นครศรีธรรมราช - กรณีเหตุคนร้ายบุกยิงนักข่าว "มติชน" นครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่เปิดโลงยกศพผ่าอกพิสูจน์ซ้ำเอาหัวกระสุนเจาะหัวใจเผยเป็นวัตถุพยานชิ้นสำคัญ ด้านชมรมนักข่าวเมืองคอนรวมพลังยื่นหนังสือถึง "ผบ.ตร." เร่งคดี "ผช.ผบ.ตร." ลงพื้นที่ตามความคืบหน้า รุดตรวจจุดเกิดเหตุกลางดึกเผยเส้นทางมือปืน พร้อมเรียก "จ่า ตชด." ต้องสงสัยร่วมทีมฆ่าสอบโยงใยการเมืองท้องถิ่น
กรณีคนร้ายบุกเข้าไปสังหารนายอธิวัฒน์ หรือแวว ไชยนุรัตน์ อายุ 48 ปี ผู้สื่อข่าวมติชน ประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช เสียชีวิตภายในห้องครัวขณะที่กำลังเตรียมกับข้าวให้กับครอบครัวที่กำลังเดินทางกลับบ้านอย่างโหดเหี้ยม เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยตำรวจตั้งประเด็นการสอบสวนสาเหตุการสังหารไว้ 2 - 3 ประเด็น
โดยเฉพาะเรื่องสารขุดคุ้ยและเสนอข่าวความไม่โปร่งใสในการเลือกตั้งและบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและเรื่องการนำเสนอข่าวกรณีตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่บุกจับมือปืนฆ่ากำนันใน จ.กระบี่ ที่มากบดานซ่อนตัวที่บ้านข้าราชการระดับสูงคนหนึ่ง จนทำให้ข้าราชการระดับสูงไม่พอใจเป็นอย่างมาก รวมทั้งมีการบุกเข้าค้นบ้านลูกชายนักการเมืองใหญ่ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อวานนี้ (4 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การสังหารนายอธิวัฒน์ ได้กลายเป็นประเด็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางของย่านสภากาแฟต่างๆ และมีการวิพากษ์ถึงกลุ่มผู้ก่อเหตุไปต่างๆ นานา ในขณะที่ผู้สื่อข่าวยังอยู่ในอาการหวาดผวาอย่างหนัก บางคนถึงกับไม่กล้าออกไปทำข่าวตามปกติ
ส่วนบรรยากาศในงานศพเมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมายังคงมีข้าราชการ นักการเมืองและเพื่อนผู้สื่อข่าวจากจังหวัดต่างๆ รวมทั้งตัวแทนองค์กรสื่อต่างประเทศและกลุ่มเอ็นจีโอ เดินทางไปวางพวงหรีดเคารพศพอย่างต่อเนื่อง โดยในตอนเย็นวันเดียวกัน ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน พร้อมคณะเดินทางไปวางพวงหรีดเคารพศพด้วยและในการสวดพระอภิธรรมศพ ในคืนที่ผ่านมามีนายวิชม ทองสงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมกับชมรมนักข่าวนครศรีธรรมราชเป็นเจ้าภาพ โดยมีนายชำนิ ศักดิ์เศรษฐ์ ส.ส.ระบบสัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ อดีต รมช.มหาดไทย นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมในพิธี
นายวิชม ทองสงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า การสังหารนายอธิวัฒน์ ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่กระทบต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดเป็นอย่างมากและถือเป็นการคุกคามเสรีภาพสื่อมวลชนที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่ง ตนได้ประสานและกำชับไปยังตำรวจให้ทำงานกันอย่างเต็มที่เพื่อนำตัวผู้บงการและมือปืนมาลงโทษให้ได้ และคาดว่าอีก 2-3 วันจะมีความชัดเจนในคดีนี้มากขึ้น
ต่อมา พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช เดินทางไปพบนางพรพิมล ไชยนุรัตน์ และญาติสนิทของนายอธิวัฒน์ เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมกับเดินทางเข้าตรวจสอบห้องครัวที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยนางพรพิมล ได้ให้ข้อมูลลับบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับข้าราชการตำรวจตระเวนชายแดนคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ในข่ายต้องสงสัยว่าจะรู้เห็นหรือร่วมทีมสังหาร
หลังจากนั้น พล.ต.ต.กระจ่าง เปิดเผยว่าจะให้ทางเจ้าหน้าที่กองวิทยาการเดินทางมาตรวจสอบและเก็บรายละเอียดในที่เกิดเหตุอีกครั้ง โดยต้องตรวจสอบอย่างละเอียดทุกอย่าง ทั้งร่องรอยต่างๆ และวิถีกระสุน ซึ่งในการตรวจสอบครั้งนี้สามารถนำไปสู่การสันนิษฐานรูปร่างของมือปืนได้
ส่วนกรณีของตำรวจตระเวนชายแดนรายนี้นั้นทางตำรวจชุดสืบสวนได้ข้อมูลมาก่อนแล้วและกำลังติดตามความเคลื่อนไหวของ ตชด.คนดังกล่าวอย่างใกล้ชิ และตนจะทำหนังสือถึงผู้บังคับบัญชาของตำรวจตระเวนชายแดนคนดังกล่าวเพื่อจะเรียกตัวมาสอบสวนปากคำอย่างละเอียดต่อไป
โดยในตอนเช้าของวานนี้ (4 ส.ค.) ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช พล.ต.ท.ชาตรี สุนทรศร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมายัง บก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช และเรียก พล.ต.ต.สัณฐาน ชยานน์ รอง ผบช.ภาค 8 พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช และชุดสอบสวนสืบสวนทั้งหมดเข้ารายงานรายละเอียดและความคืบหน้า พร้อมร่วมประชุมกำชับให้เร่งคลี่คลายคดีนำไปสู่การจับกุมคนร้ายและผู้บงการให้ได้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
"ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและรัฐบาลให้ความสำคัญและสนใจคดีนี้เป็นพิเศษ จึงมอบหมายให้ผมเดินทางมาติดตามความคืบหน้าของคดี เท่าที่ได้รับรายงานคดีคืบหน้าไปในระดับหนึ่ง โดยมีประเด็นที่ตำรวจพุ่งเป้าสอบสวนหลายประเด็นโดยเฉพาะเรื่องการเมืองท้องถิ่นและความขัดแย้งกับข้าราชการระดับสูงสังกัดกระทรวงมหาดไทยในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชขอให้ตำรวจทำงานอีกระยะคงจะมีความชัดเจนมากขึ้น ส่วนการจับกุมมือปืนและผู้บงการนั้นขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน อย่างไรก็ตาม ตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ในทุกระดับทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และตำรวจในพื้นที่ หากพยานหลักฐานสาวโยงไปถึงใครจะเสนอขอหมายจับทั้งหมด" ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกล่าว
ส่วนที่โรงแรมทวินโลตัส ถนนพัฒนาการคูขวาง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ เลขาธิการสมาคมนักข่าวหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นายทวีศักดิ์ บุตรตัน ผู้ช่วยบรรณาธิการข่าวหนังสือพิมพ์มติชน นายไพฑูรย์ อินทศิลา ประธานชมรมนักข่าวจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยนักข่าวในจังหวัดนครศรีธรรมราช กว่า 20 คนได้ร่วมประชุมเพื่อหามาตรการในการเร่งรัดคดีสังหารนายอธิวัฒน์
โดยทางสมาคมนักข่าวหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยฯ กองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์มติชน และชมรมนักข่าวนครศรีธรรมราชและสมาคมนักข่าวหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย ได้ทำหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่ชาติ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช โดยได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ ที่กองบังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช และยื่นหนังสือดังกล่าวผ่านไปยังกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
หลังรับหนังสือร้องเรียน พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ กล่าวว่า ในขณะนี้ผู้บังคับบัญชาให้ความสนใจและสั่งกำชับในคดีนี้เป็นพิเศษ มีการส่งตำรวจมือดีมาช่วยคลี่คลายคดีทั้งที่มาอย่างเปิดเผยและทางลับ เพราะถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากเพราะเราต้องให้ความสำคัญกับคนที่เอาข้อมูลหรือความเป็นธรรมมาเปิดเผยในสังคมหากคนที่ทำหน้าที่อย่างนี้แล้วไม่ได้รับความเป็นธรรมต่อไปคงไม่มีใครกล้าทำหน้าที่อย่างนายอธิวัฒน์ ผลเสียจะตกกับประเทศชาติและประชาชน ตนจึงอยากฝากเพื่อนนักข่าวและประชาชนทั่วไปหากใครมีข้อมูลเบาะแสไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตามหรือเรื่องเล็กน้อยที่เราคาดไม่ถึงอาจจะเป็นสาเหตุการสังหารที่แท้จริงก็ได้ จึงก็ขอให้แจ้งมูลกับตำรวจ
"สำหรับการสรุปสาเหตุการสังหารนายอธิวัฒน์ นั้น 70 เปอร์เซนต์มาจากเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ โดยเรื่องอื่นๆ เราก็สอบสวนไปพร้อมๆ กันทุกเรื่อง โดยตำรวจจะแยกกันออกสอบสวนสืบสวนในแต่ละประเด็นอย่างละเอียดและคืบหน้าไปอย่างน่าพอใจ แต่ตนไม่ขอพูดในรายละเอียดเกรงจะเสียรูปคดี
อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจจำเป็นต้องขอศพนายอธิวัฒน์ ผู้ตายไปให้แพทย์ รพ.มหาราช ทำการผ่าตัดนำหัวกระสุนที่อยู่บริเวณใกล้กับหัวใจและถือเป็นหัวกระสุนที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ออกจากศพของนายอธิวัฒน์ โดยถือว่าเป็นวัตถุพยานที่สำคัญชิ้นหนึ่งของคดีนี้ เพราะในคืนเกิดเหตุแพทย์ไม่ยอมผ่าให้อ้างว่าหัวกระสุนหัวดังกล่าวอยู่ลึก"
ต่อมาเวลา 13.30 น.ของวานนี้ พ.ต.อ.ญาณพัฒน์ นรสิงห์ ผกก.สภ.เมือง พร้อมด้วย พ.ต.ท.สำเริง ชูกะนันท์ และพ.ต.ท.สุพจน์ คงนาลึก สวส.และ ร.ต.ท.มนตรี วรรณคง พนักงานสอบสวน ได้เดินทางไปสอบสวนปากคำนางพรพิมล หรือแป้น ไชยนุรัตน์ ภรรยาของนายอธิวัฒน์ รวมทั้งญาติๆ ของนายอธิวัฒน์ เพิ่มเติมอีกครั้ง จากนั้นจึงขออนุญาตให้เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยไต้เต็กตึ้งยกหีบศพไปยัง รพ.มหาราช เพื่อทำการผ่าเอาหัวกระสุน ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการทำงานของตำรวจอย่างกว้างขวาง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะนี้การสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุการสังหารนายอธิวัฒน์ นั้นตำรวจได้แยกการทำงานออกเป็น 4 ชุดๆ แรกสอบสวนสืบสวนในประเด็นนายอธิวัฒน์ นำเสนอข่าวการเลือกตั้งท้องถิ่นระดับใหญ่ของนครศรีธรรมราชอย่างล้วงลึกและต่อเนื่อง ชุดที่ 2 ประเด็นขัดแย้งกับข้าราชการระดับสูงคนหนึ่ง ชุดที่ 3 ประเด็นคดีที่นายอธิวัฒน์ เป็นผู้เสียหายฟ้องดำเนินคดีกับอาจารย์คนหนึ่งจนอาจารย์คนดังกล่าวถูกศาลสั่งจำคุก 9 ปี อยู่ระหว่างการประกันตัวสู้คดีชั้นศาลอุทธรณ์ และชุดสุดท้ายสอบสวนในประเด็นเรื่องส่วนตัวอื่นๆ
โดยในประเด็นการเมืองท้องถิ่นตำรวจได้ตีวงแคบลงมาจนได้มีการกำหนดบุคคลผู้ต้องหาสงสัยและรถจักรยานยนต์ของคนร้ายค่อนข้างชัดเจนแล้ว แต่ยังขาดพยานหลักฐานเชื่อมโยงที่สำคัญบางอย่าง จึงต้องยกศพนายอธิวัฒน์ ไปผ่าเอาหัวกระสุน เพราะตำรวจมั่นใจว่าหัวกระสุนในร่างของนายอธิวัฒน์ น่าจะเป็นวัตถุพยานสำคัญที่นำไปสู่การออกหมายจับทีมสังหาร
โดยในประเด็นนี้ทีมมือปืนมี ตชด.คนหนึ่งร่วมทีมด้วย ก่อนลงมือปฏิบัติการได้มีการวางแผนอย่างแยบยลโดย ตชด.คนดังกล่าวซึ่งรู้จักกับนายอธิวัฒน์ ผู้ตายได้เดินทางมาหานายอธิวัฒน์ เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2551 อ้างว่ามาขอดูพันธ์ไม้ที่ปลูกรอบๆ บ้านนายอธิวัฒน์ โดยเดินดูรอบๆ บ้านนายอธิวัฒน์อย่างละเอียด
จากนั้นได้นัดกับนายอธิวัฒน์ ว่าจะมาเอาพันธุ์ไม้ในวันอาทิตย์ที่ 27 ก.ค.51 หลังจากวันนั้นทุกคืนจะมีสุนัขเห่ารอบๆ บ้านของนายอธิวัฒน์ อย่างผิดปกติทุกคืน จนกระทั้งในคืนเกิดเหตุก็มีสุนัขเห่าอย่างผิดปกติเช่นกันจนกระทั้งได้ยินเสียงปืน 4 นัด สุนัขจึงหยุดเห่าไปสัก 2 - 3 นาที
หลังจากนั้นสุนัขที่บ้านของเพื่อนบ้านอยู่ห่างออกไปเกือบ 100 เมตรก็เห่ากรรโชกอย่างรุนแรง และมีเสียงรถจักรยานยนต์ 2 คันขับออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงเชิงสะพานวัดหนองบัวก็มีการยิงปืนขึ้นฟ้าอีก 1 นัด ตำรวจสันนิษฐานว่า ตชด.คนดังกล่าวมาดูลาดเลาทางหนีทีไล่ และอาจจะร่วมทีมสังหารโดยเป็น 1 ใน 4 ของคนร้ายด้วย โดยคนร้ายขับรถจักรยานยนต์มาจอดริมถนนใกล้กับบ้านเพื่อนบ้านที่ห่างจากบ้านนายอธิวัฒน์ เกือบ 100 เมตร
จากนั้นก็เดินลัดตัดป่าละเมาะมาแอบซุ่มอยู่หลังบ้านนายอธิวัฒน์ และรอจนนายอธิวัฒน์ เดินออกจากบ้านมายังห้องครัวที่ปลูกแยกออกมาจากตัวบ้านเล็กน้อย มือปืนจึงบุกเข้าไปรัวยิงนายอธิวัฒน์ จนเสียชีวิตคาห้องครัว จากนั้นมือปืนจึงวิ่งลัดป่าละเมาะไปยังจุดที่เพื่อนจอดรออยู่ ก่อนพากันขับรถจักรยานยนต์หลบหนีและมีการยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อแก้เคล็ดเปิดทางหนี
สำหรับรถจักรยานยนต์คาดว่าเป็นรุ่นใหม่ระบบอัตโนมัติสตาร์ทมือ เสียงดังเบาๆ และทันทีที่เครื่องติดรถจักรยานยนต์ทั้งสองคันก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
กรณีคนร้ายบุกเข้าไปสังหารนายอธิวัฒน์ หรือแวว ไชยนุรัตน์ อายุ 48 ปี ผู้สื่อข่าวมติชน ประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช เสียชีวิตภายในห้องครัวขณะที่กำลังเตรียมกับข้าวให้กับครอบครัวที่กำลังเดินทางกลับบ้านอย่างโหดเหี้ยม เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยตำรวจตั้งประเด็นการสอบสวนสาเหตุการสังหารไว้ 2 - 3 ประเด็น
โดยเฉพาะเรื่องสารขุดคุ้ยและเสนอข่าวความไม่โปร่งใสในการเลือกตั้งและบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและเรื่องการนำเสนอข่าวกรณีตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่บุกจับมือปืนฆ่ากำนันใน จ.กระบี่ ที่มากบดานซ่อนตัวที่บ้านข้าราชการระดับสูงคนหนึ่ง จนทำให้ข้าราชการระดับสูงไม่พอใจเป็นอย่างมาก รวมทั้งมีการบุกเข้าค้นบ้านลูกชายนักการเมืองใหญ่ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อวานนี้ (4 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การสังหารนายอธิวัฒน์ ได้กลายเป็นประเด็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางของย่านสภากาแฟต่างๆ และมีการวิพากษ์ถึงกลุ่มผู้ก่อเหตุไปต่างๆ นานา ในขณะที่ผู้สื่อข่าวยังอยู่ในอาการหวาดผวาอย่างหนัก บางคนถึงกับไม่กล้าออกไปทำข่าวตามปกติ
ส่วนบรรยากาศในงานศพเมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมายังคงมีข้าราชการ นักการเมืองและเพื่อนผู้สื่อข่าวจากจังหวัดต่างๆ รวมทั้งตัวแทนองค์กรสื่อต่างประเทศและกลุ่มเอ็นจีโอ เดินทางไปวางพวงหรีดเคารพศพอย่างต่อเนื่อง โดยในตอนเย็นวันเดียวกัน ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน พร้อมคณะเดินทางไปวางพวงหรีดเคารพศพด้วยและในการสวดพระอภิธรรมศพ ในคืนที่ผ่านมามีนายวิชม ทองสงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมกับชมรมนักข่าวนครศรีธรรมราชเป็นเจ้าภาพ โดยมีนายชำนิ ศักดิ์เศรษฐ์ ส.ส.ระบบสัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ อดีต รมช.มหาดไทย นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมในพิธี
นายวิชม ทองสงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า การสังหารนายอธิวัฒน์ ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่กระทบต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดเป็นอย่างมากและถือเป็นการคุกคามเสรีภาพสื่อมวลชนที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่ง ตนได้ประสานและกำชับไปยังตำรวจให้ทำงานกันอย่างเต็มที่เพื่อนำตัวผู้บงการและมือปืนมาลงโทษให้ได้ และคาดว่าอีก 2-3 วันจะมีความชัดเจนในคดีนี้มากขึ้น
ต่อมา พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช เดินทางไปพบนางพรพิมล ไชยนุรัตน์ และญาติสนิทของนายอธิวัฒน์ เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมกับเดินทางเข้าตรวจสอบห้องครัวที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยนางพรพิมล ได้ให้ข้อมูลลับบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับข้าราชการตำรวจตระเวนชายแดนคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ในข่ายต้องสงสัยว่าจะรู้เห็นหรือร่วมทีมสังหาร
หลังจากนั้น พล.ต.ต.กระจ่าง เปิดเผยว่าจะให้ทางเจ้าหน้าที่กองวิทยาการเดินทางมาตรวจสอบและเก็บรายละเอียดในที่เกิดเหตุอีกครั้ง โดยต้องตรวจสอบอย่างละเอียดทุกอย่าง ทั้งร่องรอยต่างๆ และวิถีกระสุน ซึ่งในการตรวจสอบครั้งนี้สามารถนำไปสู่การสันนิษฐานรูปร่างของมือปืนได้
ส่วนกรณีของตำรวจตระเวนชายแดนรายนี้นั้นทางตำรวจชุดสืบสวนได้ข้อมูลมาก่อนแล้วและกำลังติดตามความเคลื่อนไหวของ ตชด.คนดังกล่าวอย่างใกล้ชิ และตนจะทำหนังสือถึงผู้บังคับบัญชาของตำรวจตระเวนชายแดนคนดังกล่าวเพื่อจะเรียกตัวมาสอบสวนปากคำอย่างละเอียดต่อไป
โดยในตอนเช้าของวานนี้ (4 ส.ค.) ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช พล.ต.ท.ชาตรี สุนทรศร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมายัง บก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช และเรียก พล.ต.ต.สัณฐาน ชยานน์ รอง ผบช.ภาค 8 พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช และชุดสอบสวนสืบสวนทั้งหมดเข้ารายงานรายละเอียดและความคืบหน้า พร้อมร่วมประชุมกำชับให้เร่งคลี่คลายคดีนำไปสู่การจับกุมคนร้ายและผู้บงการให้ได้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
"ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและรัฐบาลให้ความสำคัญและสนใจคดีนี้เป็นพิเศษ จึงมอบหมายให้ผมเดินทางมาติดตามความคืบหน้าของคดี เท่าที่ได้รับรายงานคดีคืบหน้าไปในระดับหนึ่ง โดยมีประเด็นที่ตำรวจพุ่งเป้าสอบสวนหลายประเด็นโดยเฉพาะเรื่องการเมืองท้องถิ่นและความขัดแย้งกับข้าราชการระดับสูงสังกัดกระทรวงมหาดไทยในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชขอให้ตำรวจทำงานอีกระยะคงจะมีความชัดเจนมากขึ้น ส่วนการจับกุมมือปืนและผู้บงการนั้นขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน อย่างไรก็ตาม ตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ในทุกระดับทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และตำรวจในพื้นที่ หากพยานหลักฐานสาวโยงไปถึงใครจะเสนอขอหมายจับทั้งหมด" ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกล่าว
ส่วนที่โรงแรมทวินโลตัส ถนนพัฒนาการคูขวาง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ เลขาธิการสมาคมนักข่าวหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นายทวีศักดิ์ บุตรตัน ผู้ช่วยบรรณาธิการข่าวหนังสือพิมพ์มติชน นายไพฑูรย์ อินทศิลา ประธานชมรมนักข่าวจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยนักข่าวในจังหวัดนครศรีธรรมราช กว่า 20 คนได้ร่วมประชุมเพื่อหามาตรการในการเร่งรัดคดีสังหารนายอธิวัฒน์
โดยทางสมาคมนักข่าวหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยฯ กองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์มติชน และชมรมนักข่าวนครศรีธรรมราชและสมาคมนักข่าวหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย ได้ทำหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่ชาติ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช โดยได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ ที่กองบังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช และยื่นหนังสือดังกล่าวผ่านไปยังกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
หลังรับหนังสือร้องเรียน พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ กล่าวว่า ในขณะนี้ผู้บังคับบัญชาให้ความสนใจและสั่งกำชับในคดีนี้เป็นพิเศษ มีการส่งตำรวจมือดีมาช่วยคลี่คลายคดีทั้งที่มาอย่างเปิดเผยและทางลับ เพราะถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากเพราะเราต้องให้ความสำคัญกับคนที่เอาข้อมูลหรือความเป็นธรรมมาเปิดเผยในสังคมหากคนที่ทำหน้าที่อย่างนี้แล้วไม่ได้รับความเป็นธรรมต่อไปคงไม่มีใครกล้าทำหน้าที่อย่างนายอธิวัฒน์ ผลเสียจะตกกับประเทศชาติและประชาชน ตนจึงอยากฝากเพื่อนนักข่าวและประชาชนทั่วไปหากใครมีข้อมูลเบาะแสไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตามหรือเรื่องเล็กน้อยที่เราคาดไม่ถึงอาจจะเป็นสาเหตุการสังหารที่แท้จริงก็ได้ จึงก็ขอให้แจ้งมูลกับตำรวจ
"สำหรับการสรุปสาเหตุการสังหารนายอธิวัฒน์ นั้น 70 เปอร์เซนต์มาจากเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ โดยเรื่องอื่นๆ เราก็สอบสวนไปพร้อมๆ กันทุกเรื่อง โดยตำรวจจะแยกกันออกสอบสวนสืบสวนในแต่ละประเด็นอย่างละเอียดและคืบหน้าไปอย่างน่าพอใจ แต่ตนไม่ขอพูดในรายละเอียดเกรงจะเสียรูปคดี
อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจจำเป็นต้องขอศพนายอธิวัฒน์ ผู้ตายไปให้แพทย์ รพ.มหาราช ทำการผ่าตัดนำหัวกระสุนที่อยู่บริเวณใกล้กับหัวใจและถือเป็นหัวกระสุนที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ออกจากศพของนายอธิวัฒน์ โดยถือว่าเป็นวัตถุพยานที่สำคัญชิ้นหนึ่งของคดีนี้ เพราะในคืนเกิดเหตุแพทย์ไม่ยอมผ่าให้อ้างว่าหัวกระสุนหัวดังกล่าวอยู่ลึก"
ต่อมาเวลา 13.30 น.ของวานนี้ พ.ต.อ.ญาณพัฒน์ นรสิงห์ ผกก.สภ.เมือง พร้อมด้วย พ.ต.ท.สำเริง ชูกะนันท์ และพ.ต.ท.สุพจน์ คงนาลึก สวส.และ ร.ต.ท.มนตรี วรรณคง พนักงานสอบสวน ได้เดินทางไปสอบสวนปากคำนางพรพิมล หรือแป้น ไชยนุรัตน์ ภรรยาของนายอธิวัฒน์ รวมทั้งญาติๆ ของนายอธิวัฒน์ เพิ่มเติมอีกครั้ง จากนั้นจึงขออนุญาตให้เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยไต้เต็กตึ้งยกหีบศพไปยัง รพ.มหาราช เพื่อทำการผ่าเอาหัวกระสุน ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการทำงานของตำรวจอย่างกว้างขวาง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะนี้การสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุการสังหารนายอธิวัฒน์ นั้นตำรวจได้แยกการทำงานออกเป็น 4 ชุดๆ แรกสอบสวนสืบสวนในประเด็นนายอธิวัฒน์ นำเสนอข่าวการเลือกตั้งท้องถิ่นระดับใหญ่ของนครศรีธรรมราชอย่างล้วงลึกและต่อเนื่อง ชุดที่ 2 ประเด็นขัดแย้งกับข้าราชการระดับสูงคนหนึ่ง ชุดที่ 3 ประเด็นคดีที่นายอธิวัฒน์ เป็นผู้เสียหายฟ้องดำเนินคดีกับอาจารย์คนหนึ่งจนอาจารย์คนดังกล่าวถูกศาลสั่งจำคุก 9 ปี อยู่ระหว่างการประกันตัวสู้คดีชั้นศาลอุทธรณ์ และชุดสุดท้ายสอบสวนในประเด็นเรื่องส่วนตัวอื่นๆ
โดยในประเด็นการเมืองท้องถิ่นตำรวจได้ตีวงแคบลงมาจนได้มีการกำหนดบุคคลผู้ต้องหาสงสัยและรถจักรยานยนต์ของคนร้ายค่อนข้างชัดเจนแล้ว แต่ยังขาดพยานหลักฐานเชื่อมโยงที่สำคัญบางอย่าง จึงต้องยกศพนายอธิวัฒน์ ไปผ่าเอาหัวกระสุน เพราะตำรวจมั่นใจว่าหัวกระสุนในร่างของนายอธิวัฒน์ น่าจะเป็นวัตถุพยานสำคัญที่นำไปสู่การออกหมายจับทีมสังหาร
โดยในประเด็นนี้ทีมมือปืนมี ตชด.คนหนึ่งร่วมทีมด้วย ก่อนลงมือปฏิบัติการได้มีการวางแผนอย่างแยบยลโดย ตชด.คนดังกล่าวซึ่งรู้จักกับนายอธิวัฒน์ ผู้ตายได้เดินทางมาหานายอธิวัฒน์ เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2551 อ้างว่ามาขอดูพันธ์ไม้ที่ปลูกรอบๆ บ้านนายอธิวัฒน์ โดยเดินดูรอบๆ บ้านนายอธิวัฒน์อย่างละเอียด
จากนั้นได้นัดกับนายอธิวัฒน์ ว่าจะมาเอาพันธุ์ไม้ในวันอาทิตย์ที่ 27 ก.ค.51 หลังจากวันนั้นทุกคืนจะมีสุนัขเห่ารอบๆ บ้านของนายอธิวัฒน์ อย่างผิดปกติทุกคืน จนกระทั้งในคืนเกิดเหตุก็มีสุนัขเห่าอย่างผิดปกติเช่นกันจนกระทั้งได้ยินเสียงปืน 4 นัด สุนัขจึงหยุดเห่าไปสัก 2 - 3 นาที
หลังจากนั้นสุนัขที่บ้านของเพื่อนบ้านอยู่ห่างออกไปเกือบ 100 เมตรก็เห่ากรรโชกอย่างรุนแรง และมีเสียงรถจักรยานยนต์ 2 คันขับออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงเชิงสะพานวัดหนองบัวก็มีการยิงปืนขึ้นฟ้าอีก 1 นัด ตำรวจสันนิษฐานว่า ตชด.คนดังกล่าวมาดูลาดเลาทางหนีทีไล่ และอาจจะร่วมทีมสังหารโดยเป็น 1 ใน 4 ของคนร้ายด้วย โดยคนร้ายขับรถจักรยานยนต์มาจอดริมถนนใกล้กับบ้านเพื่อนบ้านที่ห่างจากบ้านนายอธิวัฒน์ เกือบ 100 เมตร
จากนั้นก็เดินลัดตัดป่าละเมาะมาแอบซุ่มอยู่หลังบ้านนายอธิวัฒน์ และรอจนนายอธิวัฒน์ เดินออกจากบ้านมายังห้องครัวที่ปลูกแยกออกมาจากตัวบ้านเล็กน้อย มือปืนจึงบุกเข้าไปรัวยิงนายอธิวัฒน์ จนเสียชีวิตคาห้องครัว จากนั้นมือปืนจึงวิ่งลัดป่าละเมาะไปยังจุดที่เพื่อนจอดรออยู่ ก่อนพากันขับรถจักรยานยนต์หลบหนีและมีการยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อแก้เคล็ดเปิดทางหนี
สำหรับรถจักรยานยนต์คาดว่าเป็นรุ่นใหม่ระบบอัตโนมัติสตาร์ทมือ เสียงดังเบาๆ และทันทีที่เครื่องติดรถจักรยานยนต์ทั้งสองคันก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว