กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติลงพื้นที่ระนองติดตามกรณีแรงานพม่าหลบหนีเข้าเมืองเสียชีวิตในรถห้องเย็น 54 ราย ผู้ว่าฯ วางมาตรการเข้มสกัดกั้นทุกทางไม่ให้แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง
เมื่อวันที่ 18 เม.ย. นางสุนี ไชยรส กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมตัวแทนสภาทนายความ และตัวแทนองค์กรพัฒนาเอกชน ได้ลงพื้นที่จังหวัดระนอง เพื่อติดตามกรณีแรงงานต่างด้าวชาวพม่าเสียชีวิตในรถห้องเย็น 54 ศพ เพื่อนำข้อเท็จจริง สภาพปัญหาตลอดจนความต้องการของแรงงานต่างด้าวมาหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการลักลอบนำเข้าแรงงานต่างด้าวอย่างเป็นระบบต่อไป
นางสุนีและคณะได้ประชุมร่วมกับนางกาญจนาภา กี่หมัน ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง นายยงยศ เมฆอรุณ รองผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งอัยการ ตำรวจภูธร ตม. ทหาร ฝ่ายปกครอง สาธารณสุขจังหวัด เรือนจำจังหวัด ที่ศาลากลางจังหวัดระนอง
จากนั้นนางสุนี และคณะได้เข้าเยี่ยมและพูดคุยหาทางช่วยเหลือชาวพม่าทั้งชายและหญิง จำนวน 46 คนซึ่งรอดชีวิตจากรถห้องเย็น และถูกคุมขังแทนค่าปรับจำนวน 2,000 บาท เป็นเวลา 10 วัน ภายในเรือนจำจังหวัดระนอง และจะครบกำหนดปล่อยตัวในวันที่ 20 เมษายนนี้ นอกจากนี้นางสุนี ได้เดินทางไปเยี่ยมเด็กและเยาวชนอีกจำนวน 14 คน ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองระนอง
นางสุนี กล่าวว่า วันที่ 20 เมษายนนี้ จะครบกำหนดปล่อยตัวผู้ที่ถูกคุมขังแทนค่าปรับแล้ว เมื่อปล่อยออกไปแล้วต้องอยู่ที่ระนองระยะหนึ่ง เพื่อจะได้ดูแลในเรื่องของความปลอดภัย ความเป็นธรรมรวมถึงค่าเสียหายและเรื่องคดี โดยให้อยู่ในความดูแลของ ตม.เพราะต้องรอเบิกความและเป็นพยานในชั้นศาล ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและญาติของผู้เสียชีวิตต้องได้รับค่าเสียหายจากผู้กระทำและจากกองทุนเงินทดแทนจากรัฐบาลไทยตามรัฐธรรมนูญแม้ว่าจะไม่ใช่สัญชาติไทยก็ตาม โดยทางสภาทนายความพร้อมที่จะเข้ามาให้ความช่วยเหลือในส่วนนี้ ถ้าหากผู้เสียหายต้องการ
นายนัสเซอร์ อาจอเซ็น ตัวแทนสภาทนายความ กล่าวว่า เหตุการณ์สลดใจดังกล่าว เป็นความผิดคดีอาญา ใครก็ตามที่เสียชีวิตและบาดเจ็บมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้กระทำความผิด ซึ่งผู้เสียหายสามารถเป็นโจทก์ร่วมฟ้องร้องบุคคลเหล่านั้นได้ โดยสภาทนายความจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องของกฎหมาย ซึ่งได้รับทราบข่าวว่าทางบริษัทประกันภัยพร้อมที่จะชดใช้ค่าเสียหายให้ส่วนหนึ่งแล้ว
พ.ต.อ.ไกรทอง จันทร์ทองใบ ผกก.สภ.สุขสำราญ กล่าวว่า สิ่งที่ดีเอสไอออกมาระบุว่าในวันเกิดเหตุมีรถตู้คอนเทนเนอร์ขนแรงงานพม่าถึง 3 คันนั้น จากการสอบสวนอย่างละเอียดแล้วพบว่าในวันดังกล่าว มีรถตู้คอนเทนเนอร์ขนแรงงานพม่าคันเกิดเหตุเพียงคันเดียว เพราะในโกดังที่นำพม่าขึ้นรถสามารถจอดรถได้เพียงครั้งละคันเท่านั้น ส่วนอีกสองคันที่ว่านั้นเป็นเพียงรถกรุยทางหรือนำทางดูลาดเลา และรถขับปิดท้ายเท่านั้น ซึ่งอาจจะเป็นรถเก๋งหรือรถปิคอัพก็ได้
ทางด้าน พ.ต.ท.เยเมี๊ยด หัวหน้าหน่วยป้องกันและต่อต้านการค้ามนุษย์จังหวัดเกาะสอง ประเทศพม่าและคณะได้เข้าหารือกับนางกาญจนาภา กี่หมัน ผู้ว่าราชการจังหวัดระนองที่ศาลากลางจังหวัด เพื่อยืนยันว่ารัฐบาลพม่าต้องการร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการปราบปรามขบวนการค้าแรงงานเถื่อนอย่างเต็มที่ และต้องการให้ทางการไทยส่งชาวพม่าที่รอดชีวิตทั้ง 66 คน ไปยังจังหวัดเกาะสองโดยเร็วที่สุด เพื่อจะได้สอบสวนหาผู้กระทำความผิดที่อยู่ในพม่าต่อไป
นางกาญจนาภา กี่หมัน ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวว่า จากเหตุการณ์สลดใจดังกล่าว จังหวัดระนองได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดมาตรการช่วยเหลือและป้องกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว โดยในด้านการป้องกันการหลบหนีเข้าเมือง ได้กำหนดมาตรการให้ทุกหน่วยงานเพิ่มความเข้มในการสกัดกั้นตามแนวชายแดน เพื่อป้องกันมิให้มีการหลบหนีเข้าเมืองเพิ่มเติม ให้ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มข้นและปรับมาตรการ วิธีการในการตรวจค้น ณ จุดตรวจ จุดสกัด ทุกจุดในท้องที่ โดยเฉพาะการตรวจค้นรถบรรทุกห้องเย็นให้เน้นการปฏิบัติที่รอบคอบเป็นกรณีพิเศษ
ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวด้วยว่า ให้กองกำลังสุรสีห์ โดยชุด ฉก.เสือดำ พิจารณาปรับที่ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด เพื่อให้สามารถสกัดกั้นการลักลอบนำพาแรงงานต่างด้าวออกจากพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้ด่านตรวจคนเข้าเมืองระนอง เพิ่มความเข้มในการดำเนินการตามกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง โดยเฉพาะการตรวจเอกสารผ่านแดน ให้เรือทุกลำมาจอดเทียบที่ท่าเรือสะพานปลา หมู่ที่ 1 ต.ปากน้ำ อ.เมืองระนอง เพียงจุดเดียว ให้จัดตั้งชุดเฉพาะกิจโดยสนธิกำลังของทุกฝ่ายทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหารเพื่อทำหน้าที่ในการจับกุมปราบปราม และควบคุมให้คนต่างด้าวที่อยู่ในพื้นที่ปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรการในการควบคุมของจังหวัดระนองอย่างเคร่งครัด
นางกาญจนาภา กล่าวอีกว่า ในส่วนของรถบรรทุกห้องเย็นหรือรถตู้คอนเทนเนอร์ ให้สำนักงานขนส่งจังหวัดระนองศึกษาแนวทางในการควบคุม และตรวจสอบการบรรทุกขนย้ายในลักษณะที่จัดให้มีเอกสารการควบคุมและตรวจสอบ ตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง การตรวจสอบในระหว่างการเดินทาง และตรวจสอบเมื่อถึงปลายทาง และให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบเข้าชี้แจงทำความเข้าใจ และควบคุมแพปลาในเขตพื้นที่มิให้ยินยอมให้แรงงานต่างด้าว ใช้สถานที่บริเวณแพปลาเป็นจุดขึ้นลงเรือในการเดินทางเข้าเมือง และหากพบว่าแพปลาปลาใดเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง รู้เห็น หรือสนับสนุนในการหลบหนีเข้าเมือง ให้ดำเนินการตามกฎหมายโดยเฉียบขาดในทันที
สำหรับความคืบหน้าในการติดตามตัวผู้ต้องหาที่ออกหมายจับไว้แล้วนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถจับกุมใครเพิ่มเติมได้อีก แต่ยังคงส่งสายสืบออกค้นหาตัวตามสถานที่ต่างๆ ที่คาดว่าจะไปหลบซ่อนตัวอย่างต่อเนื่อง
