xs
xsm
sm
md
lg

“ชวน” ป้องน้องชาย เดือดอัด “หมัก” ใช้สื่อรัฐด่าคนอื่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายชวน หลีกภัย
“ชวน” เดือดโต้ “หมัก” บิดเบือนพูดเกินเลย ย้ำน้องชายไม่ใช่ข้าราชการจึงไม่ใช่ฉ้อราษฎร์ ระบุที่ผ่านมาเมื่อทำผิดพลาดก็ถูกธนาคารเล่นงานไปแล้ว อัดใช้สื่อรัฐด่าคนอื่น พร้อมเตือนอย่าวิจารณ์พาดพิงเลยเถิดถึงคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกัน ขณะเดียวกันเรียกร้องให้รัฐบาลสร้างความปรองดองจริงจัง ไม่ใช่พูดอย่างทำอย่าง

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง ชวน หลีกภัย ให้สัมภาษณ์

วันนี้ (21 เม.ย.) นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอบโต้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กรณีกล่าวพาดพิงถึงนายระลึก หลีกภัย น้องชายว่าฉ้อราษฎร์บังหลวงว่า เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะน้องชายของตนเองไม่ได้เป็นข้าราชการ แต่เป็นพนักงานธนาคาร ซึ่งเมื่อทำผิดพลาดก็ถูกธนาคารเล่นงานไปแล้ว แต่นายสมัครก็หยิบประเด็นมาพาดพิงผิดๆ ซึ่งตนเห็นว่าไม่เป็นธรรมที่จะใช้สื่อของรัฐในการกล่าวหาคนอื่น โดยขณะนี้นายระลึกก็อยู่เงียบๆ มีหน้าที่ดูแลนางถ้วน หลีกภัย มารดาที่บ้านแทนพี่น้องคนอื่นที่ต้องทำงาน

นายชวน กล่าวด้วยว่า สาเหตุที่ทำให้นายสมัครเกิดความเข้าใจผิดจนออกมาพาดพิงถึงน้องชายตนเป็นเพราะมีสื่อมวลชนมาขอสัมภาษณ์เป็นการภายในให้วิเคราะห์การเมืองว่าเป็นอย่างไร ซึ่งตนก็ไม่ได้พาดพิงว่านายสมัครไม่มีความเหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรี เพียงแต่วิเคราะห์ถึงความไม่แน่นอนทางการเมือง 3 เรื่อง ซึ่ง 2 เรื่องแรกเป็นเรื่องของนายสมัครโดยตรง คือ เรื่องคดีที่อยู่ในศาล 1 เรื่องที่ศาลชั้นต้นพิพากษาไปแล้วให้จำคุก 4 กระทง จำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ตอนนี้อยู่ระหว่างการสู้ในศาลอุทธรณ์ ถ้ากรณีนี้ศาลสูงตัดสินยืนตามศาลชั้นต้น ความเป็นนายกรัฐมนตรีก็จะจบลง รัฐบาลก็จะล้มทันที และหากคดีนี้จะจบลงได้ก็ต่อเมื่อผู้เสียหายถอนฟ้อง หรือศาลตัดสินกลับ แต่ในกรณีถอนฟ้องก็ทราบมาว่าได้มีการให้พระไปคุยกับนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่เป็นโจทก์ ซึ่งก็ยังเสี่ยงอยู่

สำหรับคดีที่ 2 คือ เรื่องรถดับเพลิง ที่เกิดขึ้นระหว่างเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ชี้มูลไปแล้ว แต่ยังไม่ขึ้นศาล ซึ่งถ้าผิดจริงก็จะหนักยิ่งกว่าคดีหมิ่นประมาท อีกคดีคือ เรื่องยุบพรรคตามมาตรา 237 ของรัฐธรรมนูญ ถ้าพรรคถูกยุบไปก็จะเป็นเช่นเดียวกับการยุบพรรคไทยรักไทย พูดง่ายๆ ก็คือต้องเปลี่ยนรัฐบาลเลือกตั้งกันใหม่ในบางตำแหน่ง เหล่านี้คือสิ่งที่ตนวิเคราะห์ ซึ่งในพรรคประชาธิปัตย์เราได้พูดกันว่าพลังประชาชนเขากล้าที่จะเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี และประธานรัฐสภาที่มีปัญหาอยู่แล้ว ไม่ใช่มีปัญหาทีหลัง ถ้าวันข้างหน้าเกิดกรณีเหล่านี้ขึ้นจริง ใครจะรับผิดชอบ เพราะเรื่องเหล่านี้ไม่เคยเกิดมาก่อนในการแต่งตั้งตำแหน่งเหล่านี้ จึงถือเป็นเรื่องที่แตกต่างจากอดีตมาก ตนพูดเท่านี้และจำคำพูดตัวเองได้ทุกคำ คำพูดทุกคำพูดอย่างระมัดระวัง ไม่พูดเกินความจริง

“ผมไม่ได้พูดว่านายสมัครไม่เหมาะสม หรือเป็นคนไม่ดี ไม่เคยว่าท่านและไม่มีสิทธิ์จะว่าท่านด้วย เพราะเมื่อชนะเลือกตั้ง ท่านก็มีสิทธิ์เป็นน่ายกรัฐมนตรี แต่ความเหมาะสมเป็นอีกเรื่องหนึ่ง จึงไม่แน่ใจว่าท่านไปหยิบประเด็นอะไรมา” นายชวน ระบุ

ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวว่า การที่นายสมัครออกมาตอบโต้ก็เป็นเรื่องปกติ เพราะความเห็นต่างกันได้ แต่อยากให้ยืนอยู่บนความเป็นจริงว่าตนเองพูดอะไร แต่ท่านเลยไปถึงน้องชายของตนซึ่งมันไม่เกี่ยวเลย ความจริงน้องชายของตนก็บรรลุนิติภาวะ เขาเป็นตัวของเขาเอง ไม่ได้มาเกี่ยวข้องอะไรกับตน แต่น้องชายไม่ได้เป็นข้าราชการจึงไม่ได้ไปฉ้อราษฎร์บังหลวงเขาเป็นลูกจ้างธนาคารวันหนึ่งเมื่อทำผิดพลาด ธนาคารก็เล่นงานเป็นไปตามกระบวนการ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตำแหน่งของตนเลย ตนเองก็ไม่เคยไปพูดถึงญาติพี่น้องของท่านเลยเพราะตระหนักดีว่าเรื่องของใครก็เรื่องของคนนั้น

“อีกเรื่องคือ การใช้สื่อของรัฐ ก็ต้องบอกว่าเห็นความไม่เหมาะสมมาตลอด ที่ใช้สื่อเพื่อว่าคนนั้นคนนี้ ด่าคนนั้นคนนี้ ไม่ควรจะทำ และไม่ใช่กรณีน้องผมคนเดียวเท่านั้นรวมทั้งคนอื่นด้วยก็ไม่ควรทำ ท่านมีสิทธิ์ใช้สื่อของรัฐในการประชาสัมพันธ์ ซึ่งน่าจะเป็นการแถลงการปฏิบัติภารกิจสิ่งที่ท่านทำ หรือที่กำลังจะทำ แต่การใช้สื่อของรัฐด่าคนอื่นมันไม่ถูกต้องอยู่แล้ว และไม่เป็นธรรมด้วย ไม่มีใครมีสิทธิ์ที่จะทำอย่างนี้ แต่ก็มันก็อยู่ที่ความสำนึกของท่านเอง ความจริงเรื่องอย่างนี้มันไม่ยาก เพราะคนทั่วไปก็รู้อยู่แล้วว่ามันเหมาะหรือไม่อยากเรียนว่าขอให้ท่านนายกฯระวังว่าการจะพูดตรงไปตรงมาต้องพูดความจริง และท่านก็ต้องยอมรับตัวเองด้วยว่า ท่านถูกคดีหมิ่นประมาทเยอะมาก เฉพาะคดีของคุณสามารถก็ 5 คดีแล้ว เมื่อมีคดีก็เป็นความไม่น่าพอใจด้วยกันทั้งสองงฝ่าย ดังนั้นต้องมาระวัง เพราะถ้ามีปัญหาวันข้างหน้าอีก ก็จะมาบ่นอีก ดังนั้นคนที่เกี่ยวข้องก็อย่าไปพูดพาดพิงเขา” นายชวนกล่าว

ถามว่า ออกมาแนะนำอย่างนี้คิดว่าจะทำให้นายสมัครมีจิตสำนึกที่ดีขึ้นหรือไม่ เพราะนายสมัครมีอำนาจจะใช้สื่อต่อไปอย่างไรก็ได้ นายชวน กล่าวว่า ถึงจะมีอำนาจก็เถอะแต่ความสำนึกก็เป็นส่วนหนึ่งของการวินิจฉัยว่าอะไรเป็นอะไร แต่เราก็คงไปเปลี่ยนอะไรท่านไม่ได้ แต่เราเสนอว่าบางเรื่องที่ท่านเข้าใจผิดก็ขอให้ถ่องแท้หน่อยว่าจริงๆ คืออะไร ถ้าตนไปด่าว่านายสมัครเป็นคนไม่ดี ทุจริต โกง และไม่เหมาะสมที่จะเป็นนายกฯ ท่านก็ตอบโต้มาได้อย่างรุนแรง แต่เราไม่ได้พูดอย่างนั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะฟ้องเพิ่มอีกคดีหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า น้องชายจะทำอย่างไรต่อไปก็คงเป็นสิทธิ์ของเขา แต่น้องชายตนไม่ใช่ข้าราชการจึงไม่ได้ไปฉ้อราษฎร์บังหลวงอะไร ส่วนที่นายสมัครออกมาพาดพิงเช่นนี้เพราะต้องการดิสเครดิตตนหรือไม่นั้น คิดว่าไม่มีอะไรที่จะต้องดิสเครดิตเพราะไม่ช่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต่างหากที่เป็นคู่แข่งท่าน ตนเป็นแค่ประธานสภาที่ปรึกษาเท่านั้นเอง และไม่ได้เป็นปฎิปักษ์กับท่าน

“ผมคิดว่าการที่นายกฯ พูดเช่นนี้ไม่ได้ทำให้ผมเสียความน่าเชื่อถือ แต่จะเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของตัวท่านเอง เพราะหากพูดอะไรไปไม่ตรงก็จะเสียหาย อย่างผมวิเคราะห์การเมืองออกไป ถ้าวิเคราะห์ผิดก็วิจารณ์กลับมาได้ แต่นี่ท่านเลยเถิดลามไปถึงญาติพี่น้อง โดยที่ผมไม่ได้ว่าอะไรท่าน ผมวิเคราะห์ว่าพรรคพลังประชาชนกล้า ไม่ได้บอกว่าท่านกล้าที่เสนอคนที่มีปัญหาอยู่แล้วให้ได้รับการโปรดเกล้าแต่งตั้ง เราทำวิธีการแบบเปิดเผยตรงไปตรงมา ที่ผมเห็นด้วยเพราะดีกว่าไปออกใบปลิว” นายชวน กล่าว

นายชวน กล่าวถึงการออกใบปลิวว่า กระบวนการนี้ทำมานานแล้ว หยาบคาย หมิ่นประมาทชัดเจน สิ่งที่เสนอไปก็เพื่อหวังว่าจะได้รับความร่วมมือที่จะได้เรียกร้องความสามัคคี เพราะการจะสามัคคีต้องทำให้เงื่อนไขความขัดแย้งหมดไป นั่นคืออย่าไปทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง หรือทำลับหลัง ไม่ซื่อตรง ไม่ใช่ว่าต่อหน้าเรียกร้องความสามัคคี แล้วทำร้ายเขาด้วยการคุกคามด้วยเอกสาร คนที่อยู่ในที่แจ้งก็ไม่สามารถโฆษณาหรือแก้ตัวได้ ถ้าแจกร้อยคนแล้วมีคนเชื่อสิบคนก็มีผลทั้งนั้น ตนไม่ได้ระบุว่าใครเป็นผู้ทำ แต่เมื่อมีปฏิกิริยาออกมาก็ดี ดังนั้น ขอให้รัฐบาลร่วมมือกันดีกว่า เพื่อแก้ปัญหา เพราะกระบวนการนี้ไม่ใช่คนธรรมดา มีทั้งเงินและเครื่องมือ อยากเชิญชวนรัฐบาลและรัฐมนตรีมาร่วมมือกัน แต่เอกสารก็ให้รัฐมนตรีไม่ได้ เพราะตามกฎหมาย รัฐมนตรีไม่ใช่เจ้าหน้าที่

“อย่าไปตั้งหลักว่าสิ่งที่ผมนำมาพูดแล้วไประบุว่าท่านเป็นผู้ทำ ซึ่งผมไม่ได้พูดเลย แต่หลายคนก็มีความรู้สึกว่า ถ้าเราพูดแล้วต้องหมายถึงท่านเพราะถ้ารู้และหลายคนก็ท้าว่า ถ้าผิดจริงทำไมไม่ฟ้องก็เพราะว่ามันไม่รู้น่ะสิว่าใครเป็นคนทำ จึงฟ้องไม่ได้ ถ้าเรารู้เราก็แจ้งความดำเนินคดี” นายชวน กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรที่รัฐบาลไม่ดำเนินการเรื่องนี้แต่กลับโยนภาระมาให้ท่านเป็นผู้ไปแจ้งความดำเนินคดี นายชวน กล่าวว่า ตนคิดว่าเขาคงไม่อยากรับรู้สิ่งเหล่านี้มากกว่า เพราะมันเป็นเรื่องที่หากไปรับแล้วก็ต้องไปล่าตาม เดี๋ยวตามไม่ได้ก็จะเป็นความรับผิดชอบของเขาไป แต่จะได้ตัวหรือไม่ได้ตัวก็เป็นส่วนหนึ่งที่อยากได้คือความจริงใจที่จะมาร่วมมือกัน และไม่อยากให้ดูดาย เหมือนดูประหนึ่งว่าการด่าผู้หลักผู้ใหญ่เป็นเรื่องช่างหัวเพราะไม่ใช่ตัวเรา

เมื่อถามว่านายสมัครเคยพูดในรายการสนทนาประสาสมัคร เกี่ยวกับหนังสือก้อนกรวดในรองพระบาท แต่กลับไม่ดำเนินการอะไรในเรื่องนี้ ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เคยนำเสนอประเด็นนี้แล้วก็รอดูว่าท่านจะทำอย่างไร แต่อย่าเพิ่งไปพูดถึงเรื่องแจ้งความฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เลย เดี๋ยวจะมีเรื่องอื่นตามมาอีก

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสมัครกับนายชวนเป็นเพื่อนนิติศาสตร์รุ่นเดียวกัน เมื่อเกิดกรณีพาดพิงยังมีความเป็นเพื่อนอีกหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ความเป็นเพื่อนก็เป็นเพื่อน ตนว่านายสมัครก็ไม่มีอะไร เคยอยู่ด้วยกันในพรรค ท่านเป็นสมาชิกตนก็เป็นคนหนึ่งที่สนับสนุนท่าน และไม่มีอะไรเป็นส่วนตัวที่จะไปรังเกียจรังงอนหรือจะไปทำอะไรท่าน ต่างคนต่างอยู่ เมื่อออกจากพรรคไปแล้วท่านก็ไปหาความก้าวหน้าในพรรคใหม่ของท่าน ตนก็อยู่ที่เดิม วันหนึ่งท่านเคยบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นพรรคต่ำ 10 แน่ ตนก็ยังอยู่ที่เดิม ดังนั้นโดยส่วนตัวไม่มีอะไรกัน

ต่อข้อถามที่ว่าเมื่อไม่มีปัญหาส่วนตัวเหตุใดนายสมัครจึงชอบพูดพาดพิงถึง นายชวน กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ยังไม่ได้เป็นนายกฯ แต่ก็ไม่เป็นอะไรถ้าหากเป็นเหตุเป็นผล แต่ตรงข้ามหากบิดเบือนตนก็อยากขอร้องพวกเราทุกคนให้ความจริงกับท่านด้วย การที่ท่านมาโต้ตอบก็อาจเป็นเพราะว่าไม่ได้อ่านหรือฟังทั้งหมด

/0110
กำลังโหลดความคิดเห็น