xs
xsm
sm
md
lg

พันธมิตรฯ ลั่นเดินหน้าต้าน รธน.ฟอกผิด นัดเคลื่อนไหวใหญ่รอบสอง 25 เม.ย.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“พันธมิตรฯ” พร้อมองค์กรแนวร่วม ออกคำประกาศเดินหน้าต้านระบอบทักษิณ และการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อฟอกผิดตนเอง ลั่นเคลื่อนไหวใหญ่ครั้ง 2 จัด “ยามเฝ้าแผ่นดิน ภาคพิเศษ” หอประชุมใหญ่ ธรรมศาสตร์ 25 เม.ย.นี้

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง แถลงการณ์พันธมิตรฯ พร้อมองค์กรแนวร่วม

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง แกนนำพันธมิตรฯและองค์กรแนวร่วมแสดงความคิดเห็นและตอบคำถามสื่อ

วันนี้ (19 เม.ย.) แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมตัวแทนองค์กรแนวร่วมจากทั่วประเทศ ได้ประชุมเพื่อหารือถึงสถานการณ์ทางการเมือง ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว หลังจากนั้น เวลาประมาณ 15.00 น.ได้มีการออกคำประกาศเรื่อง “เดินหน้าต้านระบอบทักษิณ และการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อฟอกผิดตนเอง” มีเนื้อหาดังนี้

สืบเนื่องจากสถานการณ์สังคมการเมืองภายหลังเลือกตั้งและได้รัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งบริหารประเทศมาครบ 2 เดือนพอดี สังคมทุกภาคส่วนล้วนมีความหวังกับรัฐบาลชุดใหม่ว่าจะดำเนินการคลี่คลายวิกฤติการณ์ของบ้านเมืองในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความแตกแยกในสังคม การฟื้นฟูประชาธิปไตย ปัญหาเศรษฐกิจข้าวยากหมากแพง ฯลฯ แต่การณ์กลับตรงกันข้ามสวนทางกับความหวังของผู้คนในสังคม จนสถานการณ์ในปัจจุบันมีแนวโน้มพัฒนาไปสู่ความขัดแย้งแตกแยกรอบใหม่

ด้วยเหตุดังนั้น พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทั้งแกนนำส่วนกลาง แกนนำระดับภาค ระดับจังหวัด องค์กรแนวร่วม และเครือข่ายต่างๆ จึงได้จัดประชุมเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์และแนวโน้ม รวมทั้งแผนการเคลื่อนไหว การจัดทำข้อเสนอแนะต่อสังคมเพื่อร่วมกันฟันฝ่าวิกฤตปัญหาของบ้านเมือง โดยที่ประชุมมีความเห็นต่อสถานการณ์ และข้อเสนอต่อทุกภาคส่วนดังนี้

2 เดือนรัฐบาลหุ่นเชิด “วิกฤตซ้อนวิกฤต”

ภายหลังรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2551 นั้น พบว่ารัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญกับนโยบายที่แถลงแต่อย่างใด แต่กลับเดินหน้าเช็คบิลทางการเมืองทำสารพัดวิธีเพื่อทวงอำนาจคืนให้กับระบอบทักษิณ ไล่เลียงตั้งแต่การโยกย้ายล้างบางข้าราชการประจำ การแทรกแซงตัดตอนกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะกระบวนการยุติธรรมก่อนศาล ไม่ว่าจะเป็นกรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อัยการสูงสุด ฯลฯ

จึงปฏิเสธไม่ได้ว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันเป็นเพียงรัฐบาลหุ่นเชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และระบอบทักษิณ ฉะนั้นวาระประเทศหรือนโยบายเร่งด่วนที่แถลงต่อสภาจึงเป็นเพียงภาพลวงตา เพราะเนื้อหาที่แท้จริงคือการแก้ปัญหาและฟอกผิดให้กับคนๆ เดียว

นอกจากนี้ รัฐมนตรีร่วมรัฐบาลหลายคนและลิ่วล้อระบอบทักษิณ ทั้งในสภาและนอกสภาก็ใช้อำนาจและแสดงออกอย่างก้าวร้าว เหิมเกริม ท้าตีท้าต่อย ตอกลิ่มความแตกแยกในสังคมให้ขยายวง แทรกแซงสื่อสารมวลชนในกำกับของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นช่อง 11 และคลื่นวิทยุ รวมทั้งสื่อเทียมรูปแบบต่างๆ ที่คนในพรรคพลังประชาชนอยู่เบื้องหลัง เพื่อใช้เป็นเครื่องมือบิดเบือนและโฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง

ในขณะเดียวกัน การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ข้าวยากหมากแพง โดยทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล กลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาน้ำมันแพง ราคาหมู และราคาข้าว ที่พ่อค้าคนกลางหรือนายทุนขนาดใหญ่กลับได้ประโยชน์จากราคาที่ผันผวน

ความล้มเหลวไร้ประสิทธิภาพในการบริหารแผ่นดินของรัฐบาลและพฤติกรรมที่ก้าวร้าวและลุแก่อำนาจ ส่งผลให้สังคมการเมืองไทยตรึงเครียดมากขึ้นอย่างรวดเร็ว วิกฤติการณ์ลูกเก่านอกจากไม่มีทางคลี่คลายแล้วยังส่งผลให้เกิดวิกฤตการณ์ลูกใหม่ กลายเป็นวิกฤติซ้อนวิกฤติ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ทักษิณเดินสายสร้างภาพ หวังทวงคืนอำนาจ

การกลับเข้าประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว พร้อมสัญญาประชาคมว่าจะวางมือทางการเมืองนั้น บัดนี้ปรากฎชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ฉีกสัญญาดังกล่าวทิ้ง ซ้ำร้ายยังเดินสายปรากฎตัวเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วงชิงพื้นที่ทางสังคมการเมือง ขายภาพลักษณ์เศรษฐีใจบุญ และอดีตนายกรัฐมนตรีที่ถูกรังแก

ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รู้ดีว่าโอกาสชนะในกระบวนการยุติธรรมนั้นอาจเป็นเรื่องลำบาก เพราะพยานหลักฐานในคดีความต่างๆ ปรากฎชัดเจน ฉะนั้นจึงพยายามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมผ่านรัฐบาลนอมินี และสร้างพื้นที่ทางสังคมการเมืองเพื่อทำสงครามจิตวิทยากับกระบวนการยุติธรรมหวังผลกดดันทางอ้อมให้ได้รับชัยชนะและความเห็นใจจากการต่อสู้คดี

นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังเชื่อว่าชะตากรรมของรัฐบาลนอมินี ภายใต้การนำของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด เริ่มไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมวงกว้าง เกิดแรงต้านอย่างกว้างขวางและรวดเร็ว การวางตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่ หรือการปรับ ครม.ครั้งใหญ่จึงมีความจำเป็นเพื่อซื้อเวลาและต่อลมหายใจของระบอบทักษิณในฐานะผู้กุมอำนาจรัฐให้ยาวนานที่สุด

จึงมิแปลกที่สัญญาณความขัดแย้งระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กับนายสมัคร สุนทรเวช ส่งสัญญาณชัดเจนขึ้น รวมทั้งการปล่อยข่าวจากคนในพรรคพลังประชาชนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะขับนายสมัคร สุนทรเวช ลงจากตำแหน่งนายกฯ ในเร็วๆ นี้

แก้รัฐธรรมนูญฟอกผิด เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองประชาธิปไตย

ที่ประชุมพันธมิตรฯ และองค์กรแนวร่วม ทั่วประเทศเชื่อว่าการเปิดประเด็นรื้อรัฐธรรมนูญ ของพรรคพลังประชาชนในขณะนี้นั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นเพียงเล่ห์อุบายทางการเมือง โดยหวังตัดทิ้งและแก้ไขรัฐธรรมนูญ เฉพาะ มาตราที่เป็นอุปสรรคขวากหนามของการฟื้นระบอบทักษิณ ไม่ว่าจะเป็น มาตรา 237 และ มาตรา 309 หรือการวางแผนลดวาระของ กกต.และ ปปช. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระทำหน้าที่ถ่วงดุลตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล พฤติกรรมดังกล่าวของพรรคพลังประชาชนจึงเข้าข่ายเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขและเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ

ที่ประชุมจึงมีมติคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกผิดให้กับตนเอง แต่หากพรรคร่วมรัฐบาลมีมติแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะต้องจัดให้มีการลงประชามติสอบถามความเห็นของประชาชนทั้งประเทศว่าเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่

เพราะต้องไม่ลืมว่าที่มาของรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 มาจากการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างกว้างขวางและจัดทำประชามติเพื่อให้ประชาชนทั้งประเทศตัดสินใจในขั้นตอนสุดท้ายว่าจะรับร่างรัฐธรรมสนูญฉบับนี้หรือไม่ ผลการลงประชามติพบว่าเสียงส่วนใหญ่มากกว่า 14 ล้านเสียงออกเสียงรับร่างรัฐธรรมนูญ

ดังนั้น การกล่าวอ้างของพรรคพลังประชาชนว่าที่มาของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เป็นเผด็จการนั้นจึงไม่เป็นความจริง วิธีที่รัฐบาลกำลังลุกลี้ลุกลนใช้เสียงข้างมากปิดปากเสียงข้างน้อยในสภารื้อรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกผิดตนเอง นี่ต่างหากเป็นวิธีที่เลวร้ายกว่าเผด็จการที่พรรคพลังประชาชนกล่าวหาเสียอีก

ทั้งนี้ พันธมิตรฯ และองค์กรแนวร่วม เห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญแม้เป็นสิทธิที่ทำได้ก็ตาม แต่กระบวนการแก้ไขต้องมีความชอบธรรมปราศจากปัญหาผลประโยชน์ขัดกันและการมีส่วนได้เสีย และต้องมีกระบวนรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนอย่างกว้างขวาง เช่นเดียวกับสภาร่างรัฐธรรมนูญชุดที่ 1 และสภาร่างรัฐธรรมนูญชุดที่ 2

แผนการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ และแนวร่วม

1. ที่ประชุมจะดำเนินการคัดค้านกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกผิดตนเองทุกรูปแบบอย่างถึงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 164 รวบรวมรายชื่อ 2 หมื่นรายชื่อ เพื่อดำเนินการถอดถอน สส.ที่ร่วมรับรองญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกผิดตนเอง และจะยื่นเรื่องต่ออัยการสูงสุดเพื่อวินิจฉัยว่าการเสนอญัตติ รวมทั้งการเตรียมการชุมนุมใหญ่

2. ที่ประชุมจะยื่นเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวสอบข้อเท็จจริงพฤติการณ์การรื้อรัฐธรรมนูญดที่ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 122 ที่ระบุว่า สส.จะต้องไม่ทำหน้าที่ขัดกันแห่งผลประโยชน์ หรือมีส่วนได้เสียในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการ ซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐรรมนูญ

หากอัยการสูงสุดตรวจสอบพบข้อเท็จจริง จะต้องยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรรมนูญวินิจฉัยสั่งยุติการกระทำดังกล่าว และพิจารณายุบพรรคต่อไป

3. ที่ประชุมเห็นร่วมกันว่าจะจัดให้มีการเคลื่อนไหวใหญ่ครั้งที่ 2 ในรูปแบบ “ยามเฝ้าแผ่นดิน ภาคพิเศษ” ในวันศุกร์ที่ 25 เมษายน 2551 ณ หอประชุมใหญ่ธรรมศาสตร์ นี้ โดยชูประเด็นต่อต้านการรื้อรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกผิดตนเอง ซึ่งรายละเอียดจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง

4. ที่ประชุมมีมติให้เครือข่ายพันธมิตรฯ ทั้งส่วนกลาง ต่างจังหวัด ต่างประเทศ และองค์กรแนวร่วมต่างเตรียมพร้อมระดมมวลชนเพื่อชุมนุมใหญ่ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญและแนวทางอหิงสาทันที หากมีการดันทุรังรื้อรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกความผิดให้ พตท.ทักษิณ ชินวัตรและเครือข่าย โดยไม่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง

5. ที่ประชุมได้มอบหมายให้คณะกรรมการทั้ง 6 คณะ ซึ่งประกอบไปด้วยคณะกรรมการติดตามตรวจสอบความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและเครือข่าย คณะกรรมการติดตามตรวจสอบการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและความยากจน คณะกรรมการตรวจสอบการคุกคามและแทรกแซงสื่อสารมวลชน คณะกรรมการติดตามตรวจสอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการติดตามตรวจสอบการคุกคาม กลั่นแกล้ง ละเมิดศักดิ์ศรีข้าราชการประจำและสิทธิเสรีภาพประชาชน คณะกรรมการติดตามตรวจสอบการขายรัฐวิสาหกิจดำเนินการติดตามตรวจสอบและรายงานข้อเท็จจริง พร้อมทั้งเปิดโปงความไม่ชอบมาพากลของรัฐบาลในแต่ละประเด็น ต่อสาธารณะอย่างต่อเนื่อง

พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
และเครือข่ายองค์กรแนวร่วมทั่วประเทศ

19 เมษายน 2551


รายละเอียดคำแถลงช่วงถามตอบ

คุณประเทือง ปรัชพฤกษ์ ตัวแทนจังหวัดบุรีรัมย์
“การรวมตัวของภาคประชาชนและพันธมิตรนับว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญครั้งประวัติศาสตร์ เพราะว่าชาติบ้านเมืองวิกฤตมากที่สุด เพราะฉะนั้น กระผมใคร่ข้อเรียกร้องให้พี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ นักธุรกิจ พี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่าได้กรุณาให้ความสนใจกับการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ เพราะฉะนั้นเหตุการณ์ครั้งนี้ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ”

ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ จ.สงขลา
“ในส่วนของภาคใต้ เราเตรียมที่จะเคลื่อนไหวตามมติของพันธมิตรฯ คิดว่าจะมีการพบปะพูดคุยกัน คิดว่าจะประมาณอาทิตย์ 2 อาทิตย์ข้างหน้า และการเคลื่อนไหวจัดเวที การพูดคุย และการรณรงค์ 20,000 รายชื่อ ร่วมกับทางรัฐวิสาหกิจ”

คุณไพรินทร์ คำศิริ พันธมิตรฯ นิวยอร์ก
“ในเมื่อทางเมืองไทยมีการเคลื่อนไหวทุกครั้ง ทางเราที่อยู่ทางอเมริกาก็พร้อมจะเคลื่อนไหวทุกครั้ง ดิฉันเป็นนักต่อสู้ เป็นนักเคลื่อนไหว แต่ไม่ใช่นักพูด จะให้พันธมิตรฯ จากลาสเวกัสพูดต่อ”

ณจรินทร (ยุ้ย)
“เราก็พร้อมที่จะสู้ทุกเมื่อที่พันธมิตรฯ ที่เมืองไทยสู้ ทางโน้นถ้าไม่ได้มาเราก็พร้อมจะส่งเป็นเสบียงมา คือเงินค่ะ ขอบคุณค่ะ”

คุณแซมดิน เลิศบุตร มูลนิธิกองทัพธรรม
“การรวมตัวของพันธมิตรฯ ในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการเพิ่มศักยภาพของประชาชนที่มีความสนใจทางด้านการเมือง เมื่อก่อนนี้ประชาชนส่วนใหญ่จะให้นักการเมืองที่เลือกเข้ามาเป็นผู้ที่ดำเนินงานทางการเมืองไป แต่มาถึงวันนี้แล้วจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า การมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนเพิ่มมากขึ้น ความถูกต้องเข้ามาสู่สังคมมากขึ้น แล้วก็คุณธรรม จริยธรรม กำลังเคลื่อนเข้ามาสู่เวทีทางการเมือง นับว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดีของประชาชน ส่วนนักการเมือง ถึงแม้ว่านักการเมืองจะนิสัยยังไม่ค่อยดีนัก ก็คงจะต้องถูกค่อยๆ คัดออกไป ตรงนี้เห็นได้นะครับว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในวันนี้เกิดความชัดเจนขึ้น มารวมตัวกันมากขึ้น ต้องขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกท่าน ขอบคุณครับ”

คุณอำนาจ สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์
“ในนามของผู้แทนสายแรงงานสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พร้อมที่จะขับเคลื่อนในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาตั้งแต่ต้น โดยเฉพาะการปกป้องสิทธิแรงงาน สิทธิของประชาชนในการเข้าถึงบริการสาธารณะจากรัฐ ซึ่งก็คือรัฐวิสาหกิจ เราจะทวงคืนรัฐวิสาหกิจทุกแห่งทีถูกปล้นไปกลับคืนมาให้กับประชาชนครับ”

ด้านนายสุริยะใส กล่าวว่า “ตอนนี้ทางรัฐบาลยังไม่ยื่นญัตติเข้าสภา ทันทีที่เขายื่นเราจะริเริ่มอย่างเป็นทางการ คือ แสดงตนต่อประธานวุฒิสภา คือผมเข้าใจว่าใช้เวลาคงไม่เกิน 15 วัน 20,000 รายชื่อ หรืออาจเร็วกว่านั้น อย่างไรก็ตาม เป็นการใช้รัฐธรรมนูญทุกช่องทาง เราคงไม่ได้บอกว่าหวังหรือไม่หวังอะไร แต่ผมคิดว่าถ้าทุกองค์กรทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญบ้านเมืองก็คลี่คลายไปได้ แต่เราพยายามที่จะใช้สิทธิทั้งช่องทางในรัฐธรรมนูญ และสิทธิขั้นพื้นฐานในรัฐธรรมนูญเคลื่อนไหวนอกสภาด้วยพร้อมกันไป”

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง
“หมายถึงว่าในวันที่ 25 เมษายนใช่ไหมครับ ที่เราจะมีการเคลื่อนไหวจะมีการเสวนาครั้งใหญ่เป็นครั้งที่ 2 ในนั้นปรากฏอยู่ในแถลงการร์เรียบร้อยแล้วนะครับ ว่าหลังจากนี้เราจะทำอะไร ซึ่งเราจะทำทุกอย่าง เริ่มต้นตั้งแต่การเสนอชื่อไปยังองค์กรที่เกี่ยวข้องโดยตรง แล้วเราก็จะมีการเสวนาทางวิชาการครั้งที่ 2 ที่หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในวันที่ 25 เมษายนนี้ ในการเสนานั้นก็จะผนวกกับการขอรายชื่อด้วย ซึ่งทางแรงงานพร้อมแล้วที่จะเอาแบบฟอร์มเพื่อประชาชนจะได้ร่วมมือกันโดยตรง เอาสำเนาบัตรประชาชนอย่างเดียวเท่านั้นนะครับ ไปที่หอประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และช่วยกันลงนาม ซึ่งในวันนั้นการที่พวกเราจะเสนอเพื่อถอดถอนนั้น หากรัฐบาล หากพรรคการเมืองได้ยื่นเข้าไป และพร้อมที่จะขอรายชื่อจากประชาชนทันทีถ้าไปในงานนั้นด้วยยิ่งสะดวกใหญ่”

“การเผชิญหน้านั้น ไม่ใช่เรื่องของเราเพราะเราจัดการชุมนุมอย่างสันติ การเผชิญหน้านั้นเป็นเรื่องของผู้ที่ต้องการทำให้บ้านเมืองปั่นป่วน เป็นความรับผิดชอบของ 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งคือผู้ที่กินภาษีอากรจากประชาชน คือ ตำรวจ มีหน้าที่โดยตรง อีกฝ่ายหนึ่งก็คือเห็นว่าถ้าตัวเองทำไปแล้วทำให้บ้านเมืองปั่นป่วนก็อย่าทำ ส่วนตัวเองจะไปจัดการชุมนุมที่ไหนจะทำเมื่อไรทางเราไม่ข้องแวะด้วย”

นายสมเกียรติ
“องค์กรของแนวร่วมภาคต่างๆ ได้มีการตระเตรียมเรียบร้อยแล้ว การเคลื่อนกำลังเป็นเหตุผลของจังหวะก้าวที่ถูกกำหนดที่ถูกกำหนดขึ้น สัญญาณที่บ่งบอกว่าวัฒนธรรม 2 อำนาจกำลังจะปะทะกันในยุทธการสุดท้าย คือ สัญญาณที่เข้าไปก้าวล่วงต่อบ้านสี่เสาเทเวศร์ เพราะว่าการก้าวล่วงบ้านสี่เสาเทเวศร์คราวก่อนนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ในวันนี้ระบอบทุนสามานย์ได้ก้าวล่วงใกล้ชิดไปถึงบ้านสี่เสาเทเวศร์อีกครั้ง เพราะฉะนั้นสัญญาณนี้จะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าแนวรบของภาคประชาชนจะมีการเผชิญหน้า และปะทะกันระหว่างวัฒนธรรม 2 อำนาจ เราถือว่าการยึดครั้งนี้เป็นการยึดครั้งสุดท้าย การยึดครั้งสุดท้ายแล้ว ซึ่งเราเชื่อว่าการออกแบบวางแผนคราวนี้ทั้งพันธมิตรต่างประเทศ พันธมิตรต่างจังหวัด องค์กรแนวร่วม และแกนนำพันธมิตรได้ออกแบบอย่างรอบคอบแล้ว โดยมีฐานทางวิชาการจากคณะกรรมการอย่างน้อย 6 คณะสนับสนุน เพราะฉะนั้นเชื่อมั่นว่าในกรอบรัฐธรรมนูญเราจะล้มระบอบทุนสามานย์ได้ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นกรุณาอย่างถามว่ามีการปั่นป่วนหรือไม่ เพราะพวกเราไม่เคยไปปั่นป่วนเลย เราไม่เคยพกน็อต หรือขวดน้ำไปโยนที่ไหน ไม่เคยเกิดจากพันธมิตรเลยนะครับ”

นายสมศักดิ์
“ก็คิดว่าเป็นความตกใจกลัวของคนที่มัวเมาในอำนาจ และกิเลสที่อยากจะได้ผลประโยชน์โดยที่ไม่ชอบธรรม ก็เป็นธรรมดา คนที่ โลกอยากได้สิ่งเหล่านั้นก็เลยตกใจกลัวไปหมด ผมคิดว่า ถ้าเขาบอกว่า มีใครไปเสี้ยมเขาได้อย่างนี้ ก็แสดงว่า เขาไม่น่าจะไม่ฉลาดถึงขนาดนั้น”

“ความแตกแยกมันเกิดขึ้น โดยหลักการ ผมยกตัวอย่างให้เห็นนะครับว่า สัจจะไม่มีในหมู่โจร การไปปล้นสะดมอะไรกันมา เวลาแบ่งไม่ลงตัวก็จะมีปัญหา นี่คือนิยายเรื่องเก่าๆ ที่เราได้เรียนรู้กันมา นะครับ”

นายสมเกียรติ
“เราไม่เคยพูดว่าบ้านสี่เสาฯ เป็นต้นเหตุของการปะทะ เราพูดว่า มีกลุ่มก่อกวนและความรุนแรงที่บ้านสี่เสาฯ เป็นการก้าวล่วงเข้าไปกินพรมแดนขององคมนตรี แต่พันธมิตรฯ ไม่เคยกระทำสิ่งนี้ เพราะฉะนั้นเราอยากให้จับตากระแสนี้ หลังจากเราเคลื่อนไหวครั้งแรกที่ธรรมศาสตร์ เราก็ได้รับความกรุณาจากกลุ่มก่อกวนได้โยนก้อนกรวด นอต และขวดน้ำ แล้วผมก็กรุณาได้รับการถีบ 1 ครั้ง สัญญาณพวกนี้มันบ่งบอกว่า มันกำลังเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก เราจึงบอกว่า สัญญาณแบบนี้ไม่ใช่สัญญาณธรรมดา แต่มันได้กินพรมแดนไปถึงท่านประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษแล้ว จึงต้องจับตามองเป็นพิเศษว่า ประเทศชาติ วัฒนธรรม 2 อำนาจ มันกำลังปะทะ และรังสรรค์ และสร้างสรรค์นะครับ ไม่ใช่ปะทะเพื่อทำลายรังสรรค์ เพื่อให้สิ่งที่ดีดำรงอยู่ สิ่งที่ชั่วร้ายหมดไป”

นายสมเกียรติ
“สื่อต้องไปประเมินเองว่าพันธมิตรฯ จะไปล้อมบ้านสี่เสาฯ และก่อความรุนแรงไหม หรือกลุ่มไหนจะไปก่อความรุนแรง”

อย่างไรก็ตาม พล.ต.จำลอง กล่าวด้วยว่า “ผู้สื่อข่าวต้องย้อนกลับไปถึงคำพูดของเราอีกทีนะครับ ซึ่งผมเป็นคนพูดคนแรกเลย เราพูดว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทำอะไรทำตามสถานการณ์ ไม่ใช่ทำตามใจ เพราะฉะนั้นสถานการณ์มันต้องเกิดขึ้นก่อน อย่าไปบอกว่าถ้าเกิดอย่างนี้แล้วจะทำอย่างไร มันจะทำให้สับสนไปหมด ไว้รอดูต่อไปก็แล้วกัน”

/0110






กำลังโหลดความคิดเห็น