พัทลุง – ผู้ว่าฯ พัทลุงเรียกกรรมการรังนก พร้อมบริษัทสัมปทานถกเครียดปัญหาการประมูล ซึ่งมีการตั้งราคากลางไว้ที่ 627 ล้านบาท เงินคำประกันสูงถึง 75 เปอร์เซ็นต์ ทำให้บริษัทรายเล็กทักท้วงถึงความไม่เป็นธรรม แต่ท้ายที่สุดก็เลิกประชุมโดยไม่ได้มีมติสรุปในเรื่องนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดพัทลุง นายสุเทพ โกมลภมร ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ได้เรียกประชุมคณะกรรมการจัดเก็บภาษีอากรรังนกอีแอ่น หมู่เกาะสี่-เกาะห้า อ.ปากพะยูน โดยมีตัวแทนจากบริษัทผู้สัมปทานหลายรายร่วมประชุมหารือ หลังจากที่ ตัวแทนบริษัทเบสเนต ได้ยื่นหนังสือให้ระงับการประมูลรังอีแอ่น เนื่องจากเห็นว่า ร่างระเบียบและกฏเกณฑ์ในสัญญาสัมปทานรอบใหม่นี้ ราคากลางตั้งไว้ที่ 627 ล้านบาท เงินคำประกันสูงถึง 75 เปอร์เซ็นต์ เกรงว่าจะไม่เป็นธรรมกับบริษัทผู้เข้าประมูล และสัญญาสัมปทานเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทใหญ่เพียงบริษัทเดียว ซึ่งการกระทำดังกล่าวมิใช่การเปิดเสรีในการแข่งขันกันประมูลกัน และยังแตกต่างไม่เป็นไปตามระเบียบสำนายกรัฐมนตรีว่าด้วยพัสดุ พ.ศ.2535,2549 ขัดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยสัญญาอันไม่เป็นธรรม พ.ศ.2540 และ พ.ร.บ.ลักษณะของสัญญา พ.ศ.2542
ในที่ประชุมนายสุเทพ โกมลภร ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ได้เปิดโอกาสให้นายอภิชิต อังศุภากุล เจ้าของบริษัทสยามเนสต์ บริษัทผู้สัมปทานรายปัจจุบัน ซึ่งจะหมดสัญญาสัมปทานในวันที่ 30 กันยายน ที่จะถึงนี้ และตัวแทนจากบริษัทผู้สัมปทานรังนกรายอื่น กล่าวชี้แจง ถึงผลกระทบหาก การประมูลรอบนี้ มีการค้ำประกันในวงเงินที่สูงถึงเกือบ 500 ล้านบาท โดยตัวแทนบริษัทต่างไม่เห็นด้วยเพราะการสัมปทานรังนกอีแอ่นนั้น ในปีแรกจะประสบกับภาวะขาดทุน และปีที่ 2 จะเสมอตัว ส่วนในปีถัดมา ปีที่ 3, 4, 5 จะมีกำไร และปีที่ 6 และ 7 จะมีกำไรมาก เพราะนกอีแอ่นจะทำการขยายพันธุ์ลูกนกอย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปีที่ 3 ซึ่งแต่ละตัวจะขยายพันธุ์นกได้หลายตัว และแต่ละตัวจะทำรังปีละ 3 ครั้ง
แต่การที่นำเงินมาค้ำประกันจำนวนมากทำให้บริษัทเล็กๆ ที่ไม่มีเงินและใช้ทรัพย์สินอื่นเป็นหลักประกันกับธนาคาร โดยทางสัญญาสัมปทานนั้น ผู้ที่ประมูลได้ต้องทำสัญญาวางเงินประกันภายใน 15 วัน ซึ่งทางธนาคารไม่สามารถตรวจสอบได้ทัน
ผู้สื่อข่าวรายงานหลังจากคณะกรรมการรังนกนางแอ่นประชุมนานหลายชั่วโมง ได้หยุดการประชุม โดยไม่สามารถสรุปมติในที่ประชุมได้
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดพัทลุง นายสุเทพ โกมลภมร ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ได้เรียกประชุมคณะกรรมการจัดเก็บภาษีอากรรังนกอีแอ่น หมู่เกาะสี่-เกาะห้า อ.ปากพะยูน โดยมีตัวแทนจากบริษัทผู้สัมปทานหลายรายร่วมประชุมหารือ หลังจากที่ ตัวแทนบริษัทเบสเนต ได้ยื่นหนังสือให้ระงับการประมูลรังอีแอ่น เนื่องจากเห็นว่า ร่างระเบียบและกฏเกณฑ์ในสัญญาสัมปทานรอบใหม่นี้ ราคากลางตั้งไว้ที่ 627 ล้านบาท เงินคำประกันสูงถึง 75 เปอร์เซ็นต์ เกรงว่าจะไม่เป็นธรรมกับบริษัทผู้เข้าประมูล และสัญญาสัมปทานเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทใหญ่เพียงบริษัทเดียว ซึ่งการกระทำดังกล่าวมิใช่การเปิดเสรีในการแข่งขันกันประมูลกัน และยังแตกต่างไม่เป็นไปตามระเบียบสำนายกรัฐมนตรีว่าด้วยพัสดุ พ.ศ.2535,2549 ขัดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยสัญญาอันไม่เป็นธรรม พ.ศ.2540 และ พ.ร.บ.ลักษณะของสัญญา พ.ศ.2542
ในที่ประชุมนายสุเทพ โกมลภร ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ได้เปิดโอกาสให้นายอภิชิต อังศุภากุล เจ้าของบริษัทสยามเนสต์ บริษัทผู้สัมปทานรายปัจจุบัน ซึ่งจะหมดสัญญาสัมปทานในวันที่ 30 กันยายน ที่จะถึงนี้ และตัวแทนจากบริษัทผู้สัมปทานรังนกรายอื่น กล่าวชี้แจง ถึงผลกระทบหาก การประมูลรอบนี้ มีการค้ำประกันในวงเงินที่สูงถึงเกือบ 500 ล้านบาท โดยตัวแทนบริษัทต่างไม่เห็นด้วยเพราะการสัมปทานรังนกอีแอ่นนั้น ในปีแรกจะประสบกับภาวะขาดทุน และปีที่ 2 จะเสมอตัว ส่วนในปีถัดมา ปีที่ 3, 4, 5 จะมีกำไร และปีที่ 6 และ 7 จะมีกำไรมาก เพราะนกอีแอ่นจะทำการขยายพันธุ์ลูกนกอย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปีที่ 3 ซึ่งแต่ละตัวจะขยายพันธุ์นกได้หลายตัว และแต่ละตัวจะทำรังปีละ 3 ครั้ง
แต่การที่นำเงินมาค้ำประกันจำนวนมากทำให้บริษัทเล็กๆ ที่ไม่มีเงินและใช้ทรัพย์สินอื่นเป็นหลักประกันกับธนาคาร โดยทางสัญญาสัมปทานนั้น ผู้ที่ประมูลได้ต้องทำสัญญาวางเงินประกันภายใน 15 วัน ซึ่งทางธนาคารไม่สามารถตรวจสอบได้ทัน
ผู้สื่อข่าวรายงานหลังจากคณะกรรมการรังนกนางแอ่นประชุมนานหลายชั่วโมง ได้หยุดการประชุม โดยไม่สามารถสรุปมติในที่ประชุมได้
