ศูนย์ข่าวภูเก็ต – “ผบ.สส” ชี้เจ้าหน้าที่มีเอี่ยวแก๊งค้ามนุษย์ พร้อมจี้รัฐทบทวนแผนสกัดแรงงานต่างด้าว ด้าน ผบช.ภาค 8 ทำเสียงแข็งสั่งกวาดล้างเอเย่นต์ค้ามนุษย์ลอบเข้าไทยทั่วใต้ เผยตัวการใหญ่ค้าแรงงานเถื่อนกบดานที่ภูเก็ต ศาลจังหวัดระนอง พิพากษาจำคุกแรงงานพม่าคนละ 2 เดือน ปรับ 2,000 บาท ส่วนเจ้าของรถไม่อนุญาตให้ประกันตัว “สมพงษ์” สั่งดีเอสไอ ล่าตัวผู้อยู่เบื้องหลังให้ได้โดยเร็ว
วานนี้ (11 เม.ย.) พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) กล่าวถึงเหตุการณ์แรงงานชาวพม่าหลบหนีเข้าเมืองเสียชีวิต 54 ศพว่า หน่วยงานที่เกี่ยวจะต้องไปทบทวนและหามาตรการทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก ซึ่งการนำผู้หลบหนีเข้าเมืองเข้ามาไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย แต่ก็ทำกันอย่างเล็ดลอด ซ่อนเร้น เจ้าหน้าที่ก็มีปัญหาในเรื่องของการตรวจจับ ดูแลให้เกิดความปลอดภัย หากเจ้าหน้าที่เข้าถึงก็คงจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ คงต้องมีการหาวิธีในการจัดการใหม่
ส่วนจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่เจ้าหน้าที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยนั้น พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า มี แต่คงไม่ใช่เจ้าหน้าที่ที่เป็นทางการ เป็นเจ้าหน้าที่บางประเภทที่ไม่ได้ทำตามหน้าที่ ทำนอกความเป็นเจ้าหน้าที่ คือทำในสิ่งที่ไม่ดี ซึ่งการนำผู้หลบหนีเข้าเมืองเข้ามาในประเทศเป็นเรื่องของผู้ที่มีอิทธิพลมีอำนาจอยู่เบื้องหลัง เป็นเรื่องของผลประโยชน์ ทั้งนี้ ทางเสนาธิการทหาร บก.สส. กำลังดำเนินการอยู่ รถที่ใช้ขนผู้หลบหนีเข้าเมืองยังมีอีกมาก แต่จับได้เฉพาะคันที่มีคนตาย แต่บางคันก็ยังมีการเล็ดลอดไปได้ ทั้งนี้เราก็ได้พูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้านถึงแก้ปัญหาในเรื่องนี้
สั่งกวาดล้างเอเย่นต์ค้ามนุษย์ทั่วใต้
ด้าน พล.ต.ท.ธานี ทวิชศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เปิดเผยถึงความคืบหน้าหน้าคดี แรงงานต่างด้าวชาวพม่าหลบหนีเข้าเมืองเสียชีวิต 54 รายในห้องเย็นรถบรรทุกปลาที่ จ.ระนอง เมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้มีข้อมูลแล้วว่านายสุชล บุญปล้อง อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47/5 ม.1 ต.บางนอน อ.เมืองระนอง ซึ่งเป็นคนขับรถขนแรงงานพม่ายังกบดานอยู่ในเขตพื้นที่ จ.ระนอง
ขณะเดียวกันตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่แบ่งชุดปฏิบัติการพิเศษ 4 ชุดลงพื้นที่เป้าหมายหลายจังหวัดทั้งพังงา กระบี่ ภูเก็ต ชุมพร ซึ่งเป็นพื้นที่เมืองสำคัญทางเศรษฐกิจของภาคใต้ และมีการเข้ามาทำงานของกลุ่มแรงงานต่างด้าวในช่วงที่ผ่านมาเพื่อสืบสวนหาตัวเอเย่นต์ที่เชื่อมโยงกับกลุ่มค้าแรงงานข้ามชาติ
“ตัวละครสำคัญที่จะสามารถนำเจ้าหน้าที่ไปยังตัวการที่อยู่เบื้องหลังการค้าแรงงานเถื่อนในครั้งนี้ คือ นายดำรงค์ ผุสดี เจ้าของรถ และนายนายสุชล บุญปล้อง คนขับรถ ที่ตำรวจกำลังเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี ส่วนผู้เกี่ยวข้องรายอื่นยังไม่พบข้อมูลที่เชื่อมโยง”
พล.ต.ท.ธานี กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กวาดล้างและจับกุมเเรงเถื่อนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง แต่ขบวนการค้าแรงงานเถื่อนมักจะเปลี่ยนวิธี การลักลอบเข้าเมืองอยู่ตลอดเวลามีหลายรูปแบบทั้งเดินเท้า การเปลี่ยนรถเพื่อไม่ให้ถูกตรวจสอบได้ แต่จากนี้ไปได้กำชับว่าต้องสาวให้ถึงตัวผู้อยู่เบื้องหลังรวมไปถึงตัวผู้ส่งและผู้ซื้อ
ภูเก็ต แหล่งกบดานเอเย่นต์ใหญ่
ด้าน พล.ต.ต.อภิรักษ์ หงษ์ทอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้จัดแบ่งกำลังเจ้าหน้าที่ออกติดตามนายสุชล บุญป้อง คนขับรถ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมีข้อมูลที่เชื่อได้ว่าบุคคลดังกล่าวน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการค้าแรงงานเถื่อนกลุ่มสำคัญ
สำหรับนายสุชล ขณะนี้ยังกบดานอยู่ในพื้นที่ จ.ระนอง และเคลื่อนไหวอยู่บริเวณย่านท่าแพ ตำรวจคาดว่าจะได้ตัวในเร็วๆ นี้ ซึ่งถือเป็นจิ๊กซอร์สำคัญที่จะนำไปสู่การทลายแก๊ง และเอเย่นต์สำคัญลักลอบค้าแรงงานข้ามชาติในขณะนี้ พร้อมกับประกาศจ่ายเงินเป็นรางวัลนำจับแก่พลเมืองดีที่แจ้งเบาะแสแก่เจ้าหน้าที่ในการควบคุมตัวนายสุชล บุญป้อง จำนวน 5 หมื่นบาท
พล.ต.ต.อภิรักษ์ กล่าวต่อว่า จากฐานข้อมูลเชิงลึกพบว่า ภูเก็ตคือพื้นที่เป้าหมาย ที่เอเย่นต์รายใหญ่ ในการค้าแรงงานเถื่อนใช้เป็นแหล่งสั่งการและบัญชาการ รวมถึงเป็นจุดนำเข้าแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายมากที่สุดเมื่อเทียบกับพื้นที่ใกล้เคียงกับจังหวัดอื่นที่อยู่ใกล้เคียง
“เราพบว่าภูเก็ตมีเอเย่นต์ใหญ่รายสำคัญคอยสั่งออเดอร์และส่งต่อแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายไปยังลูกค้าในจังหวัดอื่น และที่สำคัญภูเก็ตเป็นพื้นที่ซึ่งมีแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในปริมาณมาก เนื่องเป็นจังหวัดที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ไม่นิยมจ้างแรงงานไทย”พล.ต.ต.อภิรักษ์ กล่าว
นอกจากนี้ ยังได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งจุดตรวจถี่ขึ้น เนื่องจากในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เชื่อว่าจะมีขบวนการค้าแรงงานนำแรงงานเถื่อนเข้ามาในพื้นที่อีกระลอก เพราะแรงงานที่มีอยู่เดิมได้ลาหยุดพักยาวในช่วงเทศกาลสำคัญ ขณะที่ผู้ประกอบการบางกลุ่มยังมีความต้องการใช้แรงงานในช่วงนี้ จึงมีออเดอร์ไปยังเอเย่นต์ให้ลอบขนแรงงานจากระนองมาส่งตามใบสั่ง
พล.ต.ต.อภิรักษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับนายดำรง ผุสดี เจ้าของรถห้องเย็นคันดังกล่าวตำรวจได้นำตัวไปควบคุมที่ สภ.สุขสำราญ พร้อมแจ้งข้อหากระทำโดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต และให้การช่วยเหลือใดๆ แก่คนต่างด้าวให้พ้นจากการจับกุม ทั้งนี้ จะไปขออำนาจศาลฝากขังเพื่อสอบปากคำและขยายผลต่อ ส่วนแรงงานต่างด้าวที่รอดชีวิตจากเหตุครั้งนี้อีกจำนวน 66 คน เจ้าหน้าที่จะนำตัวไปส่งฟ้องศาลในข้อหาหลบหนีเข้าเมือง
ทั้งนี้ ได้เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง โดยติดกล้องวงจรปิดรอบเมืองระนองเพื่อเฝ้าระวัง เนื่องจากพื้นที่ชายแดนระนองกับพม่าที่มีความยาวหลายร้อยกิโลเมตรหากใช้กำลังเจ้าหน้าที่เพียงอย่างเดียวคงไม่สามารถสกัดกั้นการหลบหนีได้อย่างครอบคลุม จึงจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยแก้ไขและป้องกันปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ศาลสั่งจำคุกแรงงานต่างด้าว 2 เดือน
วันเดียวกัน พ.ต.อ.ไกรทอง จันทร์ทองใบ ผกก.สภ.สุขสำราญ จ.ระนอง พร้อมด้วย ร.ต.ท.ศุภชัย ศรีสมโภชน์ ร้อยเวรเจ้าของคดีได้นำตัวนายดำรงค์ หรือโกรัน ผุสดี อายุ 45 ปี เจ้าของรถ น.รุ่งเรืองทรัพย์ ไปฝากฝังต่อศาลจังหวดระนองครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน เนื่องจากยังต้องสอบสวนพยานอีก 15 ปากและรอผลการสอบประวัติต้องโทษของผู้ต้องหา และพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเป็นคดีที่สนใจของประชาชน มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
สำหรับแรงงานพม่าที่รอดชีวิตไปยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดระนองในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 จำนวน 50 คน เป็นชาย 27 คน หญิง 23 คน ส่วนที่เป็นเยาวชนอายุไม่ต้อง 18 ปี ทางตำรวจได้อนุโลมไม่ขอดำเนินคดีเนื่องจากต้องใช้เวลานาน เพราะต้องขึ้นศาลเด็กและเยาวชน จึงนำตัวไปควบคุมไว้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองระนอง
ต่อมาเวลา 15.30 น. ศาลจังหวัดระนองได้มีคำพิพากษาสั่งจำคุกแรงงานต่างด้าวทั้ง 50 คน ๆละ 2 เดือน ปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 1 ปี ส่วนนายดำรง ผุสดี เจ้าของรถ ศาลเห็นด้วยกับคำคัดค้านของพนักงานสอบสวน โดยไม่อนุญาตให้ประกันตัว
ด้าน นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ อ.สุขสำราญ จ.ระนอง เพื่อตรวจสอบกรณีดังกล่าวอย่างเร่งด่วน โดยกำชับให้ดีเอสไอ สืบสวนนำตัวผู้อยู่เบื้องหลังการลักลอบค้าแรงงานต่างด้าวมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากเป็นการค้ามนุษย์ ซึ่งหากตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติ จะเสนอคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) เพื่อนำเข้าเป็นคดีพิเศษและดำเนินคดีต่อไป
วานนี้ (11 เม.ย.) พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) กล่าวถึงเหตุการณ์แรงงานชาวพม่าหลบหนีเข้าเมืองเสียชีวิต 54 ศพว่า หน่วยงานที่เกี่ยวจะต้องไปทบทวนและหามาตรการทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก ซึ่งการนำผู้หลบหนีเข้าเมืองเข้ามาไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย แต่ก็ทำกันอย่างเล็ดลอด ซ่อนเร้น เจ้าหน้าที่ก็มีปัญหาในเรื่องของการตรวจจับ ดูแลให้เกิดความปลอดภัย หากเจ้าหน้าที่เข้าถึงก็คงจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ คงต้องมีการหาวิธีในการจัดการใหม่
ส่วนจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่เจ้าหน้าที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยนั้น พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า มี แต่คงไม่ใช่เจ้าหน้าที่ที่เป็นทางการ เป็นเจ้าหน้าที่บางประเภทที่ไม่ได้ทำตามหน้าที่ ทำนอกความเป็นเจ้าหน้าที่ คือทำในสิ่งที่ไม่ดี ซึ่งการนำผู้หลบหนีเข้าเมืองเข้ามาในประเทศเป็นเรื่องของผู้ที่มีอิทธิพลมีอำนาจอยู่เบื้องหลัง เป็นเรื่องของผลประโยชน์ ทั้งนี้ ทางเสนาธิการทหาร บก.สส. กำลังดำเนินการอยู่ รถที่ใช้ขนผู้หลบหนีเข้าเมืองยังมีอีกมาก แต่จับได้เฉพาะคันที่มีคนตาย แต่บางคันก็ยังมีการเล็ดลอดไปได้ ทั้งนี้เราก็ได้พูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้านถึงแก้ปัญหาในเรื่องนี้
สั่งกวาดล้างเอเย่นต์ค้ามนุษย์ทั่วใต้
ด้าน พล.ต.ท.ธานี ทวิชศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เปิดเผยถึงความคืบหน้าหน้าคดี แรงงานต่างด้าวชาวพม่าหลบหนีเข้าเมืองเสียชีวิต 54 รายในห้องเย็นรถบรรทุกปลาที่ จ.ระนอง เมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้มีข้อมูลแล้วว่านายสุชล บุญปล้อง อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47/5 ม.1 ต.บางนอน อ.เมืองระนอง ซึ่งเป็นคนขับรถขนแรงงานพม่ายังกบดานอยู่ในเขตพื้นที่ จ.ระนอง
ขณะเดียวกันตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่แบ่งชุดปฏิบัติการพิเศษ 4 ชุดลงพื้นที่เป้าหมายหลายจังหวัดทั้งพังงา กระบี่ ภูเก็ต ชุมพร ซึ่งเป็นพื้นที่เมืองสำคัญทางเศรษฐกิจของภาคใต้ และมีการเข้ามาทำงานของกลุ่มแรงงานต่างด้าวในช่วงที่ผ่านมาเพื่อสืบสวนหาตัวเอเย่นต์ที่เชื่อมโยงกับกลุ่มค้าแรงงานข้ามชาติ
“ตัวละครสำคัญที่จะสามารถนำเจ้าหน้าที่ไปยังตัวการที่อยู่เบื้องหลังการค้าแรงงานเถื่อนในครั้งนี้ คือ นายดำรงค์ ผุสดี เจ้าของรถ และนายนายสุชล บุญปล้อง คนขับรถ ที่ตำรวจกำลังเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี ส่วนผู้เกี่ยวข้องรายอื่นยังไม่พบข้อมูลที่เชื่อมโยง”
พล.ต.ท.ธานี กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กวาดล้างและจับกุมเเรงเถื่อนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง แต่ขบวนการค้าแรงงานเถื่อนมักจะเปลี่ยนวิธี การลักลอบเข้าเมืองอยู่ตลอดเวลามีหลายรูปแบบทั้งเดินเท้า การเปลี่ยนรถเพื่อไม่ให้ถูกตรวจสอบได้ แต่จากนี้ไปได้กำชับว่าต้องสาวให้ถึงตัวผู้อยู่เบื้องหลังรวมไปถึงตัวผู้ส่งและผู้ซื้อ
ภูเก็ต แหล่งกบดานเอเย่นต์ใหญ่
ด้าน พล.ต.ต.อภิรักษ์ หงษ์ทอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้จัดแบ่งกำลังเจ้าหน้าที่ออกติดตามนายสุชล บุญป้อง คนขับรถ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมีข้อมูลที่เชื่อได้ว่าบุคคลดังกล่าวน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการค้าแรงงานเถื่อนกลุ่มสำคัญ
สำหรับนายสุชล ขณะนี้ยังกบดานอยู่ในพื้นที่ จ.ระนอง และเคลื่อนไหวอยู่บริเวณย่านท่าแพ ตำรวจคาดว่าจะได้ตัวในเร็วๆ นี้ ซึ่งถือเป็นจิ๊กซอร์สำคัญที่จะนำไปสู่การทลายแก๊ง และเอเย่นต์สำคัญลักลอบค้าแรงงานข้ามชาติในขณะนี้ พร้อมกับประกาศจ่ายเงินเป็นรางวัลนำจับแก่พลเมืองดีที่แจ้งเบาะแสแก่เจ้าหน้าที่ในการควบคุมตัวนายสุชล บุญป้อง จำนวน 5 หมื่นบาท
พล.ต.ต.อภิรักษ์ กล่าวต่อว่า จากฐานข้อมูลเชิงลึกพบว่า ภูเก็ตคือพื้นที่เป้าหมาย ที่เอเย่นต์รายใหญ่ ในการค้าแรงงานเถื่อนใช้เป็นแหล่งสั่งการและบัญชาการ รวมถึงเป็นจุดนำเข้าแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายมากที่สุดเมื่อเทียบกับพื้นที่ใกล้เคียงกับจังหวัดอื่นที่อยู่ใกล้เคียง
“เราพบว่าภูเก็ตมีเอเย่นต์ใหญ่รายสำคัญคอยสั่งออเดอร์และส่งต่อแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายไปยังลูกค้าในจังหวัดอื่น และที่สำคัญภูเก็ตเป็นพื้นที่ซึ่งมีแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในปริมาณมาก เนื่องเป็นจังหวัดที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ไม่นิยมจ้างแรงงานไทย”พล.ต.ต.อภิรักษ์ กล่าว
นอกจากนี้ ยังได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งจุดตรวจถี่ขึ้น เนื่องจากในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เชื่อว่าจะมีขบวนการค้าแรงงานนำแรงงานเถื่อนเข้ามาในพื้นที่อีกระลอก เพราะแรงงานที่มีอยู่เดิมได้ลาหยุดพักยาวในช่วงเทศกาลสำคัญ ขณะที่ผู้ประกอบการบางกลุ่มยังมีความต้องการใช้แรงงานในช่วงนี้ จึงมีออเดอร์ไปยังเอเย่นต์ให้ลอบขนแรงงานจากระนองมาส่งตามใบสั่ง
พล.ต.ต.อภิรักษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับนายดำรง ผุสดี เจ้าของรถห้องเย็นคันดังกล่าวตำรวจได้นำตัวไปควบคุมที่ สภ.สุขสำราญ พร้อมแจ้งข้อหากระทำโดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต และให้การช่วยเหลือใดๆ แก่คนต่างด้าวให้พ้นจากการจับกุม ทั้งนี้ จะไปขออำนาจศาลฝากขังเพื่อสอบปากคำและขยายผลต่อ ส่วนแรงงานต่างด้าวที่รอดชีวิตจากเหตุครั้งนี้อีกจำนวน 66 คน เจ้าหน้าที่จะนำตัวไปส่งฟ้องศาลในข้อหาหลบหนีเข้าเมือง
ทั้งนี้ ได้เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง โดยติดกล้องวงจรปิดรอบเมืองระนองเพื่อเฝ้าระวัง เนื่องจากพื้นที่ชายแดนระนองกับพม่าที่มีความยาวหลายร้อยกิโลเมตรหากใช้กำลังเจ้าหน้าที่เพียงอย่างเดียวคงไม่สามารถสกัดกั้นการหลบหนีได้อย่างครอบคลุม จึงจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยแก้ไขและป้องกันปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ศาลสั่งจำคุกแรงงานต่างด้าว 2 เดือน
วันเดียวกัน พ.ต.อ.ไกรทอง จันทร์ทองใบ ผกก.สภ.สุขสำราญ จ.ระนอง พร้อมด้วย ร.ต.ท.ศุภชัย ศรีสมโภชน์ ร้อยเวรเจ้าของคดีได้นำตัวนายดำรงค์ หรือโกรัน ผุสดี อายุ 45 ปี เจ้าของรถ น.รุ่งเรืองทรัพย์ ไปฝากฝังต่อศาลจังหวดระนองครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน เนื่องจากยังต้องสอบสวนพยานอีก 15 ปากและรอผลการสอบประวัติต้องโทษของผู้ต้องหา และพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเป็นคดีที่สนใจของประชาชน มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
สำหรับแรงงานพม่าที่รอดชีวิตไปยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดระนองในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 จำนวน 50 คน เป็นชาย 27 คน หญิง 23 คน ส่วนที่เป็นเยาวชนอายุไม่ต้อง 18 ปี ทางตำรวจได้อนุโลมไม่ขอดำเนินคดีเนื่องจากต้องใช้เวลานาน เพราะต้องขึ้นศาลเด็กและเยาวชน จึงนำตัวไปควบคุมไว้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองระนอง
ต่อมาเวลา 15.30 น. ศาลจังหวัดระนองได้มีคำพิพากษาสั่งจำคุกแรงงานต่างด้าวทั้ง 50 คน ๆละ 2 เดือน ปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 1 ปี ส่วนนายดำรง ผุสดี เจ้าของรถ ศาลเห็นด้วยกับคำคัดค้านของพนักงานสอบสวน โดยไม่อนุญาตให้ประกันตัว
ด้าน นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ อ.สุขสำราญ จ.ระนอง เพื่อตรวจสอบกรณีดังกล่าวอย่างเร่งด่วน โดยกำชับให้ดีเอสไอ สืบสวนนำตัวผู้อยู่เบื้องหลังการลักลอบค้าแรงงานต่างด้าวมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากเป็นการค้ามนุษย์ ซึ่งหากตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติ จะเสนอคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) เพื่อนำเข้าเป็นคดีพิเศษและดำเนินคดีต่อไป