“สนธิ” ชำแหละ 2 กกต.ต้นตอก่อวิกฤตให้กับบ้านเมือง ทุจริตรับเงินช่วยเหลือยื้อคดียุบพรรค พปช. พร้อมเปิดโปง ป.ป.ช.บางคนที่เป็นอดีตเลขาฯ อย.มีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับ “แม้ว” ดองทุจริตในสนามบินสุวรรณภูมิทุกคดี ย้ำ “การเมืองใหม่” คือการตรวจสอบนักการเมืองชั่วอย่างละเอียดยิบ และต้องเดินหน้าทำให้สำเร็จ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย
วานนี้ (24 ก.ย.) เมื่อเวลา 22.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไคย ได้ขึ้นปราศรัยที่เวทีทำเนียบรัฐบาล ได้เริ่มกล่าวถึงรัฐบาลชุดใหม่ว่าเป็นการเหมาะสมแล้วที่ออกมาแบบนี้เหมือนกับเหี้-ตั้งเหี้-มาเป็นรัฐบาล
จากนั้น นายสนธิ กล่าวตอบโต้ นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้งที่ขัดขวางการเมืองใหม่ และบอกว่าทุกอย่างต้องมาจากการเลือกตั้ง 100% เท่านั้น ทั้งที่วิกฤตการเมืองในวันนี้มีต้นเหตุสำคัญ คือ กกต. เพราะเป็นด่านแรกในการปล่อยให้นักการเมืองชั่วเข้ามา อยากให้ กกต.พวกนี้ส่องกระจกดูตัวเองว่ามีส่วนสำคัญที่ทำความฉิบหายให้กับบ้านเมืองทุกวันนี้
“มี กกต.2 ใน 5 คน มีความระยำ ไม่มีจริยธรรมและความซื่อสัตย์ ดังนั้น อย่าหลอกตัวเอง” นายสนธิ ระบุ และยกตัวอย่างกรณีของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ที่ทุจริตเลือกตั้ง ถ้าให้ใบแดงตั้งแต่แรกโดยไม่ซื้อเวลา เวลานี้พรรคพลังประชาชนถูกยุบพรรคไปแล้ว ดังนั้น กกต.บางคนอย่าไปสะเออะพูดเรื่องความยุติธรรม
“ก่อนหน้านี้ช่วงเวลาที่เขาจัดตัดสินให้ใบเหลืองใบแดงมี กกต.สองคนถูกเชิญไปพบที่โรงแรมเรดิสัน ขากลับมีคนหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ 2 ใบตามหลัง ของแบบนี้ปิดก็ไม่มิด คนแบบนี้อย่ามาสะเออะมาต่อต้านการเมืองใหม่ เพราะบางคนรับเงินรับทอง เปลี่ยนแดงเป็นเหลือง เปลี่ยนเหลืองเป็นขาว หรือถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ซื้อเวลา” นายสนธิกล่าวถึง กกต.บางคนที่ทุจริต
จากนั้น นายสนธิได้กล่าวถึง ป.ป.ช.บางคนที่ทำหน้าที่ส่อไปในทางไม่ซื่อสัตย์ โดยเฉพาะบางคนที่ดูแลงานเกี่ยวกับรัฐวิสาหกิจ เช่นคดีทุจริตสนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งที่มีเอกสารหลักฐานส่งเข้าไปมากมาย แต่กลับไม่พิจารณา ซึ่ง ป.ป.ช.คนนั้นเป็นอดีตเลขาธิการ อย.และมีความสนิทสนมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างมาก ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่คดีทุจริตของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ คดีของ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ คดีทุจริตท่อร้อยสายไฟ เรื่องรถเข็นกระเป๋า การทุจริตก่อสร้างอาคารสนามบิน หรือรันเวย์ร้าวถึงไม่ไปถึงไหน
นายสนธิ ยังได้กล่าวถึงพระราชดำรัสของพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงกล่าวถึงเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อรับมือวิกฤตเศรษฐกิจ และเรื่องให้คนดีปกครองบ้านเมือง รวมทั้งให้ข้าราชการทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด แต่คนพวกนี้เมื่อรับใส่เกล้าแล้วก็ไม่เคยปฏิบัติตาม
นายสนธิยังได้กล่าวย้อนถึงการเมืองเก่าที่พวกนักการเมืองเก่าๆ ชอบไปขอเงินนักธุรกิจมาลงขันเพื่อเข้าพรรคการเมืองในการเลือกตั้ง เมื่อหัวหน้าพรรคการเมืองคนนั้นได้เงินมาแล้วก็จะหักเข้ากระเป๋าตัวเองประมาณ 10 เปอร์เซ็นที่เหลือก็เอาไปใช้จ่ายในการเลือกตั้ง และเมื่อได้เป็นรัฐบาลนักธุรกิจพวกนี้ก็จะมาทวงบุญคุณเพื่อแลดผลประโยชน์ทางธุรกิจ แลกโครงการต่างๆ
นายสนธิ เล่าถึงวิธีการเก็บเงินของนักการเมืองว่า ถ้าเป็นยุคเก่าก็จะใช้วิธีตั้งแต่ใส่เงินเอาไว้ในตู้เย็น หรือเก็บในห้องใต้ดิน ต่อมาในปัจจุบันก็เปลี่ยนไปรับเงินในต่างประเทศ โดยเฉพาะที่สิงคโปร์ โดยยกตัวอย่างมีหลานของนักการเมืองใหญ่คนหนึ่งขนเงินใส่กระเป๋าใบใหญ่ไปสิงคโปร์สัปดาห์ละสองครั้ง ตลอด 3 ปีนำเงินออกไปนับพันกระเป๋าเบ็ดเสร็จมีเงินถูกขนออกไปสิงคโปร์โดยคนคนนี้ 2-3 หมื่นล้านบาท และเมื่อรวมแล้วมีเงินบาทในสิงคโปร์เกือบ 2 แสนล้านบาท ทั้งนี้เพระธนาครในสิงคโปร์นั้นถูกห้ามไม่ให้เปิดเผยความลับลูกค้า อย่างไรก็ดียังมีพวกที่ใช้วิธีโบราณคือรับเงินใส่กล่องเบียร์และเก็บเงินไว้ในห้องใต้ดินที่บ้าน
นายสนธิ กล่าวว่า เพื่อไม่ให้นักการเมืองใช้วิธีถ่ายเทหรือซุกซ่อนทรัพย์สินด้วยวิธีการดังกล่าว การเมืองใหม่จะต้องบังคับให้นักการเมืองแจ้งบัญชีทรัพย์สินและที่มาที่ไปของทรัพย์สินเหล่านั้นอย่างละเอียดยิบ และจะต้องมีสำนักงานตรวจสอบแห่งชาติเพื่อคอยตรวจสอบความมีอยู่จริงและที่มาที่ไปของทรัพย์สินและการเสียภาษีย้อนหลังอย่างละเอียดด้วย วิธีการตรวจสอบแบบนี้จะทำให้พวกนักการเมืองชั่วไม่อยากเข้ามาเป็นนักการเมืองหรือรัฐมนตรี
“ยกตัวอย่างลูกสาวของนางเยาวภา เอาเงินมาจากไหนสองพันล้านทั้งที่เพิ่งเรียนจบมา ถ้าบอกว่าแม่ให้มาก็ต้องไปตรวจสอบต่อว่าแม่เอามาจากไหน ดังนั้น การเมืองใหม่ต้องตรวจสอบนักการเมืองชั่ว ทำให้บ้านเมืองถูกปล้นน้อยลง และการเมืองใหม่จะจับพวกนี้แก้ผ้าแล้วเอาสปอตไลต์ส่องให้เห็นหมด และการเมืองใหม่หมายถึงความโปร่งใส และเสียสละ ต้องถูกตรวจสอบ” นายสนธิ ระบุ และว่าพวกเรามาไกลจนถอยไม่ได้ และเราต้องต่อสู้เพื่อให้เกิดการเมืองใหม่ให้ได้