xs
xsm
sm
md
lg

“ระลึก หลีกภัย” จาก “นักธุรกิจ” สู่ “คนกวาดขยะ” และ “การเมือง”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวหาดใหญ่...รายงาน

ถ้าเอ่ยถึงตระกูล “หลีกภัย” คิดว่าใครต่อใครในประเทศไทยนี้ โดยเฉพาะเมืองตรัง คงรู้จักเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นคนดังอย่าง “แม่ถ้วน หลีกภัย” ปูชนียบุคคลที่ผู้คนนับหน้าถือตาแล้ว หรือ “ชวน หลีกภัย” อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย 2 สมัย และ “กิจ หลีกภัย” นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ตรัง

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาเกือบๆ 4 ปีที่ผ่านมา ก็ยังมีอีกบุคคลหนึ่งในครอบครัวที่น่าจับตามอง แม้จะเป็นน้องชายสุดท้อง หรือเป็นบุตรคนที่ 7 จากพี่น้องทั้งหมด 9 คน เพราะเขาได้เดินทางกลับมาอยู่บ้านในจังหวัดตรัง หลังจากห่างหายไปนานถึง 36 ปี และถึงก่อนหน้านี้จะไปๆ มาๆ บ้าง แต่ก็ถือว่าน้อยครั้งมาก

ในวัยเด็ก “ระลึก หลีกภัย” เรียนหนังสือชั้น ป.1-4 ที่โรงเรียนวัดควนวิเศษ แล้วไปต่อชั้น ม.1-6 ที่โรงเรียนตรังวิทยา ซึ่งเป็นเส้นทางการศึกษาที่เหมือนกับ “พี่ชวน” แต่มาแตกต่างตรงที่พอถึงชั้น มศ.4-5 เขากลับขึ้นไปเรียนที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน กรุงเทพฯ แล้วต่อคณะบริหารธุรกิจ ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

หลังเรียนจบแล้ว เขาสอบเข้าทำงานทันที ที่ธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ แต่แค่เพียง 2 ปี เขาก็ขอไปศึกษาต่อปริญญาโท คณะเศรษฐศาสตร์อุตสาหกรรม ที่ Utah State University Logan สหรัฐอเมริกา แล้วกลับมาทำงานต่อที่ธนาคารกสิกรไทย พร้อมกับการแต่งงานกับ “ยู-เฟน หลีกภัย” ชาวไต้หวัน

จนกระทั่งมาเกิดเรื่องราวที่โด่งดังระดับประเทศขึ้น ทำให้เขาต้องหายตัวไปนานหลายปีทีเดียว จนกระทั่งวันหนึ่งเขาก็กลับมาสู่ผืนแผ่นดินตรัง แล้วเริ่มตั้งต้นชีวิตใหม่แบบเงียบๆ ถือเอาอดีตอันเจ็บปวดที่ผ่านมาเป็นบทเรียน เพื่อแก้ไขมิให้เกิดเรื่องราวเช่นนั้นขึ้นมาอีก โดยเฉพาะสิ่งที่ผิดพลาดไปอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์

การกลับมาอยู่บ้านเกิดของ “ระลึก หลีกภัย” เมื่อปี 2547 แรกเริ่มเดิมทีเขาไม่ได้มีบทบาทอะไรมากนัก เวลาส่วนใหญ่จึงอยู่กับการดูแล “คุณแม่ถ้วน” วัย 94 ปี ที่ช่วยเหลือตัวเองได้น้อยลง ทุกทีเขาจะตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อหาอาหารเสริม ให้คุณแม่ทาน อาบน้ำ และซักเสื้อผ้าให้ ดูแลจนกระทั่งคุณแม่นอนหลับ รวมทั้งพาไปหาหมอเวลาป่วยไข้ด้วย แต่หลังๆ มาหน้าที่ส่วนนี้ก็หมดสิ้นไป เมื่อ “คุณแม่ถ้วน” ขึ้นไปอยู่กับลูกๆ ที่กรุงเทพฯ

เวลายามว่างเขาก็จะทำหน้าที่กวาดขยะ ตกแต่งต้นไม้และดูแลความสะอาด รวมทั้งพัฒนาพื้นที่ที่บ้านมีอยู่กว่า 5 ไร่ให้สวยงาม เพื่อต้อนรับผู้คนมาหน้าหลายตา ที่เดินทางมาจากทั่วประเทศและทั่วโลก เพราะบ้านของอดีตนายกรัฐมนตรีหลังนี้ เปิดต้อนรับประชาชนทุกชนชั้นวรรณะตลอด 24 ชั่วโมง

ด้วยเหตุนี้ เวลาที่มีทัวร์คณะใหญ่ๆ มา เขาจึงต้องทำหน้าที่เป็นไกด์ประจำบ้าน เพราะพูดได้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน คอยต้อนรับผู้คนด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรไมตรีจิต เสมือนเป็นการตอบแทนบุญคุณ ที่สนับสนุน “พี่ชวน” และ “พรรคประชาธิปัตย์” มายาวนาน ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาบอกว่าภูมิใจและไม่รู้สึกเหนื่อย

อย่างไรก็ตาม เมื่อบ้านนี้เป็นบ้านของนักการเมือง “ระลึก หลีกภัย” จึงหนีไม่พ้นที่จะต้องช่วยงานการเมือง เช่น การรับเรื่องร้องทุกข์และรับหนังสือต่างๆ ที่ส่งมาถึง “พี่ชวน” จากนั้น เขาจะทำหน้าที่ช่วยประสานงานให้จนเรื่องนั้นบรรลุผล รวมทั้งเป็นตัวแทนครอบครัวออกไปตามงานต่างๆ เช่น งานแต่งงาน งานศพ ฯลฯ

ส่วนอีกงานหนึ่งที่เขาชอบ ก็คือ การไปสอนภาษาจีนตามสถานศึกษาต่างๆ
เช่น มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) วิทยาเขตตรัง, ร.ร.วิเชียรมาตุ 3, อบต.โคกหล่อ และยังแอบเขียนหนังสือชื่อว่า “คนมาบ้านเรา” ได้หลายตอนแล้ว เรื่องก็เกี่ยวกับผู้คนที่เดินทางมาเยือนบ้าน โดยเร็วๆ นี้อาจจะพิมพ์เป็นเล่มให้อ่านกัน

วัย 59 ในวันนี้ของเขา ผ่านร้อนหนาวมาแล้วมากมาย จึงไม่รู้สึกห่วงว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร แต่ถ้าใครถามเรื่องการเมือง เขาจะไม่ค่อยพูดถึง แต่ก็ยอมรับว่าเป็นสิ่งที่เคยฝันตั้งแต่เด็กๆ พร้อมกับเชื่อมั่นว่าจากประสบการณ์อันโชกโชน และการที่มีเพื่อนฝูงมากมายทุกระดับ จึงไม่ใช่เรื่องยากถ้าคิดจะทำงานการเมือง

ก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2550 ชื่อของ “ระลึก หลีกภัย” ปรากฏเป็นข่าวในจังหวัดตรังมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรก เป็นข่าวการถูกวางตัวให้ขึ้นนั่ง นายก อบจ.ตรัง คนต่อไป แทน “พี่กิจ” ส่วนครั้งหลัง เป็นข่าวการถูกวางตัวให้ลงสมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในระบบบัญชีรายชื่อ โซน 8 ภาคใต้

ทั้ง 2 ข่าวที่เกิดขึ้นเขาออกมาปฎิเสธว่า ไม่เป็นความจริง และขอทำหน้าที่เป็น “คนกวาดขยะ” ในบ้าน “หลีกภัย” ดีกว่า แต่ไม่วายที่จะทิ้งท้ายคำพูดเด็ดๆ คล้ายกับ “พี่ชวน” ให้คนฟังขบคิดเล่นๆ ว่า “คนอย่างผมเป็นมาแล้วทุกอย่าง สูงตั้งแต่นักธนาคาร ลงมาถึงคนกวาดขยะ จะกลัวอะไรถ้าสมมติว่าได้เป็นนักการเมือง”

จนแล้วจนรอด ปี 2551 ผ่านพ้นสงกรานต์มาได้ไม่กี่วัน ชื่อของ “ระลึก หลีกภัย” ก็ปรากฏเป็นข่าวอีกครั้ง โดยฝีปากของ “สมัคร สุนทรเวช” นายกรัฐมนตรี ที่เอ่ยถึงในรายการ “สนทนาประสาสมัคร” เพื่อตอบโต้วิวาทะกับ “พี่ชวน” ในเรื่องการเมืองว่า มีน้องชายอดีตผู้นำบางพรรคการเมือง ฉ้อราษฎร์บังหลวง และหนีคดีความไปถึง 20 ปี แต่กลับไม่ถูกสื่อขุดคุ้ย

ผู้ที่ถูกพาดพิงถึงออกมาตอบโต้ประเด็นนี้ทันควัน ว่า จะไม่ขอพูดถึงคดีความในอดีตอีก เพราะแม้ นายกฯ สมัคร จะเจตนากล่าวหา หรือพาดพิงถึงหรือไม่ แต่เขามั่นใจว่าตัวเองไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คนอื่นวิพากษ์วิจารณ์ อีกทั้งที่ผ่านมาก็ไม่เคยทำตัวเป็นข่าวในทางเสียหาย และใช้ชีวิตเป็นคนกวาดขยะที่บ้าน “หลีกภัย” ในจังหวัดตรัง อย่างเรียบง่ายมาโดยตลอด

และเพื่อพิสูจน์เรื่องนี้ “ระลึก หลีกภัย” ยืนยันว่า ภายใน 4 ปี เขาตัดสินใจจะเล่นการเมืองอย่างแน่นอน และขอให้ประชาชนคนจังหวัดตรังเป็นคนตัดสินว่า เขาเป็นคนดีหรือคนเลวอย่างที่บางคนวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งไม่เหมือนบางคนที่เลวสุดๆ ยังได้ดีมีตำแหน่งเป็นถึงรัฐมนตรี เป็นถึงนายกรัฐมนตรีก็มี

ถ้ายกนิ้วขึ้นมานับดูในอีก 4 ปีข้างหน้า ในระดับท้องถิ่นมีเวทีสำหรับเขา 2 ที่ คือ อบจ.ตรัง ที่ “พี่กิจ” กำลังจะขึ้นนั่งเป็นสมัยที่ 3 และ เทศบาลนครตรัง ที่ “ชาลี กางอิ่ม” จะนั่งครบสมัยที่ 3 ซึ่งต้องเว้นวรรคทางการเมืองตามกฎหมายที่กำหนดไว้ ส่วนระดับท้องถิ่นจะมีแค่เวทีเดียว คือ ส.ส.ตรัง ที่มีชื่อ “4 ส.” นั่งกันอยู่พร้อมสรรพแล้ว ทั้ง “สาทิตย์-สมชาย-สมบูรณ์-สุกิจ”

แต่จะเป็นเวทีไหน อย่างไร ต้องติดตามชม !!




กำลังโหลดความคิดเห็น