที่รับรู้กันอยู่แล้ว แต่ในรายละเอียดตนไม่ขอเปิดเผยเกรงจะกระทบต่อรูปคดีทำให้คนร้ายไหวตัวทัน แต่ขอให้มั่นใจว่า ตำรวจทำงานกันอย่างเต็มที่และทำงานกัน 3 ระดับ คือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภาค 8 และตำรวจจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยประสานงานและประชุมสรุปความคืบหน้ากันทุกวัน และจะเร่งทำงานกันอย่างต่อเนื่อง
รอง ผบ.ตร.กล่าวอีกว่าสำหรับระยะเวลาในการกำหนดว่าจะมีการออกหมายจับคนร้ายหรือจับกุมคนร้ายนั้น ตนไม่ขอกำหนดระยะเวลาแต่มั่นใจว่า จะติดตามจับกุมมือปืนและผู้การได้แน่ นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะให้จังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นจังหวัดนำร่องในโครงการ "ไกล่เกลี่ยกรณีพิพาทเชิงสมานฉันท์" เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทะเลาะวิวาทจนนำไปสู่คดีที่เกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย โดยให้ตำรวจนครศรีธรรมราช จัดทำบัญชีผู้มีอิทธิพลและมือปืนทั้งหมดไว้ จากนั้นจะใช้ทุกวิธีการในการกดดันปราบปรามอย่างต่อเนื่องและจริงจัง
ส่วนมือปืนจากต่างพื้นที่ที่เข้าออกในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ตำรวจภาค 8 ก็จะจัดทำบัญชีผู้มีอิทธิพลและมือปืนของแต่ละจังหวัดไว้อีกชั้นหนึ่ง และจะติดตามความเคลื่อนไหวพร้อมประสานกับแต่ละจังหวัดอย่างใกล้ชิดเช่นกัน
ทางด้าน พ.ต.ท.เชาวศิลป์ บุญประดิษฐ์ หัวหน้าศูนย์สืบสวน บก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ผู้บังคับบัญชาได้ให้ความสำคัญกับคดีนี้มากรวมทั้งความปลอดภัยของครอบครัวนายอธิวัฒน์ โดยมีหนังสือพิมพ์บางฉบับ ลงข่าวว่าภรรยาและลูกๆ ของนายอธิวัฒน์ ไม่มั่นใจในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินนั้นคงเป็นการเข้าใจผิด
ในความเป็นจริงตั้งแต่วันเกิดเหตุเราจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปประจำในพื้นที่มาตลอด โดยได้มอบหมายให้ ด.ต.พงศ์พีระ ยอดระบำ สังกัดศูนย์สืบสวน บก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช มือปืนเหรียญทอง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นตำรวจแม่นปืนอันดับ 1 ของ ภาค 8 พร้อมตำรวจรวม 6 คน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปคุ้มครองดูแล เรื่องความปลอดภัย ที่บ้านของนายอธิวัฒน์ รวมทั้งเส้นทางเข้าออกอย่างต่อเนื่องและใกล้ชิด จึงขอให้มั่นใจว่าตำรวจจะให้การดูแลลูกเมียของนายอธิวัฒน์อย่างดีที่สุด
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีญาติๆ ของ นายกิตติพล จัตุรงค์ หรือ “นายกเคว็ด” อดีตนายก อบต.ปากนคร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ที่ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มจนเสียชีวิตอย่างอุกอาจหน้าร้านกาแฟ ริมถนนสายนางพระยา-บางกระบือ ในท้องที่หมู่ 3 ต.ปากนคร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เสียชีวิตท่ามกลางสายตาประชาชนจำนวนมาก เมื่อเวลา 07.45 น.วันที่ 28 เมษายน 2551 พร้อมชาวบ้านจาก ต.ปานคร ประมาณ 30 คน นำโดยนายสมหมาย จัตุรงค์ น้องชายของนายกิตติพล ผู้ตาย เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมในคดีนี้กับ พล.ต.อ.ปรุง บุญผดุง รอง ผบ.ตร.ปป.2 ในโอกาสที่ พล.ต.อ.ปรุง เดินทางมาติดตามความคืบหน้าในคดีคนร้ายสังหาร นายอธิวัฒน์ ไชยนุรัตน์ นักข่าวมติชน ประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช
ญาติรายหนึ่งของ นายจตุรงค์ เปิดเผยว่า เชื่อว่ากลุ่มที่บงการสังหารนายจตุรงค์นั้นจะเป็นกลุ่มเดียวกับที่สังหาร นายอธิวัฒน์ ไชยนุรัตน์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์มติชนจังหวัดนครศรีธรรมราช
นายสมหมาย จตุรงค์ กล่าวว่า คดีสังหาร นายกิตติพล หรือ นายเคว็ด เกี่ยวข้องกับอิทธิพลในพื้นที่หรือกลุ่มคนมีสี ทำให้ตำรวจพื้นที่ไม่มีการสอบสวนดำเนินการใดๆ และคดีนี้เกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราชเพียงไม่กี่วัน ซึ่งเป็นคดีที่อุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญเป็นอย่างมาก คนร้ายปฏิบัติการสังหารต่อหน้าประชาชนจำนวนมากเหมือนบ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแป
“คดีสังหารนายกเคว็ดผ่านมาจนถึงวันนี้ครบ 100 วันพอดี แต่ที่ผ่านมาตำรวจไม่เคยเรียกญาติพี่น้องหรือคนที่เห็นเหตุการณ์มาสอบปากคำแม้แต่คนเดียว ไม่มีการเรียกพยานมาสเกตซ์ภาพมือปืนหรือดูรูปมือปืนในบัญชีของตำรวจทั้งๆ ที่พยานหลายคนสามารถจำหน้ามือปืนได้อย่างแม่นยำ ซึ่งคดีในลักษณะเดียวกันนี้ได้เกิดขึ้นในพื้นที่หลายครั้งแต่ตำรวจไม่สามารถจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้เลย หากตำรวจปล่อยให้อิทธิพลและกลุ่มมือปืนลอยนวลอย่างนี้จะทำให้กลุ่มอิทธิพลและมือปืนเหิมเกริมก่อเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อย และภาพลักษณ์ของจังหวัดนครศรีธรรมราชอย่างรุนแรงแน่นอน”
ในขณะที่ พล.ต.อ.ปรุง บุญผดุง กล่าวว่า ตนจะติดตามดูแลคดีนี้ให้ดีที่สุด โดยจะกำชับตำรวจให้เร่งสอบสวนสืบสวนและสรุปสำนวนคดีเพื่อนำไปสู่การเสนอขอหมายจับกุมมือปืนและผู้บงการต่อไป โดยจะให้ทาง พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ รายงานความคืบหน้าของคดีนี้ให้ทราบอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง
กรณีคนร้ายบุกเข้าไปสังหาร นายอธิวัฒน์ หรือ แวว ไชยนุรัตน์ อายุ 48 ปี ผู้สื่อข่าวมติชน ประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช เสียชีวิตภายในห้องครัว ขณะที่กำลังเตรียมกับข้าวให้กับลูกเมียที่กำลังเดินทางกลับบ้าน อย่างโหดเหี้ยม เหตุเกิดเมื่อช่วงคืนวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยคดีนี้ได้รับความสนจากองค์กรสื่อทั้งในและต่างประเทศอย่างกว้างขวาง เพราะถือเป็นการคุกคามสื่ออย่างรุนแรงมากที่สุดในรอบ 20 ปี และทางญาติๆ ได้เก็บศพเอาไว้ไม่ยอมเผาจนกว่าตำรวจจะสามารถจับกุมมือปืนและผู้บงการมาดำเนินคดีได้ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าวันนี้ (11 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในทางการติดตามคดี แหล่งข่าวทางด้านชุดสืบสวนคลี่คลายคดีเปิดเผยว่า จากการติดตามพบว่า กลุ่มเครือข่ายบุตรชายนักการเมืองใหญ่รายหนึ่ง อยู่ในสภาวะร้อนรน หลังจากที่การสืบสวนเข้าใกล้มากขึ้นตามลำดับ
เจ้าหน้าที่ได้จำกัดกลุ่มมือปืนที่ก่อเหตุไว้จำนวน 3 สาย คือ สายมาจากโซนอำเภอพิปูน สายจากโซนอำเภอร่อนพิบูลย์ จุฬาภรณ์ พระพรหม และสายสุดท้าย คือ สายที่มาจาก อำเภอเมือง โดยทั้งสามสายนั้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจากทั้งส่วนกลางและจาก บช.ภ.8 กำลังสืบสวนอย่างใกล้ชิด ซึ่งทั้งสามสายล้วนแต่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มบุตรชายนักการเมืองเป็นอย่างดี
ในทางเปิดเผย การเร่งรัดคลี่คลายคดี ล่าสุด พล.ต.อ.ปรุง บุญผดุง รอง ผบ.ตร. พร้อมคณะ ประกอบด้วย พล.ต.ต.อรรถชัย เกิดมงคล รอง ผบช.ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.มงคล หรุ่นเริงใจ ผบก.ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ พ.ต.อ.สิทธิโรจน์ วรรณปิติวัฒน์ นายเวร รอง ผบ.ตร.ได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าของคดี โดยมี พล.ต.ท.ธานี ทวิชศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 8 พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช พ.ต.อ.ญาณพัฒน์ นรสิงห์ ผกก.สภ.เมือง และได้เรียกประชุมชุดสอบสวนสืบสวนทั้งหมดที่ร่วมติดตามคดีนี้ ใช้เวลาในการประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง
รายงานข่าวแจ้งว่า ในที่ประชุมได้มีการกำหนดสาเหตุและกลุ่มบุคคลที่เป็นมือปืน รวมทั้งตัวผู้บงการที่ค่อนข้างชัดเจน มีการจำลองเหตุการณ์ และเส้นทางหลบหนีอย่างละเอียดโดย เฉพาะมือปืนที่อยู่ในข่ายสงสัย ว่าจะรับงานสังหาร นายอธิวัฒน์ แยกเป็น 2 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มมืออาชีพที่เคยก่อคดีมาอย่างโชกโชน และกลุ่มมือปืนรุ่นใหม่อายุระหว่าง 25-30 ปี โดยทั้งสองกลุ่มมีผู้บงการคนเดียวกัน และความใกล้ชิดกับลูกของนักการเมืองท้องถิ่นชื่อดังในทางสืบสวนถือว่า คดีคืบหน้าไปมากแล้ว แต่ในทางสอบสวนยังขาดพยานหลักฐานเชื่อมโยงบางอย่าง
“นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังได้รายงานกลุ่มผู้มีอิทธิพล ทั้งนักการเมืองท้องถิ่น ผู้นำท้องถิ่น กลุ่มนายทุนการพนันที่ส่องสุมมือปืน รวมทั้งตัวมือปืนในสังกัดอย่างละเอียด เพื่อนำไปสู่การปราบปรามอย่างจริงจังต่อไป”
พล.ต.อ.ปรุง บุญผดุง รอง ผบ.ตร.เปิดเผยว่า จากรายงานพบว่า คดีสังหาร นายอธิวัฒน์ มีความคืบหน้าเป็นที่น่าพอใจและมีแนวทางที่จะคืบหน้าไปมากกว่านี้ แม้จะมีปัญหาและอุปสรรคอยู่บ้าง แต่คงจะแก้ปัญหาต่างๆ ได้ซึ่งตนยอมรับว่า คดีนี้การหาพยานหลักฐานค่อนข้างยาก แต่เรานำเอาหลักฐานทางนิติวิทยา และกองวิทยาการเข้ามาช่วยทำให้ทุกอย่างค่อนข้างชัดเจนมากขึ้น
สำหรับสาเหตุ บางส่วนเป็นที่รับรู้กันอยู่แล้ว แต่ในรายละเอียดตนไม่ขอเปิดเผยเกรงจะกระทบต่อรูปคดีทำให้คนร้ายไหวตัวทัน แต่ขอให้มั่นใจว่า ตำรวจทำงานกันอย่างเต็มที่และทำงานกัน 3 ระดับ คือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภาค 8 และตำรวจจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยประสานงานและประชุมสรุปความคืบหน้ากันทุกวัน และจะเร่งทำงานกันอย่างต่อเนื่อง
รอง ผบ.ตร.กล่าวอีกว่าสำหรับระยะเวลาในการกำหนดว่าจะมีการออกหมายจับคนร้ายหรือจับกุมคนร้ายนั้น ตนไม่ขอกำหนดระยะเวลาแต่มั่นใจว่า จะติดตามจับกุมมือปืนและผู้การได้แน่ นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะให้จังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นจังหวัดนำร่องในโครงการ "ไกล่เกลี่ยกรณีพิพาทเชิงสมานฉันท์" เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทะเลาะวิวาทจนนำไปสู่คดีที่เกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย โดยให้ตำรวจนครศรีธรรมราช จัดทำบัญชีผู้มีอิทธิพลและมือปืนทั้งหมดไว้ จากนั้นจะใช้ทุกวิธีการในการกดดันปราบปรามอย่างต่อเนื่องและจริงจัง
ส่วนมือปืนจากต่างพื้นที่ที่เข้าออกในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ตำรวจภาค 8 ก็จะจัดทำบัญชีผู้มีอิทธิพลและมือปืนของแต่ละจังหวัดไว้อีกชั้นหนึ่ง และจะติดตามความเคลื่อนไหวพร้อมประสานกับแต่ละจังหวัดอย่างใกล้ชิดเช่นกัน
ทางด้าน พ.ต.ท.เชาวศิลป์ บุญประดิษฐ์ หัวหน้าศูนย์สืบสวน บก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ผู้บังคับบัญชาได้ให้ความสำคัญกับคดีนี้มากรวมทั้งความปลอดภัยของครอบครัวนายอธิวัฒน์ โดยมีหนังสือพิมพ์บางฉบับ ลงข่าวว่าภรรยาและลูกๆ ของนายอธิวัฒน์ ไม่มั่นใจในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินนั้นคงเป็นการเข้าใจผิด
ในความเป็นจริงตั้งแต่วันเกิดเหตุเราจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปประจำในพื้นที่มาตลอด โดยได้มอบหมายให้ ด.ต.พงศ์พีระ ยอดระบำ สังกัดศูนย์สืบสวน บก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช มือปืนเหรียญทอง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นตำรวจแม่นปืนอันดับ 1 ของ ภาค 8 พร้อมตำรวจรวม 6 คน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปคุ้มครองดูแล เรื่องความปลอดภัย ที่บ้านของนายอธิวัฒน์ รวมทั้งเส้นทางเข้าออกอย่างต่อเนื่องและใกล้ชิด จึงขอให้มั่นใจว่าตำรวจจะให้การดูแลลูกเมียของนายอธิวัฒน์อย่างดีที่สุด
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีญาติๆ ของ นายกิตติพล จัตุรงค์ หรือ “นายกเคว็ด” อดีตนายก อบต.ปากนคร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ที่ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มจนเสียชีวิตอย่างอุกอาจหน้าร้านกาแฟ ริมถนนสายนางพระยา-บางกระบือ ในท้องที่หมู่ 3 ต.ปากนคร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เสียชีวิตท่ามกลางสายตาประชาชนจำนวนมาก เมื่อเวลา 07.45 น.วันที่ 28 เมษายน 2551 พร้อมชาวบ้านจาก ต.ปานคร ประมาณ 30 คน นำโดยนายสมหมาย จัตุรงค์ น้องชายของนายกิตติพล ผู้ตาย เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมในคดีนี้กับ พล.ต.อ.ปรุง บุญผดุง รอง ผบ.ตร.ปป.2 ในโอกาสที่ พล.ต.อ.ปรุง เดินทางมาติดตามความคืบหน้าในคดีคนร้ายสังหาร นายอธิวัฒน์ ไชยนุรัตน์ นักข่าวมติชน ประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช
ญาติรายหนึ่งของ นายจตุรงค์ เปิดเผยว่า เชื่อว่ากลุ่มที่บงการสังหารนายจตุรงค์นั้นจะเป็นกลุ่มเดียวกับที่สังหาร นายอธิวัฒน์ ไชยนุรัตน์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์มติชนจังหวัดนครศรีธรรมราช
นายสมหมาย จตุรงค์ กล่าวว่า คดีสังหาร นายกิตติพล หรือ นายเคว็ด เกี่ยวข้องกับอิทธิพลในพื้นที่หรือกลุ่มคนมีสี ทำให้ตำรวจพื้นที่ไม่มีการสอบสวนดำเนินการใดๆ และคดีนี้เกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราชเพียงไม่กี่วัน ซึ่งเป็นคดีที่อุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญเป็นอย่างมาก คนร้ายปฏิบัติการสังหารต่อหน้าประชาชนจำนวนมากเหมือนบ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแป
“คดีสังหารนายกเคว็ดผ่านมาจนถึงวันนี้ครบ 100 วันพอดี แต่ที่ผ่านมาตำรวจไม่เคยเรียกญาติพี่น้องหรือคนที่เห็นเหตุการณ์มาสอบปากคำแม้แต่คนเดียว ไม่มีการเรียกพยานมาสเกตซ์ภาพมือปืนหรือดูรูปมือปืนในบัญชีของตำรวจทั้งๆ ที่พยานหลายคนสามารถจำหน้ามือปืนได้อย่างแม่นยำ ซึ่งคดีในลักษณะเดียวกันนี้ได้เกิดขึ้นในพื้นที่หลายครั้งแต่ตำรวจไม่สามารถจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้เลย หากตำรวจปล่อยให้อิทธิพลและกลุ่มมือปืนลอยนวลอย่างนี้จะทำให้กลุ่มอิทธิพลและมือปืนเหิมเกริมก่อเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อย และภาพลักษณ์ของจังหวัดนครศรีธรรมราชอย่างรุนแรงแน่นอน”
ในขณะที่ พล.ต.อ.ปรุง บุญผดุง กล่าวว่า ตนจะติดตามดูแลคดีนี้ให้ดีที่สุด โดยจะกำชับตำรวจให้เร่งสอบสวนสืบสวนและสรุปสำนวนคดีเพื่อนำไปสู่การเสนอขอหมายจับกุมมือปืนและผู้บงการต่อไป โดยจะให้ทาง พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ รายงานความคืบหน้าของคดีนี้ให้ทราบอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง