ระนอง - ผู้ต้องหาขบวนการค้าแรงงานเถื่อนข้ามชาติ ลักลอบนำแรงงานต่างด้าวชาวพม่าไปส่งให้นายหน้าที่ภูเก็ต จนขาดอากาศหายใจเสียชีวิตคารถบรรทุกสิบล้อห้องเย็น 54 ศพ มอบตัวตำรวจระนองเป็นรายที่ 6 รับสารภาพเพียงทำหน้าที่นับหัวพม่า เพื่อทำข้าวให้กินเท่านั้น ยันทำเอง “โกชุ้น” ไม่เกี่ยว ตำรวจสอบเครียด เตรียมฝากขังนัดแรก 21 เม.ย.นี้
เมื่อเวลา 23.30 น.วันที่ 19 เม.ย.ที่บ้านพักผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดระนอง ได้นำตัว น.ส.ปัญชลีย์ ชูสุข หรือผึ้ง อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 102 ม.5 ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง 1 ในผู้ต้องหาร่วมขบวนการลักลอบค้าแรงงานเถื่อนข้ามชาติ ในเหตุการณ์แรงงานต่างด้าวชาวพม่าขาดอากาศหายใจเสียชีวิตคารถบรรทุกสิบล้อห้องเย็น 54 ศพ พื้นที่ อ.สุขสำราญ จ.ระนอง เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2551 ที่ผ่านมา
หลังติดต่อขอเข้ามอบตัวโดยเจ้าหน้าหน้าที่ไปรับตัวมาจากบ้านที่ อ.ระโหนด จ.สงขลา มีนางกาญจนา กี่หมัน ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง พล.ต.ต.อภิรักษ์ หงษ์ทอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง และ พ.ต.ท.ทวีศักดิ์ ยอดระบำ รอง ผกก.สส.สภ.สุขสำราญ ร่วมทำการสอบสวนเบื้องต้น
น.ส.ปัญชลีย์ ให้การรับสารภาพว่า วันที่เกิดเหตุตนเป็นคนนับหัวแรงงานต่างด้าวชาวพม่าทั้งหมด แต่ไม่ใช่ช่วงก่อนขึ้นรถบรรทุกสิบล้อห้องเย็น ทำเพียงนับจำนวนคนเพื่อทำข้าวกล่องแจกให้เท่านั้น ส่วนการดำเนินการอื่นใดนอกเหนือจากนี้ไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ ทั้งสิ้น โดยหน้าที่ของตนเอง คือ นับหัวแรงงานพม่าเพื่อทำข้าวแจก ซึ่งทำให้รับประทานวันละ 2 มื้อ และลักลอบทำเองโดยที่นายจิราวัฒน์ โสภาพันธุ์วรากุล หรือโกชุ้น และภรรยาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องรูเห็นแต่อย่างใด
เงินที่นำไปซื้อสิ่งของมาประกอบอาหารนั้นเป็นคนออกเองไปก่อน หลังจากนั้นจะมีคนขับเรือ ซึ่งเป็นผู้นำพาพม่าดังกล่าวนำเงินทั้งหมดมาคืนให้ในราคากล่องละ 30 บาท ซึ่งวันนั้นทำแจกพม่าไปทั้งหมด 120 กล่อง ไม่ได้ไปเบิกมาจากนายจิราวัฒน์ตามที่มีผู้กล่าวอ้างแต่อย่างใด
ส่วนสาเหตุที่ให้นายเฉลิมชัย วริศจันทร์เปล่ง หรือโจ สามีเข้ามอบตัวก่อนเมื่อช่วงค่ำวันที่ 18 เม.ย.เนื่องจากกลัว เพราะไม่รู้ว่า จะต้องประสบกับเหตุการณ์ และถูกแจ้งความจับดำเนินคดีในข้อหาใด ซึ่งวันเกิดเหตุหลังทราบข่าวตกใจหลบหนีไปอยู่ที่บ้านที่ อ.ระโหนด จ.สงขลา และบ้านญาติที่ จ.ปัตตานี ติดตามข่าวตลอด มีการขอคำแนะนำจากญาติ และผู้ที่สนิทว่า จะดำเนินการต่อไปอย่างไรดี
ประกอบกับแม่สามี คือ นางเจิมจิตต์ บอกให้ตนไม่ต้องหนี เพราะไม่ได้ทำความผิดร้ายแรง เพียงรับจ้างทำข้าวให้พม่ารับประทานเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับขบวนการแต่อย่างใด จึงตัดสินใจติดต่อขอเข้ามอบตัว ยืนยันว่า การติดต่อขอเข้ามอบตัวในครั้งนี้ไม่มีใครแนะนำ หรือซักซ้อมคำให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมาก่อนว่านายจิราวัฒน์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ในส่วนของตนเองรับสารภาพว่าทำหน้าที่เพียงทำข้าวให้พม่าเท่านั้น ซึ่ง น.ส.ปัญชลีย์ มีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด
ด้าน พล.ต.ต.อภิรักษ์ หงษ์ทอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้น น.ส.ปัญชลีย์ รับสารภาพว่า ทำหน้าที่ทำข้าวกล่องให้แรงงานพม่าเท่านั้น ส่วนประเด็นอื่นๆ ไม่รู้ไม่เห็นแต่อย่างใด แต่จากการสอบสวนแรงงานพม่าที่รอดชีวิตมีหลายราย เมื่อเห็นรูป น.ส.ปัญชลีย์ ยืนยันว่า เป็นผู้ที่นับจำนวน และผลักแรงงานพม่าขึ้นรถที่แพปลา และทำข้าวกล่องให้กิน ซึ่งสอดคล้องกับคำให้การของพยานแวดล้อมบริเวณแพปลาหลายรายว่า
วันที่เกิดเหตุ น.ส.ปัญชลีย์ อยู่ที่บริเวณแพปลาจุดที่นายสุชล บุญปล้อง นำรถเข้าไปรับแรงงานตลอดเวลา และออกจากแพปลาพร้อมกับนายโจ สามี รวมทั้งเป็นผู้ที่ตรวจเช็กรายชื่อแรงงานพม่าที่ทยอยเข้ามาหลบซ่อนที่แพประหลาดังกล่าว จนกว่าจะครบตามจำนวนที่นายหน้าต้องการ ซึ่งทยอยลักลอบเดินทางเข้ามาก่อนวันเกิดเหตุประมาณ 2-3 วันแล้ว โดยใช้รหัสเรียกขานแรงงานพม่าเป็น “ตัว” ว่า “ปลาเค็ม”
อย่างไรก็ตาม ในชั้นสอบสวนเบื้องต้น น.ส.ปัญชลีย์ ให้การวกวนขัดแย้งกับที่นายโจ สามี ให้การเกือบทั้งหมด แต่เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องออกหมายจับ เนื่องจากมีการซัดทอดจากผู้เสียหาย และผู้ร่วมขบวนการเดียวกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานชัดเจน ส่วนนายโจนั้นสืบทราบว่ามีความสนิทสนมกับนายจิราวัฒน์เป็นอย่างดี โดยทำงานร่วมกันมานาน ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา นายจิราวัฒน์เลี้ยงดูเป็นอย่างดี และส่งเสียให้เรียนหนังสือ
ขณะที่ พ.ต.ท.ทวีศักดิ์ ยอดระบำ รอง ผกก.สส.สภ.สุขสำราญ กล่าวว่า วันนี้ (20 เม.ย.) จะทำการสอบสวน น.ส.ปัญชลีย์ อย่าวละเอียดอีกครั้ง และจะฝากขังนัดแรกที่ศาลจังหวัดระนองวันที่ 21 เมษายน 2551 ร่วมกับผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับกุมได้ก่อนหน้านี้ ส่วนนายสุพัชร์ โพธิ์ทอง หรือพัชร์ ยังหลบหนี ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังติดตามจับกุมตัวอย่างใกล้ชิด