ผญบ.นำตำรวจรวบแก๊งลักสายไฟเมืองคอนหลังพบระบาดหนัก

นครศรีธรรมราช - ตำรวจนครศรีธรรมราชเฮ !! ผู้ใหญ่บ้านตาไวนำรวบแก๊งลักสายไฟฟ้า รพ.เอกชนดังมึนตึ๊บเจอพิษคนในกระชากระบบไฟฟ้าดูแลคนไข้พังยับกว่า 4 ล้านบาทต้องเลื่อนเปิดบริการอีกกว่า 1 เดือน ขณะที่ผู้จัดการ บมจ.ทีโอทีนครศรีธรรมราชโอดเจอพิษลักทองแดงทำสูญแล้วกว่า 100 ล้าน

วันนี้ (24 ก.พ.) เวลา 01.00 น. พ.ต.ท.นิรัตน์ เทพเดชา สว.สป. สภ.อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งจากนายวิโรจน์ ชูวิเชียร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.ท่าไร่ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราชว่า มีชายวัยรุ่น 2 คนกำลังนั่งปอกสายไฟฟ้าเพื่อเอาลวดทองแดง บริเวณทางเข้านากุ้งในท้องที่หมู่ 3 ต.ท่าไร่ คาดว่า จะเป็นคนร้ายที่ออกอาละวาดโจรกรรมสายไฟฟ้าสร้างความเสียหายและวุ่นวายปั่นป่วนทั้งเมืองอยู่ในขณะนี้ ขอให้ไปตรวจสอบจับกุมด้วย

หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.สมชาย มวยดี สวป.สภ.เมือง นำกำลังตำรวจเดินทางไปตรวจสอบพบชายวัยรุ่น 2 คนทราบชื่อในเวลาต่อมาคือนายวิชาญ จันทรหวาน อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70/1 หมู่ 7 ต.บางจาก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช และนายเอกพจน์ สายน้อย อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่เดียวกัน ซึ่งทั้งคู่เป็นพี่น้องต่างบิดากัน กำลังนั่งปอกสายไฟฟ้าอยู่อย่างหน้าดำคร่ำเครียด เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พยายามจะวิ่งหลบหนี

แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมเอาไว้ได้ พร้อมของกลางลวดทองแดงที่ปอกออกมาเสร็จแล้ว 33 กิโลกรัม ปอกยางหุ้มสายไฟ 17 กิโลกรัม สายไฟฟ้า สีขาว ที่ยังไม่ปอก 1 ม้วน หนัก 5 กิโลกรัม มีดพับสำหรับเหลาดินสด 2 เล่ม กระสอบปุ๋ย 2 กระสอบและรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า สีขาวคาดดำ ทะเบียน คกธ-949 นครศรีธรรมราช 1 คัน จึงควบคุมตัวมาสอบสวนที่โรงพัก

จากการสอบสวนทราบว่านายวิชาญ จันทรหวาน เป็นพนักงานของบริษัทที่รับเหมาเดินสายไฟและติดตั้งระบบไฟฟ้าในโรงพยาบาลนครพัฒน์ ริมถนนพัฒนาการคูขวาง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ส่วนนายเอกพจน์ สายน้อย มีพฤติกรรมลักเล็กขโมยน้อยโดยเฉพาะในระยะหลัง ๆ ได้ร่วมกับพวกตระเวนโจรกรรมสายไฟฟ้า สายเคเบิ้ลโทรศัพท์ในพื้นที่หลายจังหวัดของภาคใต้ และมีหมายจับกุมของศาลจังหวัดตรัง

โดยนายวิชาญ และนายเอกพจน์ ให้การรับสารภาพว่า ในคืนวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้ขับรถจักรยานยนต์ไปดูลาดเลาหน้าโรงพยาบาลนครพัฒน์ จากนั้นจึงได้ไปยืมประแจเบอร์ 14 และเบอร์ 17 ที่บ้านนายบอน บริเวณปากทางเข้าหมู่บ้านนครเลควิว ไม่ไกลจากโรงพยาบาลนครพัฒน์มากนัก ก่อนจะกลับอีกครั้งและแอบขึ้นไปบนชั้น 2 ช่วยกันถอดสะพานควบคุมการจ่ายไฟที่เป็นแท่งทองแดง แต่ไม่สามารถถอดได้ จึงพากันกลับลงมาและเข้าไปในห้องเก็บสายไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นของบริษัทรับเหมาที่นายวิชาญทำงานอยู่

จากนั้นจึงได้ขโมยสายไฟฟ้า 12 ม้วน ใส่กระสอบปุ๋ย 2 กระสอบนำบรรทุกรถจักรยานยนต์ไปเก็บซ่อนไว้ในกุฎิร้างภายในวัดหัวตรุด ต.บางจาก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช และก่อนถูกจับกุมได้ไปเอาสายไฟฟ้าที่กุฎิร้างวัดหัวตรุดนำมาปลอก ยางหุ้มออกเพื่อเอาลวดทองแดงไปขาย แต่ถูกตำรวจจับกุมเสียก่อน และสองผู้ต้องหายังอ้างว่าในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราชเพิ่งทำเป็นครั้งแรก

แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อจึงควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีตามกฎหมายและขยายผลต่อไป ในขณะเดียวกันนายมานิตย์ แสงพูล ผู้รับเหมาเดินสายไปและติดตั้งระบบไฟฟ้าในโรงพยาบาลนครพัฒน์ ซึ่งเป็นนายจ้างของนายวิชาญได้เดินทางมาตรวจสอบของกลาง และยืนยันว่าเป็นสายไฟของตนเองที่เก็บไว้ในโรงพยาบาลนครพัฒน์ และถูกคนร้ายขโมยไปเมื่อคืนวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา

ขณะเดียวกันนายสมชาย ฝั่งชลจิตร์ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของโรงพยาบาลนครพัฒน์ ได้เดินทางมาพบกับตำรวจและดูคนร้ายและของกลาง พร้อมเปิดเผยว่า เดิมที่โรงพยาบาลนครพัฒน์ ที่เร่งก่อสร้างเพื่อเปิดบริการในวันที่ 1 มีนาคม 2551 นี้ โดยการเดินสายไฟฟ้าและติดตั้งระบบไฟฟ้าทั้งหมดต้องดำเนินการในลักษณะพิเศษกว่าการเดินสายไฟฟ้าแบบปกติทั่วไป ทั้งไฟฟ้าหลัก ไฟฟ้าฉุกเฉินและไฟสำรอง จะเดินระบบท่อและบางจุดต้องฝังในผนังปูน เมื่อหลายวันก่อนมีคนร้ายบุกเข้าไปโจรกรรมตัดสายไฟฟ้าเอาไปเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะสายไฟฟ้าในท่อที่ฝังในผนังปูนถูกคนร้ายตัดและดึงจนได้รับความเสียหายจำนวนมาก

ทางโรงพยาบาลนครพัฒน์ จึงต้องตรวจเช็คสายไฟฟ้าและระบบไฟฟ้าใหม่ทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดและเสียหายในช่วงที่เปิดบริการและมีคนไข้อยู่ ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ไปกว่า 4 ล้านบาท และคาดว่าจะตรวจสอบพร้อมเดินสายไฟฟ้าและติดตั้งระบบไฟฟ้าใหม่แล้วเสร็จเปิดบริการได้ในช่วงปลายเดือนมีนาคม หรือต้นเดือนเมษายน 2551

โดยหากมองเพียงทรัพย์สินที่คนร้ายขโมยไปมีมูลค่าไม่มากนัก แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นจนต้องเสียค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบและเดินสายไฟฟ้า ติดตั้งระบบไฟฟ้าใหม่มันต้องใช้งบประมาณสูงมาก และตนคิดอยู่แล้วว่าจะต้องมีคนในร่วมขบวนการซึ่งในที่สุดตำรวจก็จับกุมนายวิชาญ จันทรหวาน ซึ่งเป็นพนักงานของบริษัทรับเหมาเดินสายไฟฟ้าและติดตั้งระบบไฟฟ้าได้พร้อมนายเอกพจน์ สายน้อยดังกล่าว แม้ผู้ต้องหาทั้งสองจะอ้างว่าเพิ่งทำเป็นครั้งแรกแต่ตนมั่นใจว่าในครั้งก่อนนายวิชาญ และนายเอพจน์ จะต้องมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน

ในขณะที่นายธนศิลป์ มนต์สถาพร ผู้จัดการ บมจ.ทีโอทีนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ปัญหาคนร้ายลักลอบตัดสายเคเบิลโทรศัพท์นั้นเป็นปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ความเสียหายนั้นไม่สามารถประเมินค่าได้เพราะเศรษฐกิจภาพรวมเสียหายมาก ครั้งหนึ่งคนร้ายตัดเคเบิลยาวถึงราวครั้งละ 300 เมตร ถึง 1 กม.เลยทีเดียว ซึ่งตรงนั้นทำให้ชุมสายโทรศัพท์ในย่านที่เกิดเสียหายทั้งหมดไม่สามารถใช้การได้ครั้งหนึ่งหลายร้อยคู่สาย ทำให้เป็นปัญหาที่ทำให้เศรษฐกิจทรุดตัวและนักลงทุนหวั่นไหวจนไม่กล้าเข้ามาลงทุน

"ปี 2550 ประมาณการความเสียหายทั้งปีกว่า 100 ล้านบาท ปีนี้ดูแนวโน้มว่าจะหนักกว่าปีที่แล้วเพราะตั้งแต่ต้นมกราคมมาจนถึงวันนี้ถูกตัดสายไปหลายครั้งแล้ว โดยเฉพาะในเขต ต.ปากนคร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งได้มีการประสานตำรวจนั้นเราได้ประสานมาตลอด รวมทั้งชุดเฉพาะกิจศรีวิชัย ของผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช แต่ยังเกิดเหตุอยู่ ล่าสุดประสานขอกำลังทหารมาช่วยติดตามดูแลอีกส่วนหนึ่ง "

นายธนศิลป์ กล่าวอีกว่า การติดตามจับกุมคนร้ายนั้นยอมรับว่ายังไม่เป็นพอใจเนื่องจากยังมีการจับกุมน้อยมาก ฝ่ายช่างของโทรศัพท์ต้องไปซ่่อมแซมคราวหนึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายประมาณไม่น้อยกว่า 2-3 แสนบาท โดยคนร้ายเองนั้นมีความชำนาญเช่นเพราะแม้มีระบบเตือนภัยสายเคเบิลมีปัญหาเสียงเตือนภัยดังขึ้น เจ้าหน้าที่รีบเข้าไปตรวจสอบแต่คนร้ายปฏิบัติการรวดเร็วมากสามารถหลบหนีไปได้พร้อมสายเคเบิลหายไปหลายร้อยเมตรหรือเป็นกิโลเมตร โดยคนร้ายเขาใช้เวลาไม่ถึง 20 นาทีสามารถสร้างเสียหายใหญ่หลวง"

"เดิมทีราคาทองแดงมีราคาแค่ กก.ละ 40 บาท ปัจจุบันนี้สูงถึง 300-400 บาท ในขณะที่คนร้ายโจรกรรมเคเบิลไปแล้วขายได้เพียง กก.ละ 250 บาท ซึ่งถือว่าคุ้มกับการเสี่ยง เขาจึงกล้าเสี่ยงโดยไม่สนใจความเสียหายต่อส่วนรวม ซึ่งพบว่าคนร้ายที่จับกุมได้นั้นบางครั้งได้รับโทษน้อยมากเมื่อไปอยู่ในเรือนจำได้ไม่นานก็ออกมาอีกและมีวิชาที่กล้าแข็งกว่าเดิมด้วยซ้ำ"

พ.ต.ท.นิรัตน์ เทพเดชา สว.สป. กล่าวว่า นายวิชาญ และนายเอกพจน์ 2 ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่านำลวดทองแดงไปขายให้กับร้านรับซื้อของเก่าแห่งหนึ่งที่บ้านบางพุทรา ริมถนนสายนครศรีธรรมราช-ปากพนัง ต.ท่าไร่ ในราคา ก.ก.ละ 270 บาท ซึ่งราคาลวดทองแดงจะขึ้นอยู่ตามขนาดของลวด หากเป็นลวดฝอยในสายอ่อนไฟฟ้าราคา ก.ก.ละ 190-200 บาท ลวดสายไฟขนาดที่เดินภายในอาคาร ก.ก.ละ 270-300 บาท แต่หากขนาดใหญ่ ก.ก.ละ 350 บาทขึ้นไป ร้านรับซื้อของเก่าจะนำไปขายต่อได้กำไรอย่างน้อย 100-150 บาท/ก.ก.

ในขณะนี้ตนได้ทำหนังสือไปยังผู้ประกอบการรับซื้อของเก่าทุกร้านว่าหากมีคนนำสายไฟฟ้า สายเคเบิ้ล ไปขายจำนวนมาก ๆ และน่าสงสัยว่าจะเป็นสายไฟฟ้าที่ได้มาจากการกระทำผิดขอให้รับแจ้งตำรวจที่หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 075-341303 เพื่อตำรวจจะเข้าไปตรวจสอบ หากฝ่าฝืนและต่อไปตำรวจจับกุมคนร้ายได้ให้การสาวโยงไปถึงทางตำรวจจะดำเนินคดีกับเจ้าของร้านรับซื้อของเก่าในข ้อหาร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจรอย่างเด็ดขาดทันที

ในขณะที่ พ.ต.ท.สมชาย มวยดี สวป.กล่าวว่าในเบื้องต้นตำรวจจะดำเนินคดีกับนายวิชาญ และนายเอกพจน์ ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางคืนหรือรับของโจร โดยสถานการณ์การขโมยสายไฟฟ้าในขณะนี้เกิดขึ้นทุกวัน ๆ ละหลายครั้งโดยสายไฟฟ้าตามอาคารบ้านเรือนที่สร้างเสร็จใหม่ ๆ ยังไม่มีคนอยู่อาศัย โรงเรียน อาคารที่ทำการหน่วยงานราชการ เอกชน และสายไฟฟ้า สายเคเบิ้ลสาธารณะ ถูกคนร้ายลงมือโจรกรรมอย่างง่ายดาย

ทางตำรวจพยายามระดมกำลังสอบสวนติดตามจับกุมอย่างต่อเนื่อง และสามารถจับกุมคนร้ายได้แล้วหลายราย และในขณะนี้ได้ออกหมายจับคนร้ายรายใหญ่ 1 รายที่ตามแนวทางการสืบสวนพบว่าร่วมกับพวกก่อเหตุมาแล้วประมาณ 30 คดี ขณะนี้กำลังล่าจับกุมอยู่คาดว่าจะจับกุมได้ภายในวันสองวันนี้อย่างแน่นอน