ระนอง - “สุชล บุญปล้อง” คนขับรถห้องเย็นบรรทุกปลามรณะ ลักลอบขนแรงงานต่างด้าวชาวพม่าเข้าเมืองไปส่งให้นายหน้าที่ภูเก็ต 101 คน จนขาดอากาศหายใจตายคาที่ 54 ศพ ติดต่อขอมอบตัวกับตำรวจระนองแล้ว หลังถูกกดดันอย่างหนัก เกรงถูกฆ่าตัดตอน เบื้องต้นรับสารภาพร่วมขบวนการค้าแรงงานเถื่อนข้ามชาติจริง ตำรวจเร่งขยายผลเพิ่ม พบรายชื่อขบวนการเถื่อนเพิ่มอีกเพียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดระนองว่า เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (15 เม.ย.) ที่ สภ.เมืองระนอง มีการแถลงข่าวการจับกุมตัวนายสุชล บุญปล้อง คนขับรถสิบล้อห้องเย็นบรรทุกปลามรณะที่นำพา 54 แรงงานต่างด้าว เสียชีวิตขณะจะเดินทางไปส่งให้นายหน้าที่จังหวัดภูเก็ต โดยมี นางกาญจนาภา กี่หมัน ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง พล.ต.ท.ธานี ทวิชศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และ พล.ต.ต.อภิรักษ์ หงส์ทอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง พร้อมด้วย พ.ต.ท.เยเมน หัวหน้าหน่วยต่อต้านการค้ามนุษย์ และรองหัวหน้าปราบปรามคดีอาญาจังหวัดเกาะสองประเทศพม่า เข้าร่วม
พล.ต.ท.ธานี ทวิชศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวว่า การขอเข้ามอบตัวของนายสุชลในครั้งนี้ถือว่า ต้องยกความดีความชอบให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เนื่องจากนายสุชล และญาติให้ความไว้วางใจ จึงประสานให้ส่งเจ้าหน้าที่ไปรับที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี จากนี้คงต้องขยายผลไปให้ถึงตัวผู้ร่วมขบวนการอื่นๆ ไป เพราะเบื้องต้นนายสุชลให้การรับสารภาพทั้งหมด รวมไปถึงผู้ที่ร่วมขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติทั้งหมดด้วย ทั้งในส่วนที่เจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวไปแล้ว และกำลังจะออกหมายจับเพิ่มเติม
นอกจากนี้ยังมีผู้ร่วมขบวนการคนอื่นๆ อีกที่มีรายชื่อโผล่ขึ้นมา ซึ่งตำรวจภูธรจังหวัดระนองทำงานกันอย่างหนัก และยังคงต้องทำต่อ เพื่อให้รู้ว่าขบวนการนี้มีใครอีกบ้าง เพื่อนำตัวมาดำเนินคดี ด้านการป้องกัน และปราบปรามกลุ่มผู้กระทำผิดถือว่าอยู่ในระดับที่ดีระดับหนึ่ง เพราะจังหวัดระนองมีชายแดนที่ติดกับพม่ายาวถึง 169 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่คงจะดูไม่ได้ทั้งหมดการทำงานตลอดมาถือว่า ดีในระดับที่น่าพอใจ แต่จะต้องทำต่อไปให้ดีกว่าที่เป็นอยู่กว่าในปัจจุบัน
ด้าน นางกาญจนาภา กี่หมัน ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวว่า การติดต่อขอเข้ามอบตัวของนายสุชล ครั้งนี้เกิดเมื่อเวลาประมาณ 17.30 น.วันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา นางสุนีย์ เสนานัด พี่สาวของนายสุชล พร้อมญาติๆ ได้เดินทางมาพบที่จวนผู้ว่าฯ เพื่อบอกความต้องการว่า นายสุชลต้องการจะมอบตัว เพราะเกรงว่าจะมีอันตราย โดยขอให้ส่งเจ้าหน้าที่ไปรับตัวที่กรุงเทพฯ
จากนั้นจึงส่งเรื่องให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนองทราบเบื้องต้น ก่อนมอบหมายให้นายสมพร ปัจฉิมเพชร ป้องกันจังหวัดระนอง เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 415 ระนอง พร้อมด้วยพี่สาว และญาติ ของนายสุชล เดินทางไปรับตัวพร้อมกัน ระหว่าง เดินทางนายสมพร นางสุนีย์ และญาติๆ ได้พูดคุยต่อรองให้นายสุชลมาพบที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เพราะใกล้และสะดวกกว่าที่จะเข้ากรุงเทพฯ ซึ่งนายสุชลก็ยอมรับ เพราะเชื่อในคำพูดของพี่สาว จากนั้นได้นำตัวนายสุชลมาไว้ที่จวนผู้ว่าฯ เพื่อความปลอดภัย พร้อมทั้งสอบถามเรื่องราวในเบื้องต้นถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอให้ตำรวจดูแลความปลอดภัยชีวิตของนายสุชลเป็นกรณีพิเศษด้วย
ด้าน พล.ต.ต.อภิรักษ์ หงส์ทอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานกันตลอด 24 ชั่วโมง มีการจับกุมตัวผู้ต้องหาไปบางส่วน และที่กำลังจะออกหมายจับอีกบางส่วน เมื่อได้ตัวนายสุชล ที่ถือว่าเป็นจิกซอตัวสำคัญ คดีคงมีความคืบหน้าเร็วขึ้นอีก และพร้อมรับรองความปลอดภัยแก่นายสุชลอย่างเต็มที่
โดยการสอบสวนเบื้องต้น นายสุชลให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับขบวนการค้าแรงงานต่างด้าวจริง โดยวันเกิดเหตุนายดำรงค์ ผุสดี หรือโก้รัน ได้เรียกให้มาขับรถ เพราะว่าได้รับการติดต่อจากนายหน้าคนหนึ่ง ที่เจ้าหน้าที่กำลังออกหมายจับว่า มีแรงงานต่างด้าวพร้อมแล้วให้มารับด้วยที่แพโชคเจริญชัย หมู่ 5 ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง
จากนั้นเวลาประมาณ 20.00 น.คืนวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้ขับรถสิบล้อห้องเย็นบรรทุกปลาสิบล้อไปที่แพ โดยมีคนเปิดประตูให้ จากนั้นได้มีผู้ชายอีกคนพร้อมผู้หญิงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังจะขออนุมัติหมายจับเช่นกัน มาเป็นคนพา และนับจำนวนแรงงานพม่าขึ้นรถ โดยได้ค่าจ้างขับรถไปส่งแรงงานต่างด้าวเป็นจำนวนเงิน 80,000 บาทต่อเที่ยว ไปส่งที่บ้านอ่าวมะขาม ถนนศักดิเดช ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต
เมื่อขึ้นรถเป็นที่เรียบร้อยแล้วผู้หญิงที่นับแรงงานพม่าขึ้นรถได้ให้เบอร์ของตนเองกับแรงงานพม่าที่อยู่ในตู้ห้องเย็น เพื่อเอาไว้โทรถามสถานการณ์ต่างๆ และสอบถามเรื่องอากาศ และแอร์ภายในรถว่า มีความพอดีหรือไม่ โดยช่วงแรกวิ่งมาก็ไม่มีปัญหาอะไรมีการสอบถามกันตลอดทาง มีรถร่วมขบวนการอีกคันวิ่งคอยคุมเชิงเพื่อดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ
จนมาใกล้ถึงที่เกิดเหตุตนเองไม่ได้รับโทรศัพท์ เพราะเส้นทางมืดมาก ประกอบกับเส้นทางคดเคี้ยวต้องขับรถอย่างระมัดระวัง แต่แรงงานพม่าก็จะโทร.ซ้ำตลอด พร้อมทั้งทุบฝาผนังรถ จึงตัดสินใจเลี้ยวเข้าซอยข้างทางแล้วเปิดประตู เมื่อเห็นว่า มีแรงานพม่าล้มตายเป็นจำนวนมาก บางส่วนก็ตกลงมาจากรถ จึงได้เดินไปแอบหลบซุ่มอยู่ที่บริเวณตรงข้ามกับที่มีการตั้งด่านของทหาร
พอรุ่งเช้าจึงได้โบกรถประจำทางสายราชกรูด-ระนอง อ.กะเปอร์ นั่งรถต่อไป อ.หลังสวน จ.ชุมพร แล้วนั่งรถต่อไปยัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เข้ากรุงเทพฯ โดยกลางวันจะนั่ง-เดิน อยู่ตามท้องสนามหลวง กลางคืนก็จะกลับเข้านอนโรงแรม ติดตามข่าวตลอด จึงเกิดความสำนึกผิด ประกอบกับกลัวว่าจะถูกฆ่าตัดตอนจึงติดต่อไปยังพี่สาวให้เข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เพื่อขอติดต่อมอบตัวโดยให้มารับตัวด้วย
อย่างไรก็ตาม ในส่วนรายละเอียดอื่นๆ ที่ลึกกว่านี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถให้รายละเอียดได้ เพราะต้องทำการสอบสวนรายละเอียดที่ลึกๆ ให้เสร็จสิ้น จนนำไปสู่เครือข่ายผู้กระทำผิดหากว่า ผู้ต้องหาให้รายละเอียดซัดทอดไปถึงใคร ไม่ว่าจะเป็นนายทุน ผู้มีอิทธิพล หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ จะอยู่ในหน่วยงานใดจะดำเนินคดีอย่างไม่มีข้อยกเว้น.
