ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – ‘เจิมศักดิ์’ ยกย่องชาวใต้ใช้อารยะขัดขืนไม่ยินยอมให้รัฐมนตรีหุ่นเชิดเหยียบแผ่นดินภาคใต้ ระบุถือเป็นแนวทางสากลทุกคนสามารถทำได้ด้วยการนัดแนะกัน และยอมรับผลที่จะเกิดขึ้น แนะทุกคนร่วมกันออกแบบการเมืองรูปแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าประชาธิปไตยแบบเสียงข้างมาก พร้อมฝากให้ประชาชนบอกต่อๆ กันไปให้เลือกข้างระหว่างความดีและความชั่ว
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ผู้ดำเนินรายการ"รู้ทันประเทศไทย"และ"มุมมองเจิมศักดิ์"ขึ้นปราศรัยที่เวทีพันธมิตรสงขลาเพื่อประชาธิปไตย ณ ลานประวัติศาสตร์ หน้าสถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมีประชาชนจำนวนมากมาร่วมรับฟัง
ดร.เจิมศักดิ์ ระบุว่า ลงมาภาคใต้แล้วต้องมาพบปะกับพี่น้องชาวใต้ที่ร่วมกันชุมนุมอย่างสันติวิธี อหิงสา โดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้น และกรณีที่มีการต่อต้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ถือว่าเป็นการอารยะขัดขืนอย่างหนึ่งเพราะประชาชนไม่ไว้วางใจให้บริหารบ้านเมืองอีกต่อไป
“ตอนนี้เราไม่มั่นใจว่ารัฐบาลจะนำงบประมาณไปบริหารอย่างมีประโยชน์ ถ้าคนทั้งประเทศชะลอการจ่ายภาษีในขณะนี้แล้วยอมจ่ายตอนหลังรัฐบาลจะเอาอะไรใช้ แล้วเราค่อยมาจ่ายย้อนหลัง หากทุกคนร่วมมือกันก็อาจจะไม่ถูกภาษีย้อนหลัง นี่คือการอารยะขัดขืนอย่างหนึ่ง เป็นเช่นนี้ผู้ปกครองประเทศจะอยู่อย่างไร”
ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีทหาร ตำรวจ จำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล หากข้าราชการตำรวจ ทหาร พร้อมใจกันออกมาชุมนุมประท้วงกับประชาชน โดยใส่เครื่องแบบมาพร้อมกัน รัฐบาลก็คงจะอยู่ไม่ได้อีกต่อไป
“ตำรวจคนหนึ่งบอกว่าหากผู้บังคับบัญชาสั่งให้ยิงประชาชน เขาจะเอาปืนนั้นไปยิงคนที่สั่งเขาทันที นี่ก็คือการอารยะขัดขืนอย่างหนึ่ง เขารับไม่ได้ในหลักการพื้นฐาน เราต้องยกย่องคนประเภทนี้ ตอนนี้อารยะขัดขืนขยายตัวไปเรื่อยๆ วิธีการแตกต่างกัน ตอนกลางวันเดินเข้าไปในสนามบิน มีพนักงานไปดักรอแล้วตามเข้ามาเอาเอกสารมาให้ปึกหนึ่งบอกว่านี่คือข้อมูลลับล่าสุด แสดงว่าอารยะขัดขืนทั้งหลายเริ่มเปิดมากขึ้น ข้อมูลต่างๆ ที่มีการนำไปอภิปรายในสภาก็ต้องมาจากข้าราชการที่รักชาติด้วยการใช้อารยะขัดขืน”
ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวว่า การทำอารยะขัดขืนที่ดีต้องทำพร้อมกันนัดหมายกันและยอมรับผลที่จะเกิดขึ้น การชุมนุมจากอดีตจนถึงปัจจุบัน หากเราไม่ลุกขึ้นมาตั้งแต่ปี 2549 บัดนี้บ้านเมืองจะได้รับความลำบากมากหากระบอบทักษิณยังมีอำนาจอยู่ การชุมนุมส่งผลให้มีการยุบสภา จากนั้นฝ่ายค้านบอยคอต มีการจ้างพรรคเล็กมาตกแต่งการเลือกตั้งให้ดูเป็นประชาธิปไตย มีการจ้างพรรคเล็กจนนำมาสู่การยุบพรรคในที่สุด
“รัฐบาลที่ได้ก็เป็นรัฐบาลหุ่นเชิดของระบอบทักษิณ ที่ประชาชนไม่ยอมรับ แต่เขาก็ไม่มีความละอาย เราจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงการเมืองใหม่ มีคนถามว่าหากยุบสภาการเมืองแบบเก่าก็ยังอยู่ เราต้องหาทางแก้ไขการเมืองรูปแบบที่เป็นอยู่ เราต้องช่วยกันคิดว่าจะสร้างการเมืองใหม่แบบใด พันธมิตรฯ โยนโจทย์ออกมาให้เราได้ถกกัน เราจะออกแบบกันอย่างไร การเมืองแบบเก่าแบ่งโดยพื้นที่จังหวัด คนที่มีเงินมีโอกาสเป็นตัวแทน เข้าไปก็ไปเอื้อประโยชน์ให้พรรคพวก เราจะต้องสร้างสิ่งใหม่ ทุกคนต้องช่วยกันคิด”
ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวอีกว่า เรื่องสุดท้ายที่อยากจะพูดคือคนที่มาที่นี่รู้ชัดเจนว่าอะไรดีอะไรชั่ว และประกาศชัดว่าจะยืนข้างความดี ทุกคนรู้ว่าจะทำอะไรเพื่อส่วนรวม ทุกคนต้องเสียตังค์จากการชุมนุมไม่ใช้ได้ตังค์จากการชุมนุม บางคนภูมิใจกับความเป็นกลางคิดว่าเท่ห์ แต่คนแบบนี้เป็นคนที่ไม่รู้เรื่อง ไม่รู้อะไรแล้วบอกว่าเป็นกลาง คนแบบนี้มีอยู่มาก
“อีกแบบคือคนที่รู้ว่าระบอบนี้เป็นอย่างไร พันธมิตรฯ เป็นอย่างไร แล้วก็หาทางด่าทั้งสองฝ่าย เหมือนเหยียบคนนั้นคนนี้แล้วตัวเองดีที่สุดคนเดียว เราต้องต่อต้านนักฉวยโอกาสที่เป็นกลาง อีกแบบคือคนที่รู้เรื่องแต่มีแผลเหวอะหวะทำอะไรไม่ซื่อตรงกลัวจะถูกแฉ แต่พอถามว่าทำไมไม่มาร่วมชุมนุมก็อ้างว่าเป็นกลาง พวกนี้คือนักฉวยโอกาส แบบที่สี่คนที่อ้างว่าเป็นกลางโดยเข้าใจพุทธศาสนาผิด ยึดหลักมัชฌิมาปฏิปทาโดยไม่เข้าใจหลักการแล้วมาบอกว่าเป็นกลางเดินทางสายกลาง”
ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวอีกว่า เมื่อเรารู้ว่าอะไรดีอะไรชั่วเราต้องเลือกข้าง จะไปผสมกันไม่ได้ เราจะต้องรู้ด้วยสติรู้ด้วยปัญญาว่าอะไรดีอะไรชั่ว เราจะต้องช่วยกันเผยแพร่พุทธศาสนาให้คนเข้าใจว่าดีชั่วเป็นอย่างไร
“หวังว่าพี่น้องจะบอกต่อๆ กันไปเพื่อให้คนอื่นได้เลือกข้างเพราะเราไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ตัวเอง เราทำเพื่อประเทศชาติ ทำเพื่อให้สังคมดีขึ้น พี่น้องทุกคนประกาศเลือกข้างแล้วอย่างคนที่มีอารยะ เราพร้อมทำงานเพื่อบ้านเมืองโดยไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง”
จากนั้น ดร.เจิมศักดิ์ ได้ขอฉันทามติว่าพี่น้องชาวใต้จะใช้อารยะขัดขืนเพื่อไม่ให้รัฐมนตรีในรัฐบาลหุ่นเชิดมาเหยียบแผ่นดินภาคใต้ใช่หรือไม่ ซึ่งประชาชนที่มาร่วมชมการปราศรัยไม่ต่ำกว่า 1 พันคน เปล่งเสียงพร้อมๆ กันว่า “ใช่”